“บรรพบุรุษท่านทั้งหลาย ศิษย์เจอแม้แต่สิ่งนี้ที่ทางเข้าด้วย!”
หวางเฉียนนั้นหยิบเอาผลึกสีขาวออกมาและเมื่อยู่เทียนและเจ้าโลกคนอื่นๆ ได้เห็นมันนั้นพวกเขาก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นทันที
“เสี้ยวผลึกกำเนิดมิติ!”
ยู่เทียนร้องขึ้นมา “บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านคงเข้าทะเลมารไปแน่แล้ว ไม่มีผิดแน่นอน!”
ว่างหนิงเองก็พยักหน้ารับ “บรรพบุรุษท่านนั้นตามหาสิ่งนี้มานับหมื่นๆ ปี! ไม่นึกเลยว่ามันจะปรากฏขึ้นในห้วงมิตินรก! เช่นนี้มันก็ไม่แปลกอะไรแล้ว บรรพบุรุษบู๋เมี่ยท่านย่อมจะไม่ทำอะไรบ้าๆ อย่างไร้เหตุผล ตอนนี้มันไม่ต้องสงสัยอะไรอีกต่อไปแล้ว!”
คนทั้งหลายนั้นต่างร้องแสดงความเห็นด้วยออกมา พวกเขาต่างคิดว่าเจ้าโลกบู๋เมี่ยเข้าไปยังทะเลมารนี้แน่นอนแล้ว
ได้เห็นเช่นนั้นเย่หยวนก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเก่า
เพราะยิ่งมันชัดเจนมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งฟังดูน่าอันตรายมากเท่านั้น
หยุนหนีที่ได้เห็นหน้าตาเหยเกของเย่หยวนนั้นก็ต้องคิดมากขึ้นมาในใจเช่นกัน
แต่นางนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
เพราะตอนนี้หลักฐานทั้งหมดของบรรพบุรุษบู๋เมี่ยมันชี้ตรงไปยังทะเลมารนี้แล้ว!
ที่สำคัญไปกว่านั้นด้วยกำลังของพวกเขานี้ต่อให้มันจะมีการดักโจมตีมันก็คงไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายใดๆ มากมาย
เพราะไม่ว่าจะเป็นยู่เทียนหรือว่าว่างหนิงนั้นพวกเขาต่างก็มิใช่แค่เจ้าโลกทั่วๆ ไป
ฝีมือของพวกเขานั้นไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าโลกหยุนซานมากมาย!
มันมีเพียงแค่คนระดับเจ้าโลกบู๋เมี่ยเท่านั้นที่จะเอาชนะพวกเขาลงได้
คนทั้งหลายเลิกที่จะลังเลและมุ่งหน้าลงทะเลมารไปในที่สุด!
เมื่อมาถึงทะเลมารนั้นแล้วเย่หยวนก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันแสนอึดอัด
ตอนนี้พลังวิญญาณของเขานั้นมันแทบจะไม่อาจใช้ออกไปได้
อากาศในที่แห่งนี้มันเหมือนมีพลังที่ใช้กดดันพลังวิญญาณ
เย่หยวนนั้นรู้สึกว่าในที่แห่งนี้เผ่าวิญญาณคงสามารถใช้พลังออกมาได้แค่ราวเจ็ดในสิบของพลังที่มีพลังหมด
แม้แต่เจ้าโลกเองก็ไม่เว้นเช่นกัน
แต่เมื่อเข้ามาถึงทะเลมารแล้วมันกลับเจอแต่ความเงียบงันจนน่าแปลกใจ
ระหว่างทางนั้นพวกเขาไม่เจอเข้ากับสิ่งชั่วร้ายใดๆ เลย!
เป็นเช่นนี้แม้แต่ยู่เทียนเองก็ยังรู้สึกแปลกๆ
“มันไม่ดีแล้ว! หวางเฉียน เจ้าแน่ใจนะว่ามันมีคลื่นพลังของท่านบู๋เมี่ยอยู่ในที่นี้?” ยู่เทียนถามขึ้นมา
หวางเฉียนนั้นพยักหน้ารับ “ขอรับ! หลังจากเข้าทะเลมารมาแล้วคลื่นพลังของบรรพบุรุษท่านยิ่งชัดเจนจนข้าแทบไม่ต้องตั้งใจสัมผัสเลยก็ยังรู้สึกได้”
ยู่เทียนหันมามองหน้าเย่หยวนและเย่หยวนก็พยักหน้ารับกลับไป แสดงว่ารู้สึกเช่นเดียวกับหวางเฉียน
แน่นอนว่าคลื่นกำเนิดหมอกหุ้มในที่นี้มันรุนแรงอย่างมาก
ที่แห่งนี้มันคงเกิดการต่อสู้หนักหน่วงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เช่นนั้นแล้วคลื่นกำเนิดก็คงไม่มีทางจะหนาแน่นได้ขนาดนี้
“พี่ยู่เทียน บริเวณนี้มันควรจะเป็นดินแดนของหนอนคีบ แต่ข้ากลับไม่อาจสัมผัสถึงพลังของเจ้าหนอนคีบได้เลย! มันไม่ดีแล้ว!” ว่างหนิงกล่าวขึ้นมา
แต่ยู่เทียนนั้นได้แต่ต้องหันไปมองหน้าเย่หยวนด้วยใบหน้าเหยเก
หรือว่าเจ้าเด็กนี่มันจะพูดถูก?
เพราะสภาพในตอนนี้ มันคงไม่มีผิดแน่แล้ว!
“พี่ยู่เทียน เราคง…ไม่ได้เข้ามาติดกับจริงๆ แล้วใช่ไหม?” ผู้นำแดนวิญญาณเหนือเจ้าโลกหวู่เหวินกล่าวขึ้นมา
ยู่เทียนนั้นแต่ต้องหรี่ตาลงและร้องสั่ง “ถอย!”
แต่ในเวลานั้นเองที่ห้วงมิติด้านหลังมันก็ปรากฏเงาร่างพุ่งตัวออกมาปิดล้อมไว้ด้วยจำนวนนับร้อยๆ!
เรื่องนี้มันทำให้ใบหน้าของคนตระกูลวิญญาณนิพพานนั้นซีดขาวลงพร้อมๆ กัน
“ฮ่าๆ พี่ยู่เทียน อุตส่าห์มาถึงทะเลมารแล้วจะกลับไปอย่างไม่ทักไม่ทายกันหน่อยหรือ?”
คนที่พูดนั้นมีร่างเป็นหนอนคีบยักษ์
นี่คือราชาของบริเวณนี้
“พี่ยู่เทียน ไม่ได้เจอกันมาเสียนาน ทำไมเล่า? จะไม่คิดทักทายกันหน่อยหรือ?”
ยู่เทียนต้องเบิกตากว้างร้องลั่นขึ้นมา “เฉียชาง! เผ่าเลือดของเจ้ากลับร่วมมือกับห้วงมิตินรกหรอกหรือ!”
เฉียชางนั้นเป็นเจ้าโลกจากเผ่าเลือดคู่แค้นของยู่เทียน
ฝีมือของเขานั้นไม่ได้ด้อยกว่ายู่เทียนเลย!
ยู่เทียนนั้นเองก็ไม่คิดฝันว่าห้วงมิตินรกมันจะไปร่วมมือกับเผ่าเลือดเช่นนี้
นี่มันคือข่าวร้ายหายนะของเผ่าวิญญาณนิพพาน
เฉียชางนั้นยิ้มกว้างขึ้นมา “ศัตรูของศัตรูนั้นคือมิตร! ยู่เทียน เรื่องง่ายๆ แค่นี้ข้าคงไม่ต้องอธิบายให้เจ้าฟังหรอกมั้ง? แต่ว่าสหายเก่าของเจ้าในวันนี้มันไม่ได้มีแค่เรา พี่จุนยี่ ไม่ออกมาทักทายมันหน่อยหรือ?”
ได้ยินเช่นนั้นยู่เทียนและเจ้าโลกเผ่าวิญญาณนิพพานก็ต้องสั่นสะท้านไปทั้งกายพร้อมหันไปมองตามเป็นตาเดียว
เจ้าโลกจุนยี่นั้นเดินออกมาด้วยชุดสีฟ้าครามทำให้ยู่เทียนนั้นรู้สึกสิ้นหวังสุดใจ
“จุนยี่! ตระกูลวิญญาณฉีและตระกูลวิญญาณนิพพานนั้นจะอย่างไรก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน! พวกเจ้ากลับไปร่วมมือกับเผ่าเลือดเพื่อจัดการพวกเราหรือ?” ยู่เทียนกัดฟันแน่นขึ้นมาอย่างคับแค้นสุดใจ
เผ่าเลือดและห้วงมิตินรกร่วมมือกันนั้นมันมิใช่เรื่องน่าแปลกมากมาย เขาไม่ได้คับแค้นใดๆ แค่สิ้นหวัง
แต่จุนยี่นั้นคือเจ้าโลกระดับสูงของตระกูลวิญญาณฉี แต่เขาคนนี้กลับไปร่วมมือกับเผ่าเลือด เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกคับแค้นสุดใจ
จุนยี่นั้นกล่าวขึ้นมา “เผ่าเดียวกัน? ยู่เทียน เจ้าหลงตัวเองเกินไปแล้ว! ตระกูลวิญญาณนิพพานของเจ้านั้นมันเป็นแค่สุนัขรับใช้ตระกูลวิญญาณฉีของเรา! ในทุกสวรรค์นี้มันมีเผ่าวิญญาณเพียงแค่ตระกูลเดียว ตระกูลวิญญาณนิพพานใดๆ มันไม่มีอยู่จริงๆ เจ้าบู๋เมี่ยนั้นมันสมควรตาย!”
ยู่เทียนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งร่าง “พวกเจ้า…พวกเจ้าทำอะไรกับท่านบู๋เมี่ยกัน?”
จุนยี่ยิ้มตอบกลับไป “แม้ว่าเฒ่าบู๋เมี่ยมันจะถูกเรียกว่าผู้อมตะแต่ด้วยมือของสามยอดเจ้าโลกแล้วต่อให้มันจะไม่ตายมันก็คงต้องนอนเจ็บไปอีกนานแสนนาน! ที่สำคัญครั้งนี้เรายังลอบโจมตีมันแบบไม่ให้ตั้งตัว เจ้าเฒ่านั่นมันคงมีสภาพย่ำแย่มากแล้ว เผลอๆ จะตายไปแล้วด้วยซ้ำ!”
คนตระกูลวิญญาณนิพพานนั้นต่างต้องสูดลมหายใจเข้าลึกทันที
สามยอดเจ้าโลกร่วมมือกัน!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสามยอดเจ้าโลกที่ว่านี้มันคงเป็นเจ้าโลกเชียหลงแห่งห้วงมิตินรก เจ้าโลกเฉียเกอแห่งเผ่าเลือดและเจ้าโลกเทียนเหวินแห่งตระกูลวิญญาณฉี!
คนทั้งสามนั้นกลับร่วมมือกัน!
หากสามยอดเจ้าโลกนี้ร่วมมือกันแล้วไม่ว่าจะสวรรค์ใดมันก็คงไม่อาจต้านทานพลังได้!
แม้ว่าเจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นจะเก่งกาจแค่ไหนแต่การร่วมมือกันของสามยอดคนเช่นนั้นมันก็ไม่แน่ว่าเขาจะรอดออกมาได้!
เรื่องนี้มันทำให้ทั้งตระกูลวิญญาณนิพพานนั้นเริ่มขวัญเสีย
แม้แต่เจ้าโลกทั้งหลายเองก็เริ่มตั้งสติไม่ได้แล้ว
เจ้าโลกบู๋เมี่ยนั้นคือคนที่เก่งกาจที่สุดของตระกูลวิญญาณนิพพานและเป็นเสาหลักของพวกเขาด้วยเช่นกัน
ตอนนี้หากเจ้าโลกบู๋เมี่ยตายลงแล้วจริงๆ มันคงทำให้พวกเขาจบสิ้นกัน
เฉียชางนั้นยิ้มกล่าวขึ้นต่อ “พี่ยู่เทียนห่วงเรื่องตัวเองก่อนเถอะ เพื่อที่จะล่อพวกเจ้าออกมาวันนี้พวกเรานั้นต้องเสียทรัพยากรไปเท่าไหร่! แต่ว่าตราบที่พวกเจ้าเหล่าผู้นำของห้าแดนวิญญาณตายลงแล้วสวรรค์โมฆะเกินดุลมันก็คงจบสิ้นลงเช่นกัน จากวันนี้ไปเผ่าเลือดเรานั้นจะเข้าไปครอบครองสวรรค์โมฆะเกินดุลร่วมกับเผ่าวิญญาณ!”
ยู่เทียนหันไปมองหน้าจุนยี่และกล่าวขึ้น “เจ้าไปขอให้เสือร้ายมาช่วยเหลือ! ความทะเยอทะยานของเผ่าเลือดนั้นคนเขารู้กันทุกสวรรค์! แต่พวกเจ้ากลับไปร่วมมือกันพวกมัน!”
จุนยี่นั้นยิ้มตอบกลับไป “เผ่าวิญญาณและเผ่าเลือดนั้นต่างเป็นเผ่าโกลาหล เป็นตัวตนที่อยู่เหนือสวรรค์ทั้งปวง! เรานั้นไม่ได้ต่างกันมากมายหรอก!”
ตระกูลวิญญาณฉีนั้นวางตัวเหนือหัวคนเสมอๆ
พวกเขานั้นดูถูกตระกูลวิญญาณนิพพานแต่เพราะว่าตัวตนของเจ้าโลกบู๋เมี่ยมันทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไรตระกูลวิญญาณนิพพานมากมายนัก
จนถึงตอนที่เผ่าเลือดไปเจอพวกเขาเข้าพวกเขาจึงได้เห็นว่าโอกาสทองมาถึงแล้ว!
แน่นอนว่าเผ่าเลือดเองก็ต้องพยายามอย่างหนักที่จะดึงตระกูลวิญญาณฉีมาร่วมด้วยได้
ส่วนห้วงมิตินรกนั้นมันคือด้านตรงข้ามของเผ่าวิญญาณ เป็นศัตรูกันโดยธรรมชาติ
พวกเขานั้นมักจะค้านพลังของกันและกันไว้เสมอๆ
เผ่าในห้วงมิตินรกนี้มันคือศัตรูตามธรรมชาติของเผ่าวิญญาณ
ในสถานการณ์เช่นนี้ความเป็นความตายของตระกูลวิญญาณนิพพานย่อมจะถูกตัดสินในไม่ช้าแล้ว!
…………………………