Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 334 ฆ่าคนง่ายแค่นี้เอง !

เฉินตงรู้สึกปวดหัว

เขาถูขมับของตนเอง

การเดินทางครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินจินตนาการของเขา

“ฉันแค่ไปหาคุณลุง”

เฉินตงถอนหายใจ เมื่อจูเก่อชิงขับรถมาบรรจบจากถนนสายอื่น เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย

เขากัดฟัน : “ท่านหลง โทรไปหายัยจูเก่อชิงคนนั้น แล้วบอกให้เธอกลับเข้าไปในรถ !”

“คุณชาย ใจเย็นครับ เขาเป็นผู้ชาย”

ท่านหลงเตือนเขาอย่างหวังดี แล้วจึงโทรศัพท์หาจูเก่อชิง

หลังจากสั่งการเรียบร้อยแล้ว

ไม่ช้า เฉินตงก็เห็นจูเก่อชิงลอดผ่านซันรูฟกลับเข้าไปในรถ

“ท่านหลง ให้พวกเขาแยกย้ายกลับไปดีไหม?” เฉินตงเสนอ

ท่านหลงกล่าวด้วยท่าทางเคร่งขรึม: “มันเกี่ยวกับความปลอดภัยของคุณชาย กระผมไม่อาจปฏิเสธได้”

เฉินตง : “……”

รวยเกินไป บางครั้งก็ลำบากเหมือนกัน

ในที่สุดขบวนรถก็มาถึงชานเมือง

เมื่อเทียบกับเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ชานเมืองค่อนข้างจะดูรกร้างมาก

เมื่อผู้ชมส่วนใหญ่หายไป เฉินตงก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อหันกลับไปมองคาราวานรถอันยิ่งใหญ่ เฉินตงก็ทำอะไรไม่ถูก และคาดว่ารถที่อยู่ปลายแถว……น่าจะยังไม่ออกจากเมือง?

แต่เขาก็รู้สึกกดดันน้อยลง และรู้สึกผ่อนคลาย

เมื่อคิดถึงเฉินเต้าจูนที่กำลังจะได้เจอ หัวใจเฉินตงก็เต้นเร็วขึ้นอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ และเขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง

เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เฉินเต้าจูนจึงออกจากคุกมืด

แต่เขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของเฉินเต้าจูน ที่สามารถควบคุกทั้งคุกได้อย่างน่าเกรงขาม

ถ้าเขาสามารถขอร้องให้เฉินเต้าจูนช่วยปกป้องเขาได้ในครั้งนี้ได้ เขาก็จะสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจเสียที

นักฆ่าขององค์กร Hidden Killings นั้นน่ากลัวจริงๆ !

จะเปรียบกับคุกมืดได้อย่างไร?

คนที่ถูกคุมขังในคุกมืดนั้น เป็นบุคคลชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก ในจำนวนนั้น มีทั้งทหารและนักรบจำนวนมาก ไม่ต่างอะไรกับฝูงปีศาจ

ในคุกมืดที่ปีศาจถูกคุมขัง เฉินเต้าจูนสามารถควบคุมคุกมืดทั้งหมดได้ด้วยความสามารถของเขาเอง

ความแข็งแกร่งแบบนี้สูงส่งกว่าฆ่าในอันดับยมราชนัก ?

เฉินตงไม่ต้องใช้สมองยังคิดออก !

ไม่ต้องพูดยิวหมินซึ่งอยู่ในอันดับ 10 ของอันดับยมราช แม้กระทั่งอันดับ 1 ในตารางยมราช

จะสามารถเอาชนะเฉินเต้าจูนได้หรือไม่นั้น ก็ยังบอกไม่ได้ +

อันที่จริง ท่านหลงผู้รู้ความจริงทุกอย่าง ก็คิดเช่นเดียวกับเฉินตงเช่นกัน

มิฉะนั้นท่านหลงที่เฉลียวฉลาดจะไม่มีวันเห็นด้วยกับ “การรนหาที่ตาย” ของเฉินตงแน่นอน

บริเวณโดยรอบกลายเป็นที่รกร้างมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มมีต้นไม้มากขึ้น

ปกคลุมไปด้วยความเขียวชอุ่ม

หลังจากไปถึงตีนเขาแล้ว เฉินตงก็สั่งให้ขบวนรถหยุด

แล้วพาทุกคนไปยังที่ซึ่งกระดูกของแม่ถูกฝังอยู่บนภูเขา

ค่อยๆ เดินไปข้างหน้า

ด้านหลังของเฉินตงมีท่านหลง ฟ่านลู่ และกูหลังคอยติดตามอย่างใกล้ชิด

ส่วนด้านหน้ามีฉินเย่ จูเก่อชิง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจำนวนนับไม่ถ้วนได้ติดตามอย่างทรงพลัง

น่าตื่นตะลึงไม่น้อยไปกว่าขบวนรถที่ผู้คนได้พบเห็นเลย

ดูเหมือนกระแสน้ำที่ไหลขึ้นสู่ภูเขา

เมื่อเฉินตงไปถึงยังที่ฝังศพของแม่

จากระยะไกล เห็นมีคนนั่งไขว่ห้างอยู่หน้าหลุมศพของแม่

ธูปถูกไฟแผดเผา

กลิ่นหอมฟุ้งกระจายเป็นควัน

มีการวางเครื่องบูชาไว้หน้าหลุมศพ

คนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ โยนกระดาษเงินกระดาษทองลงไปในกองไฟ และเมื่อลมพัด ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยขี้เถ้า

เขาคนนั้นคือเฉินเต้าจูน!

เมื่อมองไปเฉินเต้าจูนแล้ว เฉินตงก็รู้สึกใจลอยเล็กน้อย

ท่านหลงที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับแสดงทีท่าหวาดกลัวออกมา ท่านหลงผู้ซึ่งสงบนิ่งมาโดยตลอด มาบัดนี้ที่กลับยืนตัวเกร็งและรออย่างสงบนิ่ง

เขาติดตามเฉินเต้าหลินมาโดยตลอด จึงรู้ดีว่า คนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ด้านหน้าหลุมศพนั้น หมายถึงอะไร !

พวกกูหลังและฟ่านลู่เองก็จ้องมองไปยังเฉินเต้าจูน

ต่อให้จะมีคนอีกหลายพันคนรออยู่เบื้องหลัง แต่เฉินเต้าจูนก็ยังคงนังเผากระดาษเงินกระดาษทองอย่างสงบ

เพียงแค่บรรยากาศนี้ ก็ทำให้ฟ่านลู่รู้สึกหวาดกลัวได้แล้ว

“คุณลุง ผมมาแล้ว”

ในที่สุดเฉินตงก็เอ่ยปาก

“อืม”

น้ำเสียงที่เรียบเฉยดังขึ้น

เฉินเต้าจูนค่อยๆ หันหน้ามา แล้วเหลือบมองฝูงชนที่อยู่ด้านหลังเฉินตง

เขาแสยะยิ้มออกมา : “นี่ลุงยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยหรือ นายถึงได้พาคนมาต้อนรับมากมายขนาดนี้ ?”

เฉินตงยิ้มอย่างเก้อเขิน : “ช่วงนี้เกิดเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย คนเหล่านี้มาเพื่อคุ้มกันผม”

“ไร้สาระ!”

เฉินเต้าจูนแสดงท่าทีเย็นชา แล้วหรี่ตาลง

ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งภูเขาก็เงียบสงัดลงทันที

ดูเหมือนอุณหภูมิจะลดต่ำลงจนถึงจุดเยือกแข็ง

การแสดงออกนี้ เมื่อปรากฏขึ้นในดวงตาของกูหลัง ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เกิดความกลัวที่มองไม่เห็นขึ้นมาในใจ แผ่นหลังค่อยๆ เย็นยะเยือก

“คนของตระกูลเฉิน ทำไมถึงทำเรื่องไร้สาระขนาดนี้ได้?”

ท่าทีของเฉินเต้าจูนดูดุดัน ราวกับผู้อาวุโสที่กำลังพูดว่ากล่าวตักเตือนคนรุ่งหลัง

เขาโยนกระดาษเงินกระดาษทองที่ถืออยู่ในมือลงบนพื้นอย่างแรง : “นาย มานี่ซิ ! มาไหว้แม่ที่ตายไปแล้วของนาย จะอยากจะดูซิว่า ใครจะกล้าทำร้ายนาย !”

“เฮ้อ~”

เฉินตงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

เขาหันไปพูดกับท่านหลงว่า : ท่านหลง พาพวกเขาลงไปจากเขาเถอะ”

“คุณชาย นี่มัน……”

ท่านหลงหน้าถอดสีทันที เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตของเฉินตง หากให้คนที่รออยู่ด้านหลังเหล่านั้นกลับไปทั้งหมด หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ใครจะเป็นคนคุ้มกันเฉินตง ?

“ไม่มีอะไรหรอก!”

เฉินตงทำหน้าเคร่งขรึม

ท่านหลงถอนหายใจอย่างจนใจ เขาพาพวกฟ่านลู่และท่านหลงค่อยๆ ทยอยถอยห่างออกไป

แต่ก็ไม่ได้ลงจากเขาเสียทีเดียว อีกทั้งยังรักษาระยะห่างไม่ไกลนัก และคอยระแวดระวังบริเวณโดยรอบอยู่ตลอดเวลา

เฉินตงค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉินเต้าจูน

เฉินเต้าจูนยังคงดูเย็นชา เช่นเดียวกับตอนที่อยู่ในคุกมืด

สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปก็คือ ดูเหมือนเขาจะแอบซ่อนความดุดันที่รุนแรงเอาไว้ในตัวของเขา

แต่นี่เป็นเพียงแค่สิ่งที่แอบซ่อนเอาไว้เท่านั้น เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยขึ้น ก็ทำให้ต้องรู้สึกตกตะลึง

ราวกับความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้นกับฟ่านลู่เมื่อครู่ ตอนที่เฉินเต้าจูนมีท่าทีเย็นชา

“คุกเข่าลง!”

เฉินเต้าจูนกล่าวอย่างเย็นชา : “ตระกูลเฉินต้องถูกบังคับให้ทำเรื่องไร้สาระเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? แม้กระทั่งมากราบไหว้แม่ของตัวเอง ยังต้องพาคนมาคอยคุ้มกันนับพัน ? นายรู้สึกอายบ้างไหม ?”

“อายครับ!”

เฉินตงคุกเข่าลงด้านหน้าหลุมศพของแม่ เก็บกระดาษเงินกระดาษทองที่หล่นอยู่ขึ้นมา แล้วโยนเข้าไปในกองไฟทีละใบๆ

หลังจากที่องค์กร hidden killers ได้ประกาศภารกิจลอบสังหารออกมาแล้ว เขาก็ต้องคอยใช้ชีวิตอย่างระแวดระวัง และเหมือนตกอยู่ในอันตรายอยู่ตลอดเวลา ส่วนเรื่องที่จะมากราบไหว้แม่ของเขานั้น เขาก็ทำได้เพียงแค่ลังเล”

“เฉินตงคนที่อยู่ในคุกมืด ไปไหนเสียแล้ว?”

เฉินเต้าจูนหยิบเหล้าที่หลุมศพขึ้นมาดื่ม

“ยังอยู่ตลอดครับ แต่เมื่อคนเราอยู่ใต้ชายคา ก็จำเป็นที่จะต้องก้มหัว”

เฉินตงยิ้มออกมาอย่างหดหู่ : “ตระกูลหลี่แห่งเมืองหลวงเข้าใจผิดว่าผมเป็นคนฆ่าคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ จึงได้ประกาศภารกิจลอบฆ่าผมกับองค์กรhidden killers ในดาร์กเว็บ อีกทั้งยังมีคนจงใจชักจูงการลอบฆ่า ทำให้มีนักฆ่าจำนวนมากแย่งกันหมายเอาชีวิตผม ผมไม่ยอมก็คงไม่ได้”

“ยอมเหรอ ? ตอนนายอยู่ในคุกมืดเคยยอมใครที่ไหนกัน !”

เฉินเต้าจูนยิ้มออกมาอย่างน่าเกรงขาม : “นายคนที่อยู่ในคุกมืดเสียดายชีวิต ต่อให้ต้องต่อสู้จนตัวตายก็ต้องออกมาจากคุกมืดให้ได้ นายในตอนนั้นไม่กลัวตาย นายกล้าที่จะต่อสู้อย่างสุดชีวิต นายเลือดร้อน แล้วตอนนี้ล่ะ ?”

“ผม……” เฉินตงพูดไม่ออก

บนตัวของเฉินเต้าจูนดูทรงพลังราวกับมีภูเขาลูกใหญ่อยู่

ทันใดนั้น

ความสง่างามและความเด็ดขาดเฉกเช่นภูเขาลูกใหญ่นั้น ก็ทำให้เฉินตงรู้สึกหายใจไม่ออก

“คนของตระกูลเฉินต้องเด็ดขาด ต้องไม่กลัวตาย! นายทำเช่นนี้ ถือว่าไร้สาระจริงๆ !”

เฉินเต้าจูนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เต็มไปด้วยความดุดัน : “ก็แค่องค์กรนักฆ่าลับๆ ในดาร์กเว็บ ทำให้นายลืมตัวตนตอนที่อยู่ในคุกมืดไปเลยเหรอ? นายยังทำตัวไร้สาระไม่พออีกเหรอ? พวกแมลงวันที่บินไปบินมาพวกนั้น ฆ่าเสียให้ตายกพอแล้วไม่ใช่หรือ ! คนที่รังแกนาย ใส่ร้ายนาย และต้องการจะฆ่านาย ก็แค่ฆ่าเสียให้สิ้นซาก ตัดรากถอนโคนทิ้งอย่าให้เหลือ ทำไมนายจะต้องมามัวแต่หลบๆ ซ่อนๆ อยู่เช่นนี้ด้วย ?”

ฟึ่บ !

ยังไม่ทันจะพูดจบ

เฉินเต้าจูนก็โยนขวดเหล้าที่อยู่ในมือออกไป

ขวดแก้วลอยทะลุอากาศไป ราวกับกระสุนปืนใหญ่ พุ่งเข้าใส่พุ่มไม้ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“โอ๊ย!”

มีเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังตามมา มีเลือดกระเซ็นออกมาจากในพุ่มไม้

ภาพนี้ ทำให้ทุกคนต่างตกใจจนหน้าถอดสี

เฉินเต้าจูนแสยะยิ้มออกมา : “นายดูสิ ฆ่าคนง่ายแค่นี้เอง !”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset