“ยินดีด้วยพี่ฉิน! จากวันนี้ไปท่านคงได้ผงาดล้ำฟ้าเหมือนมังกรที่ได้กลับสู่สวรรค์แน่แล้ว!” โจวหยูนั้นเดินเข้ามากล่าวด้วยใบหน้าไม่จริงใจเท่าไหร่นัก
เพราะแค่ไม่กี่วันก่อนนั้นตัวเขาและฉินซื่อเถียนยังอยู่ในระดับเดียวกัน
แต่ไม่กี่วันมานี้คนทั้งสองต่างทิ้งระยะห่างกันออกไปจนเหมือนฟ้าและเหว
เหอเฉินเองก็ต้องทำหน้าเหยเกเข้ามากล่าวแสดงความยินดีด้วย
แต่ใครจะคิดฝันว่าตัวฉินซื่อเถียนกลับทำหน้าไม่พอใจออกมาพร้อมปล่อยคลื่นพลังรุนแรงล้ำขึ้น
โจวหยูและเหอเฉินทั้งสองคนนั้นต้องกระอักและถูกซัดกระเด็นออกมาทันที
“ไอ้เจ้าสุนัข! เจ้าคิดว่าตัวเองก็มีค่ามาเรียกข้าเป็นพี่น้องหรือ?” ฉินซื่อเถียนร้องลั่นขึ้นมาอย่างไม่พอใจทันที
เมื่อถูกตบหน้ากลางฝูงชนเช่นนี้คนทั้งสองย่อมจะได้รับความอับอายมากกว่าความบาดเจ็บ
พวกโจวหยูนั้นทั้งอายและทั้งแค้นใจแต่ก็ไม่กล้ากล่าวอะไรสวนกลับไป ได้แต่ต้องก้มหัวลงตอบ “ย…ยินดีด้วยมหาจักรพรรดิหนุ่ม!”
สิบรูปนั้นมันเป็นตัวตนที่สูงส่งในเผ่าวิญญาณมากนัก มันเทียบได้กับว่าที่มหาจักรพรรดิล้ำ
เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้เรียกอีกฝ่ายว่ามหาจักรพรรดิหนุ่ม
ฉินซื่อเถียนนั้นเป็นคนเย่อหยิ่งอยู่แล้ว
ดังนั้นในสายตาของเขาจะมีแค่คนที่อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้นที่จะมาเรียกเขาเป็นพี่น้องได้
ก่อนหน้านี้คนทั้งสองมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าเขา ตัวฉินซื่อเถียนจึงไม่ได้คิดถือสาอะไร
แต่ตอนนี้คำว่า ‘พี่ฉิน’ มันกลับฟังดูเหมือนคำดูถูก
แต่ว่าต่อให้ฉินซื่อเถียนจะโอหังล้ำปานนี้มันก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรกับเขา
เพียงแค่ว่าคนทั้งหลายที่คิดจะเข้ามาแสดงความยินดีด้วยในตอนแรกนั้นเริ่มจะหมดความกล้าลงไปแล้ว
เพราะว่าตัวเขาในตอนนี้มีทั้งพลังฝีมือและสถานะที่แตกต่างจากเดิมสิ้นเชิง!
ไม่นานจากนี้ฉินซื่อเถียนคงได้เข้าถึงเผ่าวิญญาณส่วนหลักและยิ่งพัฒนาตัวห่างไกลพวกเขาไปเรื่อยๆ
นี่มันคือตัวตนที่เหนือล้ำยิ่งใหญ่!
มหาจักรพรรดิล้ำซีเฉินนั้นเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเกกล่าวขึ้นมาแก้ตัว “หลานศิษย์อย่าโกรธพวกมันไปเลย ตอนนี้เจ้านั้นสูงส่งล้ำแล้ว ทำไมต้องมาสนใจถกเถียงกับพวกมันด้วย?”
หลินฟางกล่าวขึ้นตาม “ใช่แล้วๆ สำหรับเด็กที่ไม่รู้กาลเทศะนั้นหลานศิษย์ไม่ต้องไปสนใจให้มากหรอก”
สิบรูปนั้นมันคือตัวตนที่เรียกได้ว่าเป็นเกียรติแห่งโถงวิญญาณนิพพานกล้วยไม้สงบ
ต่อให้จะเป็นมหาจักรพรรดิเองก็ยังไม่กล้าเสียมารยาทด้วยมาก
ฉินซื่อเถียนตบหน้าพวกโจวหยูท่ามกลางสายตาคนเช่นนี้มันจะไม่เท่ากับตบหน้าอาจารย์ของพวกเขาไปด้วย?
แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก
จากนี้ไปโถงวิญญาณนิพพานกล้วยไม้สงบยังต้องให้ฉินซื่อเถียนช่วยอีกมาก
ฉินซื่อเถียนในตอนนี้ผงาดล้ำฟ้าดินขึ้นไปแล้วอย่างแท้จริง!
ฉินซื่อเถียนหัวเราะขึ้นตอบ “หากไม่เห็นแก่หน้าอาจารย์ลุงทั้งสองแล้วข้าคงต้องลงมือสั่งสอนพวกมันแน่!”
แต่วินาทีจากนั้นเขาก็เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้และหันไปมองเตาหลอมวิญญาณของเย่หยวนและยิ้มขึ้น “มันคิดว่ามันจะใช้สี่สิบสองเต๋าไฟสังหารข้าลงแต่คงไม่คิดว่าจะช่วยให้ข้าพัฒนาขึ้นมาแทนหรอกใช่หรือไม่? สุดท้ายแล้วมันก็เป็นคนที่ตายลงไปเอง! แท้จริงแล้วหากยอมรับเดิมพันแค่สามสิบห้าเต๋าไฟแต่แรกมันก็คงไม่มีทางจะตายลงได้แน่ ต่อให้มันจะไม่บรรลุสิบรูปมันก็คงออกมาได้อย่างปลอดภัย”
มหาจักรพรรดิตงหยางพยักหน้ารับด้วยความเสียดาย “แม้ว่าเขานั้นจะด้อยกว่าเจ้าไปมากแต่ว่าเขาเองก็เป็นยอดอัจฉริยะ! น่าเสียดายที่ต้องเสียไปเช่นนี้”
ฉินซื่อเถียนหัวเราะลั่นขึ้นมา “คนตายไปแล้วจะยังสนใจอะไรมันอีก?! จากวันนี้ไปมันคือยุคสมัยแห่งฉินซื่อเถียนคนนี้!”
สภาพของฉินซื่อเถียนในตอนนี้มันเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ จะมีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าเขาได้?
ผู้เข้าทดสอบทั้งหลายนั้นต่างไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะเข้ามายินดีกับความสำเร็จของเขา
เหล่ามหาจักรพรรดิของโถงวิญญาณนิพพานนั้นต่างเข้ามาแสดงความยินดีด้วยตามๆ กัน
ฉินซื่อเถียนนั้นกลายเป็นจุดกลางความสนใจทันที
แม้แต่มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นเองก็ยังเทียบเขาไม่ได้
แต่มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นไม่คิดมากมายอะไรเพราะจะอย่างไรฉินซื่อเถียนก็คือศิษย์ของเขา
เขาไม่มีทางเดินเข้ามาเหยียบหน้าอาจารย์แน่นอน
แต่ว่าวินาทีเดียวกันนั้นหางตาของเขาก็เหลือบไปเห็นว่าเตาหลอมวิญญาณนั้นยังไม่หยุดทำงาน
จนเขาต้องขมวดคิ้วขึ้น
เพราะว่าตอนนี้เต๋าไฟที่สี่สิบสามมันกำลังปะทุขึ้นอีก!
“หือ? แปลกจริง หากดูแล้วเย่หยวนคงตายไปแล้ว เต๋าไฟในเตาหลอมวิญญาณมันก็ควรจะดับลงแล้วเช่นกันมิใช่หรือ? ทำไมเต๋าไฟยังปะทุขึ้นมาใหม่ได้?”
มหาจักรพรรดิล้ำซีเฉินและหลินฟางที่ได้ยินคำของตงหยางนั้นก็ต้องหันมามองพร้อมๆ กันทันที
ภายในเตาหลอมวิญญาณนั้นร่างวิญญาณของเย่หยวนมันได้เลือนหายไปสิ้นเชิงแล้ว
เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายย่อมจะคิดว่าเขาตายลง
แต่ว่าตอนนี้เต๋าไฟที่สี่สิบสามนั้นมันกลับปะทุขึ้น!
“หรือว่าเขาจะยังไม่ตายลง?”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ร่างวิญญาณของเขานั้นมันคงแตกสลายลงไปสิ้นแล้ว เขาต้องตายแน่แล้ว!”
“แต่เจ้าจะอธิบายอย่างไรถึงเต๋าไฟนั้นเล่า? ทำไมเตาหลอมวิญญาณมันยังไม่ดับลงไป?”
“นี่มันคงไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเตาหลอมวิญญาณหรอกใช่ไหม?”
…
ปรากฏการณ์ตรงหน้านี้มันไม่อาจจะอธิบายได้
มหาจักรพรรดิทั้งหลายที่ได้เห็นต้องผงะไปเช่นกัน
“พี่ตงหยาง มันมีอะไรผิดปกติกับเตาหลอมวิญญาณหรือไม่? ทำไมท่านไม่ปิดการทำงานของมันก่อนเล่า?” มหาจักรพรรดิล้ำซีเฉินกล่าวขึ้นเสนอ
ในฐานะเจ้าโถงนั้นเขาย่อมจะมีอำนาจควบคุมเงาของเตาหลอมวิญญาณทั้งหลาย
เมื่อตงหยางได้ยินเขาก็พยักหน้ารับและยิงคลื่นพลังออกไปหลายสาย
แต่ว่าวินาทีต่อมานั้นเตาหลอมวิญญาณของเย่หยวนมันกลับส่องแสงจ้าขึ้น
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นกระอักเลือดและปลิวถอยกลับมาหลายก้าว พร้อมสภาพร่างที่เบาบางลงอย่างมาก
ดูท่าเขาคงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
คนอื่นๆ เองก็ต่างเปลี่ยนสีหน้าไปเมื่อได้เห็น
“มันเรื่องอะไรกันพี่ตงหยาง?” ซีเฉินถามขึ้นอย่างลนลาน
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นส่ายหัวออกมาทันที “ไม่รู้เหมือนกัน เตาหลอมวิญญาณในตอนนี้มันหลุดจากการควบคุมของข้าไปแล้ว ทั้งยังกระแทกข้ากลับมาด้วย!”
ซีเฉินนั้นเบิกตากว้างขึ้นพร้อมกล่าว “เป็นไปได้อย่างไรกัน! ท่านนั้นคือเจ้าโถง ท่านมีอำนาจควบคุมเงาเตาหลอมวิญญาณอย่างเด็ดขาด!”
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางยิ้มแห้งๆ ตอบกลับไป “แต่ตอนนี้มันอยู่เหนือการควบคุมของข้าไปแล้ว! มีแต่ต้องรอให้เตาหลอมวิญญาณมันหยุดลงด้วยตัวเองเท่านั้น ข้าเองก็หวังว่าจะไม่เกิดหายนะขึ้นแล้วกัน”
คนทั้งหลายที่ได้ยินต่างก็เริ่มวิตกขึ้น
ตอนนี้มันกลับมีเรื่องที่แม้แต่เจ้าโถงนั้นยังไม่สามารถจัดการขึ้นปรากฏขึ้น!
ฉินซื่อเถียนเองก็ได้แต่ทำหน้าเหยเก
‘เจ้าเย่หยวนนี่มันช่างน่าชังแท้ๆ ขนาดว่าตายไปแล้ว!’
‘ตอนนี้ข้าเป็นถึงยอดฝีมือสิบรูปแล้ว เป็นจักรพรรดิหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่แล้ว จะไม่ให้ข้าได้เสพสุขในช่วงเวลานี้หน่อยเลยหรือ?’
เรื่องราวทั้งหมดมันกลับพังทลายเพราะเย่หยวนอีกครั้ง!
ครืน…
วินาทีเดียวกันนั้นเตาหลอมวิญญาณมันก็สั่นสะเทือนขึ้นมาราวกับว่าพร้อมจะระเบิดออก
สีหน้าของคนที่ได้เห็นเช่นนั้นต่างซีดขาวเริ่มเดินถอยห่างจากเตาหลอมวิญญาณไปอย่างไม่รู้ตัว
เพราะสิ่งที่ไม่รู้นั้นน่ากลัวเสมอ
ไม่นานจากนั้นสี่ชั่วโมงมันก็ผ่านไปพร้อมการปะทุขึ้นของเต๋าไฟที่สี่สิบสี่!
ตอนนี้เตาหลอมวิญญาณนั้นมันจึงยิ่งทำงานหนักหน่วงสั่นรุนแรงขึ้น
เตาหลอมวิญญาณในตอนนี้มันเหมือนเครื่องจักรที่ใกล้พังลง ไม่อาจจะมีใครเข้าไปใกล้ได้
สี่สิบห้า สี่สิบหก สี่สิบเจ็ด สี่สิบแปด สี่สิบเก้า!
พริบตาเดียวมันก็ผ่านไปอีกวันหนึ่ง!
เมื่อเต๋าไฟสุดท้ายปะทุขึ้นมานั้นทั้งเตาหลอมวิญญาณมันก็กลายสภาพเป็นเหมือนก้มขุมนรก
ตอนนี้ฝาปิดของเตาหลอมวิญญาณมันทำท่าเหมือนจะระเบิดออกมา
คนทั้งหลายได้แต่หันมามองหน้ากันว่าเตาหลอมวิญญาณกำลังจะระเบิดออกแล้วจริงๆ
“นี่มัน…เรื่องบ้าอะไรกัน?”
“เย่หยวนนี่มันเก่งดีจริงๆ ตายไปแล้วยังทำปัญหาใหม่ทิ้งไว้ได้!”
“เจ้าบ้านี่คงไม่ได้ไปเผลอเปิดกลไกลับของเตาหลอมวิญญาณจนมันจะระเบิดโถงวิญญาณนิพพานทิ้งหรอกนะ? ข้ารู้สึกได้เลยว่าหากพลังเช่นนี้ระเบิดออกมาพวกเราย่อมจะไม่มีทางหนีทันแน่!”
“พวกเจ้าดูสิ! ในเตาหลอมวิญญาณมันเริ่มมีควันปรากฏขึ้นแล้ว! มันกลับมีควันความร้อนก่อตัวขึ้นในเตาหลอมวิญญาณ! หรือว่าแท้จริงแล้วเย่หยวนมันได้กลายร่างเป็นหมอกควันไป?”
…
ตอนนี้มันมีหมอกควันกลุ่มใหญ่ลอยขึ้นกลางเตาหลอมวิญญาณขยับไปมาอย่างรวดเร็ว
มหาจักรพรรดิล้ำตงหยางนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายก่อนจะเบิกตากว้างกล่าวขึ้น “นั่น…หรือว่ามัน มันจะเป็น…”
………………………..