Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 351 บางอาจ! คนนอกไสหัวออกไป!

ตลอดทาง

เฉินตงสามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเฉินเต้าหลิน

เป็นความรู้สึกที่เหมือนรับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบที่แผ่ซ่านออกมา เมื่อนั่งอยู่ข้างๆ

เป็นความรู้สึกที่น่าขนลุก และหนาวเหน็บเข้าไปถึงในกระดูก

เฉินตงรู้ดีว่า ถึงขั้นอายุของพ่อแล้ว

นอกเสียจากตัวเขาเองจะเต็มใจ มิเช่นนั้นคนอื่นแทบจะไม่สามารถสังเกตอารมณ์ของเขาออกได้เลย

ทว่าตอนนี้ ความรู้สึกที่แสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ ทำให้รู้ได้ทันทีว่า พ่อเริ่มที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่อยู่แล้ว

มีคนของตระกูลเฉินและคนรับใช้ทักทายเฉินเต้าหลินไปตลอดทาง

แต่เฉินเต้าหลินกลับไม่ได้สนใจ ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม ราวกับสิงโตที่กำลังข่มอารมณ์โกรธเอาไว้

ไม่ช้า ห้องอภิปรายใหญ่อันงดงามก็ปรากฏขึ้นต่อสายตา

ห้องอภิปรายนี้อยู่ไม่ไกลจากคฤหาสน์ของเจ้าบ้านมากนัก

สถานที่ทั้งสองดูสมดุลกัน และถือเป็นจุดศูนย์กลางของคฤหาสน์ขนาดหนึ่งหมื่นเอเคอร์ของตระกูลเฉิน ดูราวกับดาวและเดือนที่อยู่คู่กัน

บริเวณด้านหน้าห้องอภิปรายใหญ่ที่สง่างามและดูเป็นทางการ มียามคอยยืนประจำการอยู่เป็นแถวๆ

สิ่งนี้ทำให้ห้องอภิปรายใหญ่ที่เป็นทางการนี้ ยิ่งดูน่าเกรงขามมากขึ้น

ส่วนสมาชิกตระกูลเฉินและคนรับใช้อื่นๆ ที่อยู่โดยรอบ กลับไม่มีใครกล้าสบตา ต่างก็ค่อยๆ ก้มหน้าลง แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

การประชุมของสมาชิกระดับสูงในตระกูลเฉิน โดยปกติแล้วหากสมาชิกตระกูลเฉินหรือคนรับใช้มองดูห้องอภิปราย เท่ากับเป็นการไม่ให้ความเคารพ

เฉินตงมองขึ้นไปยังห้องอภิปรายที่สง่างาม ดวงแววตาที่เปล่งประกายแวววาว ราวกับมีดวงไฟกำลังลุกโชนอยู่ในดวงตา

นี่คือ……สถานที่ที่กำหนดชะตาชีวิตของตระกูลเฉินอย่างนั้นหรือ?

เมื่อเดินเข้าไปไกล บรรยากาศอันน่าเกรงขามนั้น ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

“สวัสดีครับท่านเจ้าบ้าน!”

ยามจำนวนหนึ่งร้อยคนที่ยืนประจำการอยู่ที่ห้องอภิปราย ส่งเสียงตะโกนขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน

เป็นเสียงที่ดังก้อง ราวกับเสียงฟ้าผ่า

หนึ่งในยามที่เป็นชายวัยกลางคน รีบก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วจึงโค้งคำนับพร้อมพูดว่า “รบกวนพวกของท่านหลง และคุนหลุนทั้งสี่คนรออยู่ด้านนอกก่อน ตอนนี้สมาชิกตระกูลเฉินกำลังประชุมอยู่ มีกฎระเบียบที่เคร่งครัดเป็นอย่างมาก มีเพียงท่านเจ้าบ้านเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้”

เขาไม่รู้จักเฉินตงและฟ่านลู่ รู้จักเพียงแค่ท่านหลงและคุนหลุน

แต่การประชุมของสมาชิกตระกูล แม้แต่ท่านหลงและคุนหลุนเองก็ไม่สามารถเข้าไปได้

เพียงแต่ทั้งสี่คนยืนอยู่ด้านหลังของเฉินเต้าหลินเท่านั้น ดังนั้นน้ำเสียงที่พูดออกมา จึงมีความเกรงใจบ้างเล็กน้อย

“ตงเอ๋อ เข้าไปเถอะ” เฉินเต้าหลินกัดฟันพูดออกมาด้วยความโกรธ

เฉินตงเข็นรถเข็นเข้าไปด้านใน

ส่วนพวกของท่านหลงนั้น ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

เมื่อยามวัยกลางคนเห็นเข้าก็รู้สึกตกใจ

“ท่านเจ้าบ้าน นี่เป็นการประชุมของสมาชิกตระกูล ตอนนี้พวกของคุณหญิงใหญ่กำลังรวมตัวกันอยู่ในห้องอภิปราย ส่วนคนนอก……”

เผียะ!

ยังไม่ทันจะพูดจบ

เฉินเต้าหลินก็ใช้หลังมือตบลงไปบนหน้าของคนรับใช้อย่างแรง

แรงที่มหาศาล ทำให้ใบหน้าคนรับใช้บวมเป่งไปครึ่งซีก และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก

“เป็นแค่คนรับใช้ กล้ามาขวางฉันเหรอ? ฉัน เฉินเต้าหลิน มีฐานะเป็นถึงเจ้าบ้าน จะพาคนเข้าไปในห้องอภิปรายสักคน นายกล้าสาระแนหรือยังไง?”

เฉินเต้าหลินหันมองคนรับใช้ด้วยแววตาที่เฉียบคมและโกรธเคืออย่างรุนแรง “เขาคือลูกชายฉัน เฉินตง เข้าไปได้หรือไม่ได้?”

ฮะ……

ทันทีที่ได้ยิน คนรับใช้จำนวนหนึ่งร้อยคนที่อยู่ด้านหน้าห้องอภิปราย ต่างก็ตกตะลึงพร้อมกันในทันที

คนรับใช้วัยกลางคนที่ถูกตบหน้าถอดสี รีบก้มหน้าก้มตาแล้วเดินถอยหลังไป

เฉินตงเข็นเฉินเต้าหลินเข้าไปในห้องอภิปราย

ห้องอภิปรายสามทางเข้า บรรยากาศเคร่งขรึม

ทั้งห้องอภิปรายเงียบสงัด

หลังจากเข้าไปในห้องอภิปราย เสียงซุบซิบนินทาก็ค่อยๆ ดังขึ้น

“ไร้เหตุผลสิ้นดี! ช่างไร้เหตุผลจริงๆ! เจ้าบ้านสามารถทำตามอำเภอใจเช่นนี้ได้ด้วยหรือ?”

“ตระกูลเฉินยึดถือเรื่องความกตัญญูเป็นสำคัญ ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าบ้าน ก็ควรทำตัวเป็นแบบอย่าง แต่ทำไมกลับแหกกฎ และรังแกคุณหญิงใหญ่เช่นนี้?”

“สารเลว! ลูกสวะที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนหนึ่ง คิดที่จะทำร้ายและเข่นฆ่าคุณหญิงใหญ่หรือ? ยังมีเจ้าบ้านอีก เขาหูหนวกตาบอดไปแล้วหรือยังไง?”

……

สีหน้าของเฉินตงเคร่งขรึมลง และรู้สึกไม่พอใจ

ดูเหมือนสิ่งที่เรียกว่าการประชุมของสมาชิกตระกูล จะเป็นการประชุมใหญ่ที่คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินจัดขึ้น เพื่อมีจุดประสงค์จงใจที่จะประณามเสียมากกว่า?

“ตงเอ๋อ เดี๋ยวลูกไม่ต้องพูดอะไร พ่อจะเป็นคนพูดทั้งหมดเอง!”

เฉินเต้าหลินพูดออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและเย็นชา “ยัยแก่นี่ต้องการรวบรวมคนเพื่อมากดดันฉัน วันนี้ฉันก็จะขอใช้โอกาสนี้ จัดการกับพวกเขาสักครั้ง มิเช่นนั้น หลายปีมานี้คงคิดว่านิสัยของฉันอ่อนแอลงกว่าสมัยก่อนมาก! พวกเขาคงเกือบลืมไปแล้วว่า ตอนนั้นฉันขึ้นมานั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้านได้อย่างไร!”

หลังจากพูดจบ ดูเหมือนบรรยากาศทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง

เฉินตงเงยหน้าขึ้นมองแสงแดดที่ส่องสว่างอยู่เหนือศีรษะอย่างไม่รู้ตัว

ดูเหมือนพระอาทิตย์ดวงนี้ ช่างหนาวเหน็บจริงๆ

ค่อยๆ เข้าใกล้ห้องอภิปรายเข้าไปทุกทีๆ

เสียงของความวุ่นวายก็ค่อยๆ ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

แต่หลังจากสิ้นเสียงคำว่า “เจ้าบ้านมาแล้ว” บรรยากาศภายในห้องอภิปรายก็เงียบสงัดลงทันที

สายตาทุกคู่ค่อยๆ หันไปจับจ้องเฉินตงและเฉินเต้าหลิน

มีทั้งแววตาที่ตกตะลึง มีทั้งแววตาที่ดูซับซ้อน มีทั้งแววตาที่เป็นกังวล และมีทั้งแววตาที่ดูถูกเหยียดหยาม……

เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมา ในที่สุดเฉินตงก็เข้าใจแล้วว่า การจัดลำดับภายในตระกูลเฉินนั้นมีความซับซ้อนเพียงใด

พ่อมีหน้าที่ปกครองบ้านตระกูลเฉินมานานกว่ายี่สิบปี เขาต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจแค่ไหน ในการรวบรวมตระกูลที่มีความสลับซับซ้อนของลำดับชั้นเช่นนี้ ให้เป็นปึกแผ่นได้?

เขาไม่อาจจินตนาการได้เลย เพราะดูเหมือนว่า เมื่อเขาแอบรวบรวมสถานการณ์ทุกอย่างที่ตนเองต้องเผชิญในตอนนี้เข้าด้วยกัน ดูเหมือนยังเทียบไม่ได้กับที่สถานการณ์ที่พ่อต้องเผชิญอยู่ในตระกูลเฉินแม้สักนิด

ครั้งแรกในชีวิต

เฉินตงมองดูด้านหลังของพ่อแล้วรู้สึกเคารพ

“เป็นอะไรไป? เมื่อครู่กำลังคึกคักกันอยู่ไม่ใช่หรือ?”

เฉินเต้าหลินนั่งอยู่บนรถเข็น ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความน่าเกรงขามอย่างถึงที่สุด

ความน่าเกรงขามที่มีจากตำแหน่งที่สูงส่ง และการสะสมประสบการณ์มาเป็นเวลานาน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้

เพียงคำพูดประโยคเดียว ทำให้ทุกคนต่างค่อยๆ หลบสายตาเฉินเต้าหลิน

แต่ทว่า

ในขณะที่สองพ่อลูกกำลังก้าวเข้าไปในห้องอภิปราย

จู่ๆ ก็มีเสียงตะคอกที่ดุดันดังขึ้น

“กล้าดียังไง! ที่นี่คือห้องอภิปรายของตระกูลเฉิน เป็นการประชุมของสมาชิกตระกูล คนนอกไสหัวออกไป!”

เฉินตงหันไปจ้องมองชายวัยกลางคนทันที

ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ข้างๆ คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน อีกทั้งคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็กำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งของเจ้าบ้าน แสดงให้เห็นว่าตำแหน่งของชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ธรรมดา

ตอนนี้ชายวัยกลางคนกำลังจับจ้องเขาด้วยความโมโห จ้องมองตาเขม็งด้วยความโกรธ จอมผมสีขาวทั้งสองข้างทำให้เขายิ่งดูเย็นชา แต่ปลายจมูกที่งุ้มของเขา กลับทำให้ชายวัยกลางคนดูร้ายกาจ

“เต้าหลิน ในฐานะที่นายเป็นเจ้าบ้าน ทำไมถึงได้ละเลยกฎระเบียบเช่นนี้ได้?”

คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินซึ่งนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ ค่อยๆ หรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วเหลือบสายตามามอง

“เหอะ!”

เฉินเต้าหลินแสยะยิ้ม แล้วหัวเราะเยาะออกมา จากนั้นจึงหันไปมองชายวัยกลางคนที่ไว้ผมจอนสีขาว “น้องสาม ฉันพาลูกชายของฉันมาพบญาติผู้ใหญ่ มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือ?”

พูดจบ เฉินเต้าหลินก็กวักมือ

“ตงเอ๋อ ยังไม่รีบทำความทำความเคารพอาสามอีก”

“เฉินตงสวัสดีอาสามครับ!”

เฉินตงหันไปพยักหน้าให้ชายวัยกลางคนด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่แสดงท่าทีถ่อมตัว หรือท่าทีประจบประแจง และไม่รู้สึกยินดียินร้าย

ไม่แปลกใจเลยที่นั่งถัดจากคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไป เพราะเป็น “พี่น้อง” รุ่นเดียวกับพ่อนี่เอง

“หึ!”

ชายวัยกลางคนส่งเสียงแสดงความไม่พอใจออกมา “อย่าใช้คำเรียกที่สนิทสนมขนาดนั้น ฉัน เฉินเต้าชิน ไม่เคยมีหลานชายที่เป็นพวกลูกสวะมาก่อน”

เฉินตงหรี่ตาลงทันที มีไฟโกรธค่อยๆ ปะทุขึ้นในใจของเขา

ส่วนเฉินเต้าหลินนั้นยิ่งโมโหมากขึ้น “เฉินเต้าชิน นายเห็นว่าฉันไว้หน้านายมากเกินไปใช่ไหม?”

ปัง!

ขณะที่พูด เฉินเต้าหลินก็ใช้กำปั้นทุบลงบนพนักแขน “วันนี้ ยังไงเสียลูกชายของฉันก็จะต้องได้เข้ามาข้างใน คำพูดนี้ ฉัน เฉินเต้าหลินเป็นคนพูด ต่อให้คุณหญิงใหญ่จะแขวนขอตาย ฉันก็ไม่มีทางกลับคำพูดเด็ดขาด!”

คำพูดที่ก้องกังวานราวกับเสียงฟ้าผ่า และไม่เปิดโอกาสให้ได้พูดโต้แย้ง

เต็มไปด้วยความเด็ดขาด หยิ่งผยองเฉียบคม

ดวงตาที่หรี่อยู่ทั้งสองข้างของคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน เบิกโพลงขึ้นทันที “เต้าหลิน นายจะพูดถึงเต้าชินก็พูดไป ทำไมต้องพาลมาลงที่ฉันด้วย?”

“คุณไม่รู้ดีแก่ใจหรือยังไง?”

เฉินเต้าหลินย้อนถาม จากนั้นจึงหันไปพูดกับเฉินตงว่า “ตงเอ๋อ เข็นพ่อเข้าไป พ่อ เฉินเต้าหลิน อย่างไรเสียก็ต้องนั่งในตำแหน่งเจ้าบ้าน ในการประชุมของสมาชิกตระกูลให้ได้!”

“หากฉันไม่นั่ง ที่นี่วันนี้ ก็จะไม่มีใครกล้านั่ง!”

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset