War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3277

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 3,277 : หานอวิ๋นจิ่น
 
 
“ศิษย์น้องหญิงหว่านเอ๋อ”
 
ในขณะที่หงเหมยกำลังรัวตบไปยังศีรษะหงเฟยอย่างเมามัน ก็ปรากฏเสียงหล่อหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล จากนั้นก็ปรากฏร่างชายหนุ่มในคลุมสีน้ำเงินย่ำฟ้ามาหยุดลงเบื้องหน้าพวกต้วนหลิงเทียน
 
ด้านหลังชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงิน มีชายหนุ่มติดสอย้อยตามมาอีกคน
 
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินผู้นี้ หว่างคิ้วฉายชัดถึงความหยิ่งผยอง ราวกับเห็นทุกสิ่งต่ำชั้นกว่าตัว
 
เดิมต้วนหลิงเทียนคิดว่าศิษย์พี่หญิง 4 ของเขาคงสนิทกับอีกฝ่าย ทว่าพอเห็นศิษย์พี่หญิง 4 ของเขาเพียงหันไปมองพยักหน้าให้เบาๆ ไม่พูดอะไรสักคำ เขาก็รู้ว่าท่าทางจะไม่ได้สนิทกันเสียแล้ว
 
“เวิ่นหว่านเอ่อ ศิษย์พี่จิ่นกำลังคุยกับเจ้าอยู่ เจ้าไม่ได้ยินหรือ”
 
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงิน พอเห็นว่าเวิ่นหว่านเอ๋อไม่ได้แยแสชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินมากนัก ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกล่าวออกเสียงเข้ม
 
“จึกๆๆ..”
 
เวิ่นหว่านเอ๋อไม่คิดต่อปากต่อคำอะไรกับมัน แต่ไม่ใช่ว่าหูเหมยจะไม่พูด นางหันไปมองชายหนุ่มที่ลอยอยู่ด้านหลังชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินพลางกล่าวประชดออกมาด้วยรอยยิ้มดูแคลนว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ศิษย์ลำดับ 2 ของจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก กลับกลายเป็นสุนัขรับใช้ติดตามผู้อื่นต้อยๆแบบนี้?”
 
“ช่างทำให้ศิษย์อัจฉริยะอย่างพวกเรารู้สึกขายขี้หน้ายิ่งนัก!”
 
ขณะกล่าวถึงประโยคนี้ รอยยิ้มดูแคลนบนใบหน้าหูเหมยก็กลายเป็นหยามเหยียดไม่มีชิ้นดี
 
“หูเหมย เจ้าอยากตายนักหรือ?”
 
ได้ยินวาจาถากถางของหูเหมย สีหน้าชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปทันที มันโมโหจนหน้าเริ่มแดง ลูกตากลายเป็นเยียบเย็นฉายชัดถึงความอาฆาตแค้น
 
“ทำไม? หรือเซียวฉงอี้เจ้าคิดท้าประลองกับข้า?”
 
หูเหมยคลี่ยิ้มแสยะ “เช่นนั้นข้าก็อยากรู้นัก ว่าไม่นานมานี้เซียวฉงอี้เจ้าก้าวหน้าขึ้นมากน้อยเพียงใด…”
 
“เพราะหากข้าจำไม่ผิด…ครั้งสุดท้ายที่เจ้าท้าข้า ดูเหมือนคนแพ้จะไม่ใช่ข้า ทั้งไม่ทราบสุนัขตัวใดกันที่ร่ำร้อง ‘ข้ายอมแพ้แล้ว’ เสียงดังอย่างขลาดเขลาต่อหน้าข้าวันนั้น…”
 
กล่าวถึงประโยคท้ายรอยยิ้มเย้ยเยาะบนใบหน้าหูเหมย ก็กลายเป็นรอยยิ้มแดกดันหยันหยาม ทำให้สีหน้าชายหนุ่มมืดดำคล้ำลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก!
 
“หูเหมย พอได้แล้ว”
 
ตอนนี้เองชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินพลันกล่าวตัดบทออกมาด้วยน้ำเสียงห้ามสงสัย คุกคามผู้คนไม่น้อย!
 
“หานอวิ๋นจิ่น หากข้าเป็นเจ้าข้าคงไม่กล้าเสนอหน้ามาเจอหว่านเอ๋ออีกครั้งหรอก”
 
ถึงแม้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินจะแลดูไม่ง่ายที่จะล่วงเกิน แต่หูเหมยก็ไม่ได้พูดกับมันดีๆ น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียจฉันท์นัก
 
“ศิษย์น้องเล็ก”
 
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนแลดูงุนงงกับเรื่องราว เสียงผ่านพลังของศิษย์พี่ 6 หงเฟยก็ดังขึ้นในหูเขาพอดี “ 2 คนที่เจ้าเห็นอยู่ตอนนี้ ไอ้คนด้านหลังเรียกว่าเซียวฉงอี้ มันเป็นศิษย์คนที่ 2 ของจักรพรรดิอมตะคลื่นหมอก”
 
จักรพรรดิอมตะคลื่นหมอกที่ว่า ต้วนหลิงเทียนก็เคยได้ยินเรื่องราวของมันมาบ้าง อีกฝ่ายเป็น 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ชื่อเสียงของมันก็พอๆกับจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ พลังฝีมือเองก็พอๆกัน
 
“เจ้าเซียวฉงอี้นั่นมันก็เป็นศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 800-900 ปีเหมือนศิษย์พี่หญิง 3…อย่างไรก็ตามศิษย์พี่หญิง 3 อยู่ในอันดับที่ 2 ส่วนเจ้านั่นมันอยู่ที่ 3”
 
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของหงเฟย ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
 
ศิษย์พี่หญิง 3 หูเหมยคนนี้ ที่แท้เป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับ 2 ในช่วงอายุ 800-900 ปีเชียวหรือ?
 
จังหวะนี้เขาอดหันไปมองหูเหมยใหม่ไม่ได้ เพราะเขาไม่คิดเลยว่าศิษย์พี่หญิง 3 ที่โผงผางราวนักเลงหญิงมาดอาเจ๊จะเป็นศิษย์อัจฉริยะที่ร้ายกาจไม่ใช่ชั่วแบบนี้!
 
“เจ้าเซียวฉงอี้นั่นมันท้าทายศิษย์พี่หญิง 3 หลายรอบแล้ว แต่ทุกครั้งมันก็ถูกศิษย์พี่หญิง 3 ทุบตีจนแพ้พ่าย!”
 
หงเฟยกล่าวถึงประโยคนี้ก็หยุดลงเล็กน้อย ค่อยพูดต่อ
 
“สำหรับเจ้าหนุ่มชุดสีน้ำเงินที่อยู่หน้าเซียวฉงอี้ มันเป็น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือเรา และมีชื่อเสียงพอๆกับศิษย์พี่รอง”
 
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจกับชายที่ศิษย์พี่หญิง 3 ของเขาเรียกหาว่าหานอวิ๋นจิ่นอยู่บ้าง ด้วยไม่คิดเลยว่าที่แท้อีกฝ่ายจะเป็นศิษย์อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงพอๆกับศิษย์พี่รอง
 
ในวังเทียนฉือมีเพียงศิษย์ที่โดดเด่นและอายุไม่ถึงพันปีเท่านั้น ถึงสามารถครองตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะได้
 
และ 5 ศิษย์อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของวังเทียนฉือ ก็เป็นดั่งศิษย์อายุไม่ถึงพันที่แข็งแกร่งที่สุดในวังเทียนฉือ!
 
“เจ้านี่เรียกว่าหานอวิ๋นจิ่น และเป็นศิษย์คนโตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ…และจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับที่ว่า พลังฝีมือยังเหนือกว่าท่านอาจารย์เสียอีก”
 
หงเฟยกล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าเบาๆ
 
จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานนามของวังเทียนฉือนั้น พลังฝีมือสูงส่งติด 1 ใน 3 ของวังเทียนฉือ ยังเหนือกว่าครูของเขาฉือหล่างอีก
 
ในอดีตเขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
 
“ศิษย์พี่ 6…ทำไมข้ารู้สึกว่าจะศิษย์พี่หญิง 3 ก็ดี ศิษย์พี่หญิง 4 ก็ดี แต่ละคนแลดูไม่ชอบขี้หน้าหานอวิ๋นจิ่นผู้นั้นเลยเล่า?”
 
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
 
ถึงแม้เขาจะเป็นคนนอก แต่เขาก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าหูเหมยกับเวิ่นหว่านเอ่อรังเกียจหานอวิ๋นจิ่น
 
“ไม่ใช่แค่ศิษย์พี่หญิง 3 กับ 4 หรอกที่ไม่ชอบขี้หน้ามัน ข้ากับศิษย์พี่ 5 ไม่เว้นท่านอาจารย์ ล้วนเกลียดขี้หน้าไอ้สารเลวนี่ทุกคน”
 
“ที่เจ้ายังไม่รู้สึกเกลียดขี้หน้ามันตอนนี้ เพราะเจ้ายังไม่รู้ว่ามันทำอะไรมา”
 
หงเฟยกล่าวถึงจุดนี้ เสียงมันก็สูงขึ้นไม่น้อย
 
“หานอวิ๋นจิ่นผู้นี้มันเป็นสัตว์เดรัจฉาน…ตอนแรกมันก็เข้ามาตามเกี้ยวพาศิษย์พี่หญิง 4 เรา และทุ่มเทเอาอกเอาใจนางอย่างยิ่ง แต่ทั้งหมดนั้นเป็นแค่การหลอกลวง ลับหลังศิษย์พี่หญิง 4 มันมีสตรีอื่นอีกมากมาย กระทั่งไปหมกตัวกับสตรีอื่นทั้งคืน!”
 
“โชคดีก่อนที่ศิษย์พี่หญิง 4 จะตกลงปลงใจแต่งกับมัน ศิษย์พี่รองไปสืบจนรู้เรื่องนี้มาก่อน…หาไม่แล้วหากศิษย์พี่หญิงแต่งกับมันไป วันไหนที่รู้เข้าไม่พ้นต้องใจสลายแน่!”
 
“อย่างไรก็ตามแม้ศิษย์พี่หญิง 4 จะยังไม่ได้มอบกายให้มัน แต่ใจนั้นนางได้มอบให้มันไปทั้งหมดแล้ว…ศิษย์น้องเล็กเจ้าไม่รู้หรอก ว่ากว่าศิษย์พี่ 4 จะหลุดพ้นจากความเศร้าโศกและตัดใจจากมันได้ นางก็ต้องใช้เวลาไป 100 ปีเต็มๆ”
 
“ตลอดชั่วชีวิตศิษย์พี่หญิง 4 ไม่เคยรักผู้ใดมาก่อนเลย แต่มิคิดว่ารักแรกของนางที่แท้เป็นเพียงคำลวง…เจ้าเองก็คงนึกภาพออกกระมังว่าตอนนั้นนางเสียใจขนาดไหน”
 
“เป็นธรรมดาว่าตอนนี้ศิษย์พี่หญิง 4 ไม่เหลือเยื่อใยอะไรให้มันแล้ว จะมีก็แต่ความขยะแขยงทั้งรังเกียจเท่านั้น”
 
หลังได้ยินสิ่งที่หงเฟยเล่า สายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองหานอวิ๋นจิ่น ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา
 
ศิษย์พี่หญิง 4 นั้นอ่อนโยนและสง่างามราวกับหยก แรกพบเขายังรู้สึกดีกับนางไม่น้อย
 
แต่สตรีที่อ่อนโยนนางนี้ หานอวิ๋นจิ่นผู้นั้นยังหลอกลวงทำร้ายนางได้ลงคอ?
 
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนกระทั่งฉือหล่างยังไม่ชอบขี้หน้ามัน มาหลอกลวงลูกศิษย์แบบนี้ หากยังเฉยๆอยู่ได้ก็คงแปลกแล้ว
 
“เพราะเรื่องของศิษย์พี่หญิง 4 ศิษย์พี่รองจึงไปยื่นคำท้าประลองเป็นตายกับหานอวิ๋นจิ่นทันที…แต่หานอวิ๋นจิ่นไม่กล้ายอมรับเพราะมันรู้ดีว่ามันไม่ใช่คู่มือของศิษย์พี่รอง”
 
“แต่ถึงมันไม่ยอมรับ ศิษย์พี่รองก็บุกไปถึงที่พักมัน กระทั่งบีบบังคับให้มันรับคำท้าประลองเป็นตายด้วยการทุบตีมันจนอาการสาหัสอยู่หลายรอบ…”
 
“แน่นอนว่าทุกครั้งที่ศิษย์พี่รองกระทืบมันปางตาย วังเทียนฉือก็จะลงโทษศิษย์พี่รองเช่นกัน”
 
หงเฟยกล่าวถึงจุดนี้ ใจต้วนหลิงเทียนอดสั่นไหวไปไม่ได้
 
ถึงแม้หงเฟยจะพูดราวกับไม่มีอะไรมากมาย
 
ทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของศิษย์พี่รองจากเรื่องราวดังกล่าว กระทั่งรู้ทั้งรู้ว่าจะถูกวังเทียนฉือลงโทษ แต่ศิษย์พี่รองยังยืนหยัดออกหน้าเพื่อศิษย์พี่หญิง 4!
 
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นปกป้องศิษย์น้องของตัวเองขนาดไหน
 
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเคารพนับถือศิษย์พี่รองมาดนิ่งขึ้นมาหลายส่วน
 
“แต่ศิษย์พี่รองก็ไม่เลิกรา ยังดอดไปทุบตีสารเลวหานอวิ๋นจิ่นจนหน้ายับหลายรอบ…จนตอนนั้นศิษย์พี่หญิง 4 ก็ได้แต่เกลี้ยกล่อมให้ศิษย์พี่รองเลิกทำร้ายตัวเองด้วยการไปตีไอชั่วนั่นได้แล้ว แต่ศิษย์พี่รองก็พูดตอบมาแค่ว่า…เป็นหน้าที่ของศิษย์พี่ที่ต้องดูแลศิษย์น้อง”
 
“สุดท้ายศิษย์พี่หญิง 4 ก็จำต้องใช้ความตายมาข่มขู่ ศิษย์พี่รองถึงได้เลิกราไป”
 
หงเฟยกล่าวถึงจุดนี้ ก็หยุดลง
 
“ทำไม? หรือหูเหมยเจ้าคิดท้าข้าประลอง?”
 
หานอวิ๋นจิ่น มองหูเหมยด้วยสายตาดูแคลน คลี่ยิ้มแสยะถือดี “เจ้าคิดว่า เจ้ามีปัญญาสู้ข้าได้รึ?”
 
“หากเจ้าอยากประลองกับข้าก็ได้นะ ข้าหาได้นำพาไม่…ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า ว่าเดี๋ยวสุดท้ายเจ้าจะเป็นฝ่ายถูกศิษย์พี่รองของข้าตามไปกระทืบจนเปลี้ยเหมือนในอดีต!”
 
หูเหมยคลี่ยิ้มสดใสกล่าวสวนไปอย่างไม่เกรงกลัว “ข้าเชื่อว่าหากเจ้าตีข้าทีนึง ศิษย์พี่รองจะกระทืบเจ้าสิบที! และคราวนี้อย่าได้หวังว่าอาจารย์ของเจ้าจะช่วยเจ้าได้อีก! เพราะตราบใดที่ศิษย์พี่รองไม่ฆ่าเจ้าหรือทำให้เจ้าพิการ วังเทียนฉือก็ไม่มีเหตุผลให้ลงโทษศิษย์พี่รอง!!”
 
ในวังเทียนฉือนั้น ศิษย์ใต้จักรพรรดิอมตะสมญานามคนใด…หากถูกทำร้ายจนบาดเจ็บจากคู่ต่อสู้ที่มีอายุและพลังฝีมือเหลื่อมล้ำกันเกินไปจนเป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม ศิษย์พี่หรือศิษย์น้องใต้จักรพรรดิอมตะสมญานามคนเดียวกันสามารถตามไปล้างแค้นผู้ลงมือได้ แต่ต้องไม่เกินเลยจนเกินไป
 
ในอดีตตอนที่เวิ่นหว่านเอ่อ ศิษย์คนที่ 4 ของฉือหล่าง ถูกหานอวิ๋นจิ่นหลอกลวงจนใจสลายนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเรื่องชู้สาว หากทว่านางโดนอีกฝ่ายทำร้ายร่างกายมาล่ะก็ ต่อให้หลู่จี้ ศิษย์คนที่ 2 ของฉือหล่างจะไปกระทืบหานอวิ๋นจิ่นเป็นการล้างแค้น ก็ไม่ถือว่าขัดต่อกฏของวังเทียนฉือแต่อย่างไร และวังเทียนฉือก็จะไม่ลงโทษในเรื่องนี้
 
“เฮอะ! เจ้าคิดว่าข้ากลัวหลู่จี้มากนักหรือ?”
 
ได้ยินคำพูดของหูเหมย สีหน้าหานอวิ๋นจิ่นก็เปลี่ยนไปทันที ถลึงตามองหูเหมยด้วยสายตาเย็นชา
 
“ถ้าเจ้าไม่กลัว ก็มาทุบตีข้าตอนนี้เลยเป็นไง? มาสิๆ!!”
 
หูเหมยคลี่ยิ้มสดใส กวักมือเชื้อเชิญอย่างท้าทาย
 
“เฮอะ!!”
 
หานอวิ๋นจิ่นพ่นลมสบบถออกมาเสียงเย็น จากนั้นก็ทำราวกับไม่ได้ยินคำท้าของนาง กล่าวออกเสียงเรียบว่า “ที่ข้ามาวันนี่เพื่อศิษย์น้อง 4 ของข้า! คร้านจะรังแกตัวอ่อนแอเช่นเจ้า!!”
 
“อ๋อ งั้นเหรอ? แต่ข้าว่าเจ้ามันใจเสาะไม่กล้าลงมือตีข้ามากกว่ามั้ง?”
 
หูเหมนหัวเราะเยาะเย้ย กล่าวถากถางไปอีกคำ
 
“ผู้ใดคือต้วนหลิงเทียน? หาญกล้าท้าทายศิษย์น้อง 4 ของข้า นับว่าเจ้ากล้าหาญไม่เลว!”
 
สายตาหานอวิ๋นจิ่นกวาดมองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้า จากนั้นก็ไปหยุดลงบนร่างต้วนหลิงเทียนที่หน้าไม่คุ้น “เจ้าคือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นรึ?”
 
“ฝานฉีเป็นศิษย์น้องของเจ้า?”
 
ต้วนหลิงเทียนลอยร่างออกมาเผชิญหน้ากับหานอวิ๋นจิ่น มองสบตาอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา ค่อยแสยะยิ้ม “งั้นเจ้าก็อย่างลืมบอกศิษย์น้องเจ้าเล่า ว่าให้มันระวังตัวให้มาก”
 
“พอดีข้าลงมือไม่ค่อยรู้หนักเบาเท่าไหร่…”
 
กล่าวถึงประโยคท้ายน้ำเสียงต้วนหลิงเทียนก็เยียบเย็นนัก
 
ถึงแม้เขาจะพึ่งพบเจอกับศิษย์พี่คนอื่นๆในด่านฉือหล่างไม่นาน แต่บรรยากาศในด่านฉือหล่างกลับทำให้เขารู้สึกสบายใจ คล้ายอยู่บ้านทุกคนแลดูสนิทใจเสมือนคนในครอบครัว
 
ตอนนี้ยังจะให้เขาสุภาพได้อย่างไรไหว เมื่อพบเจอกับศัตรูที่รังแกคนในครอบครัว?
 
“ฝานฉีมันไปเป็นศิษย์น้อง 4 ของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”
 
หูเหมยขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านางพึ่งรู้เรื่องที่ฝานฉีไปเข้าร่วมกับจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ และกลายเป็นศิษย์น้อง 4 ของหานอวิ๋นจิ่น…
 
“เรื่องพึ่งเกิดได้ 2 เดือน เจ้าจะไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอก”
 
หานอวิ๋นจิ่นคลี่ยิ้มบางๆ
 
จากนั้นมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง กล่าวเคล้าเสียงหัวเราะเยียบเย็นว่า “หึหึ ไอ้หนู การท้าประลองศิษย์อัจฉริยะนั้น ยังสามารถเลือกรูปแบบการประลองได้ว่าจะให้เป็นการประลองตามปกติหรือการประลองเป็นตาย…ศิษย์น้อง 4 ของข้าย่อมพร้อมประลองเป็นตายกับเจ้า ว่าแต่เจ้าเล่ามีความกล้ารับคำท้าประลองเป็นตายหรือไม่?”
 
“หืม?”
 
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ข้าเกรงก็แต่ศิษย์น้องเจ้าจะไม่มีความกล้าเอ่ยท้ามากกว่า…หากมันกล้าท้า ข้าต้วนหลิงเทียนก็กล้ารับ!”
 
“ดี! ดีมาก!”
 
หานอวิ๋นจิ่นคลี่ยิ้มสดใส “หวังว่าเจ้าจักไม่ตกตายด้วยน้ำมือศิษย์น้อง 4 ของข้าเล่า…หาไม่แล้วสตรีงามข้างกายเจ้าคงต้องเปลี่ยวเหงาเพราะขาดบุรุษ”
 
กล่าวถึงท้ายประโยค สายตาหานอววิ๋นจิ่นก็หันไปมองฮ่วนเอ๋อทันที ยังเป็นสายตาแทะโลมมากราคะนัก
 
เพราะถึงฮ่วนเอ๋อจะสวมผ้าปิดปาก แต่ความงามอันไร้เทียมทานของนาง ไหนเลยจะโดนผ้าผืนน้อยบดบังได้มิด?
 
ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันขึ้นมาทันที
 
หากไม่ใช่เพราะที่นี่มีผู้คนอยู่เยอะ และหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ภาพรวม…เขาจะใช้พลังของเทพเบญจธาตุกุดหัวหานอวิ๋นจิ่นในกระบี่เดียว!
 
อย่างไรก็ตามถึงแม้หานอวิ๋นจิ่นจะยังไม่ตายในตอนนี้ แต่ในสายตาเขามันก็ถูกกำหนดให้เป็นคนตาย!

War Sovereign Soaring The Heavens

War Sovereign Soaring The Heavens

Type: Author:
จิตวิญญาณของผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธในโลกปัจจุบัน ได้ทะลุข้ามไปยังโลกอื่นรวมเข้ากับความทรงจำของของเด็กหนุ่ม ที่ถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา จนกระทั้งขาดใจตาย การฝึกฝนเทคนิค เก้ามังกรเทพสงคราม จะสามารถกวาดล้างศัตรูได้โดยไม่มีวันแพ้! ขณะที่เขา มีความสามารถในการปรุงยา การสร้างอาวุธ และเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ … ทักษะทั้งหมดนี้ คือวิถีทางแห่งราชันย์!

Options

not work with dark mode
Reset