ตอนที่ 2811 หยกมุกเก้าใบ
“พี่เย่กลับมาแล้ว!”
“พี่เย่ศึกครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านจริงๆ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าคงไม่ได้กลับมาแน่!”
“ก่อนหน้านี้มันเป็นเราเองที่โง่เง่าตาบอด อย่าได้ถือโทษโกรธเราเลย!”
เมื่อเย่หยวนกลับมาถึงยังค่ายนอกเมืองทิศเหนือเขาก็ได้รับเสียงต้อนรับอย่างกึกก้อง
เมื่อเหล่าทหารจักรพรรดิเซียนทั้งหลายเห็นหน้าเย่หยวน พวกเขาก็ต่างออกมากล่าวทักทายกันไม่ขาดสาย
ในหมู่ผู้คนทั้งหลายนั้นก็มีหลายคนที่เคยกล่าวเย้ยหยันเย่หยวนในวันก่อนหน้า และตอนนี้พวกเขาต่างก็อับอายจนแทบอยากเอาหัวมุดดินหนี
ครั้งนี้หากไม่ได้เย่หยวนช่วย…พวกเขาคงไม่อาจจะกลับมาได้อีก
เผลอๆ เมืองทิศเหนือนี้อาจจะตกอยู่ในมือของเผ่าเลือดไปแล้วด้วยซ้ำ และการพ่ายแพ้นั้นจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงจนไม่อาจมองข้ามไปได้
แถมเย่หยวนเองก็ไม่ได้วางท่าเหนือหัวคนใดๆ แค่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น
เมื่อเหล่าจักรพรรดิเซียนทั้งหลายได้เห็นท่าทีของเย่หยวน พวกเขาก็ยิ่งอับอายไปกว่าเก่า
เย่หยวนนั้นกลับมีความคิดจิตใจที่กว้างขวางนัก!
“น…น้องเย่” จ่าวเฉินเดินมาหยุดตรงหน้าเย่หยวนด้วยความอับอาย ก่อนจะออกศึกกันนั้นเขาเป็นคนที่ปากร้ายที่สุดในกลุ่ม แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขามันถูกความเป็นจริงตบจนชา
เมื่อเขาได้เห็นเย่หยวนอีกครั้ง มันย่อมทำให้เขาอับอายอย่างสุดใจ
“นี่มันจ่าวเฉินจากแผ่นดินใหญ่ อาจารย์เย่เรานั้นเป็นแค่คนนอกโพ้นทะเล จะกล้ามาเรียกเป็นพี่น้องกับเจ้าได้อย่างไรกัน?” เมื่อต้าหวงเห็นหน้าจ่าวเฉินนั้นเขาก็กัดฟันแน่นและกล่าวแดกดันทันที จ่าวเฉินนั้นได้แต่ต้องยืนหน้าแดงก่ำอย่างอับอาย และเรื่องนี้เย่หยวนกลับไม่ได้พูดอะไรออกมาห้าม เพราะก่อนหน้าจ่าวเฉินได้กล่าวคำพูดเย้ยหยันออกมาอย่างรุนแรง แถมไม่ใช่แค่คำพูดเท่านั้นแต่ท่าทางของจ่าวเฉินก็ดูถูกเขาอย่างที่สุด
จ่าวเฉินนั้นดูถูกเย่หยวนเพราะเขาเป็นคนนอกเช่นนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายเป็นนิกายยาสุดล้ำอีกด้วย
แน่นอนว่ามันจะเกิดความดูถูกขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม เพราะแท้จริงแล้วคนที่ทำท่าทางเช่นนี้ออกมามันก็ไม่ได้มีน้อย
ที่พวกเขาเปิดรับเย่หยวนเข้ามาง่ายๆ ก็เพราะว่าตอนนี้เป็นเวลาสงคราม หากเป็นเวลาสงบสุขปกติแล้วคนนอกอย่างเย่หยวนจะเข้ามายังทวีปสวรรค์แรกคงเข้ามาได้ยาก
เหมือนอย่างที่ทวีปพิรุณใสนั้นที่เจ้าถิ่นจะรู้สึกไม่ชอบใจคนนอกมากนัก
เย่หยวนนั้นไม่ชอบหาเรื่องคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาชอบก้มหัวให้คนอื่นกดขี่
แต่จู่ๆ จ่าวเฉินนั้นกลับคุกเข่าลงตรงหน้าเย่หยวนพร้อมกล่าวว่า “อาจารย์เย่ เรื่องก่อนหน้ามันเป็นความผิดของข้าเอง! ข้ารู้ดีว่าท่านนั้นมีความสามารถแค่ไหน และต้องมีวิธีช่วยเหลือลูกน้องของข้าได้บ้างแน่ๆ ตอนนี้พวกเขาต่างถูกพิษเลือดกัดกร่อนกันหมด ขอร้องท่านโปรดเมตตาพวกเขาด้วย!”
ในศึกแต่ละครั้งนั้นคนที่ติดพิษเลือดกัดกร่อนกลับมามันย่อมไม่ได้มีน้อยๆ
แม้แต่ซ่งเหมียวยอดฝีมือชั้นบรรยากาศสวรรค์จักรพรรดิเที่ยงนั้นยังติดพิษเลือดกลับมา มีหรือที่เหล่าจักรพรรดิเซียนทั้งหลายจะรอดไปได้?
เดิมทีทัพของจ่าวเฉินนั้นมันก็มีคนที่ติดพิษเลือดกัดกร่อนอยู่มาก
ในศึกครั้งนี้มันจึงทำให้พวกเขาสูญเสียและบาดเจ็บกันไปอย่างมากมายด้วย
ซึ่งกองทัพที่เหลือของเขากว่าร้อยละเจ็ดสิบนั้นติดพิษเลือดกัดกร่อนกันไป หากคนทั้งหลายนั้นตายลงเขาก็คงได้ลงจากตำแหน่งแม่ทัพแน่นอน
แน่นอนว่าแม้จ่าวเฉินนั้นจะดูถูกเย้ยหยันเย่หยวนแค่ไหน แต่เขาก็ถือว่าลูกน้องของตนเป็นเหมือนน้องชาย หากเขาสามารถช่วยน้องชายทั้งหลายได้ เขาพร้อมที่จะทิ้งศักดิ์ศรีใดๆ และคุกเข่าขอร้องเย่หยวนอย่างแน่นอน…
แม้แต่จักรพรรดิอย่างซ่งเหมียวนั้นยังกล้าคุกเข่า ทำไมเขาคนนี้จะไม่กล้า?
แต่ต้าหวงนั้นย่อมจะไม่ยอมรับมันง่ายๆ พร้อมกับยิ้มตอบกลับไป “นี่ ท่านจ่าวอย่าได้ทำเช่นนี้เลย! อาจารย์เย่นั้นเป็นแค่คนที่มีความรู้เท่าหางอึ่ง แต่นิกายยาสุดล้ำนั้นต่างหากที่เป็นเจ้าโลก ท่านมาหาคนผิดแล้วหรือไม่? ไปกราบขอร้องนิกายยาสุดล้ำมันจะไม่ดีกว่าหรือ?”
เต้าเฉินที่ด้านข้างนั้นแทบจะขุดหลุมมุดหน้าหนีไป
เพราะเขานั้นถูกสั่งให้มาเรียนรู้วิชาจากเย่หยวนและนอกจากเขาแล้ว เหล่านักหลอมโอสถสวรรค์ระดับห้าและหกทั้งหลายต่างก็มากันด้วย
ในทัพสวรรค์แรกนั้นมันมีแพทย์สนามอยู่ราวๆ ร้อยคนได้ และเหล่าแพทย์สนามส่วนมากนั้นก็มาจากนิกายยาสุดล้ำและตัวเต้าเฉินนี้ก็ถือเป็นยอดอัจฉริยะในหมู่คนที่มา
ก่อนหน้านี้เขาได้เชิดหน้าชูตาด้วยความเป็นศิษย์ของนิกายยาสุดล้ำ แต่หลังศึกครั้งนี้สถานะของเขากลับจมลงดิน
เต้าเฉินในตอนนี้ถูกทหารทั้งหลายมองเหมือนเป็นวายร้ายที่ทำคนตายไปนับหมื่น เพราะว่าคนที่ปฏิเสธคำของเย่หยวนนั้นมันก็คือพวกเขา เลยทำให้เกิดโศกนาฏกรรมนี้ขึ้น หากไม่ใช่เพราะนิกายยาสุดล้ำแสดงความมั่นใจออกมาอย่างสุดโต่ง
เหล่าทหารที่ติดพิษเลือดกัดกร่อนก็คงไม่กล้าลงสนามรบและศึกครั้งนี้มันก็อาจจะไม่กลายเป็นโศกนาฏกรรมเช่นนี้ เพราะในศึกนี้เหล่าทหารที่ติดพิษเลือดกัดกร่อนนั้นมันไม่ต่างอะไรจากระเบิดเวลาที่จะทำให้คนรอบๆ ซวยไปด้วย
เมื่อจ่าวเฉินได้ยินเช่นนั้นเขาก็ต้องกัดฟันแน่นก้มก้มหัวลงโขกต่อหน้าเย่หยวน
ตึง!
ตึง!
ตึง!
เสียงแต่ละครั้งนั้นมันทำให้ทหารทั้งหลายใจสั่น
“อาจารย์เย่ จ่าวผู้นี้ทำตัวโง่เง่าไปจริงๆ แต่ว่าพี่น้องของข้านั้นต่างก็เป็นคนดีถวายชีวิตเพื่อปกป้องผู้อื่น! ตราบเท่าที่ท่านช่วยเหลือพวกเขา จ่าวผู้นี้ก็พร้อมที่จะสละชีวิตของตัวเองเพื่อรับผิดชอบเรื่องที่เกิด!” จ่าวเฉินกล่าวพร้อมกับโขกหัวลงและบริเวณรอบๆ เหล่าทหารทั้งหลายก็หลั่งน้ำตาออกมา
เพราะในศึกครั้งนี้พวกเขาต้องเสียสหายร่วมรบไปมาก เหล่าเพื่อนพ้องที่อยู่ด้วยกันได้ล้มตายหายไปหลายคน แต่ไม่มีใครกล้าเดินมาช่วยจ่าวเฉินขอร้องแม้แต่น้อย… เพราะว่าพวกเขาต่างคิดว่าหากทำเช่นนั้นมันจะเป็นการเอาเปรียบเย่หยวนจนเกินไป
คนที่สร้างบุญคุณใหญ่หลวงเอาไว้ ได้มาตักเตือนพวกเขาก่อนออกศึกแล้ว แต่พวกเขานั้นกลับเชิดหน้าใส่ไม่สนใจคำเตือนของเขา
หากเป็นพวกเขานั้นพวกเขาเองก็คงไม่ทนรับมัน
มันเป็นการหวังดีแต่กลับได้โคลนสาดใส่หน้ากลับไป!
สายตาของคนทั้งหลายต่างเหลือบมามองเย่หยวน
แต่จู่ๆ เย่หยวนก็เดินไปตบบ่าของจ่าวเฉินที่ก้มหัวอยู่พร้อมกล่าวว่า “เอาล่ะ พาข้าไปดูอาการลูกน้องเจ้าเถอะ”
จ่าวเฉินสั่นสะท้านไปทั้งร่างก่อนจะรีบโขกหัวลงอีกหลายครั้ง “ขอบพระคุณอาจารย์เย่มาก! ขอบพระคุณอาจารย์เย่มาก!”
…
แต่เมื่อเย่หยวนเดินมาถึงจุดพักของลูกน้องจ่าวเฉินเขาก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
แย่มาก!
เพราะเวลานี้สภาพของพิษเลือดกัดกร่อนนั้นได้กัดกินเข้าไปในร่างของคนเหล่านี้จนเกิดรูที่น่าขยะแขยงอย่างถึงที่สุด พร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าที่อบอวลทั่วทั้งเต็นท์ และเสียงร้องโหยหวนที่ดังขึ้นรอบๆ
พิษเลือดกัดกร่อนนั้นมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวและทรมานอย่างมาก สภาพของซ่งเหมียวผู้เป็นถึงจักรพรรดิเที่ยงยังดูไม่ได้ขนาดนั้น ไม่ต้องถามเลยว่าสภาพของจักรพรรดิเซียนจะเป็นอย่างไร
นอกจากว่าเลือดกัดกร่อนนี้มันจะทำลายเลือดแล้วมันยังทำลายไปถึงวิญญาณดั่งเดิม เรียกได้ว่าไม่มีทางรักษา สิ่งเดียวที่จะต่อต้านได้นั้นคือเลือดภูตแท้! เพราะฉะนั้นวิธีการรักษาของนิกายยาสุดล้ำนั้นจึงกลายเป็นเหมือนของวิเศษสำหรับกองทัพสวรรค์แรกไป ส่วนคำพูดของเย่หยวนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปนี้มันย่อมจะไม่มีใครสนใจ
เย่หยวนนั้นย่อมจะไม่ได้เก่งกาจกว่ายอดดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างนิกายยาสุดล้ำนี้ไปแน่นอน แต่ต่อให้เก่งแค่ไหนจะทำข้าวมันไก่มันก็ต้องมีข้าว พวกเขาที่ต่อสู้กับเผ่าเลือดมานับพันๆ ปีนั้นกลับไม่เคยได้รับแก่นเลือดของเผ่าเลือดมาแม้แต่ครั้งเดียว ย่อมจะมีความรู้ไม่เท่าเย่หยวน
เย่หยวนเดินเข้าไปหาทหารที่นอนโทรมอยู่ตรงหน้าก่อนจะเริ่มตรวจอาการ
ไม่นานวิญญาณดั่งเดิมของเขาก็พุ่งผ่านทั้งร่างกายของทหารผู้นี้ก่อนที่สุดท้ายจะต้องส่ายหัวออกมา
“อ…อาจารย์เย่ สภาพของเสียวอี้ผิงมันยัง…ยังพอมีหวังหรือไม่?” จ่าวเฉินถามขึ้นอย่างกังวล
“เลือดทั้งร่างของเขานั้นมันถูกกัดกร่อนไปกว่าร้อยละเก้าสิบแล้ว! อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาก็คงต้องตายลงแน่!” เย่หยวนกล่าว
จ่าวเฉินนั้นหน้าซีดลงทันทีและได้แต่โทษตัวเองอยู่ในใจ
ภาพนี้เย่หยวนเองก็ย่อมจะเห็นและทำให้มุมมองที่มีต่อจ่าวเฉินของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เจ้าหมอนี่อาจจะดูถูกเขาจนสุดใจ แต่ว่าความห่วงใยต่อสหายร่วมรบนั้นเป็นของจริง
เย่หยวนหันหน้าไปมองทางเต้าเฉินและแพทย์สนามทั้งหลาย “พวกเจ้าดูให้ดี วิชาเข็มนี้ที่ข้าจะใช้มันมีนามว่าหยกมุกเก้าใบ หลังจากพวกเจ้าเรียนรู้มันแล้วก็จงใช้มันช่วยเหลือคนทั้งหลายเสีย วิชาเข็มนี้พอจะช่วยหยุดเลือดกัดกร่อนได้ช่วงระยะหนึ่ง แต่จะรักษาพิษเลือดกัดกร่อนให้หายขาดได้ไหม…เกรงว่าข้ายังต้องศึกษาอีกไม่น้อย”
……