(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki – ตอนที่ 32

ต้นเดือนมิถุนายน เป็นช่วงที่แอร์นั้นเริ่มจำเป็นแล้ว แต่ว่าโรงเรียนของเราที่ดูเหมือนจะงกค่าไฟ เลยทำให้ยังไม่อนุญาตให้ใช้งาน

 

ดังนั้นจึงต้องเปิดหน้าต่างเพื่อการถ่ายเทอากาศที่ดีแทน

แต่ว่า ลมที่เข้ามาจากด้านนอกนั้นมีแค่ลมร้อน เพราะแบบนั้นเลยไม่รู้สึกว่ามันจะต่างกันเท่าไร

 

“ชิโฮะน่ะป๊อปมาตั้งแต่ชั้นประถมแล้ว แล้วเธอก็ถูกผู้ชายสารภาพรักมามากมายด้วย แต่เธอก็ปฏิเสธทั้งหมด…….เธอไม่แม้แต่จะพูดกับอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ชิโฮะเป็นคนแบบนั้นแหละ…….ทั้งจริงจังและเคร่งคัด…..คิดว่า เธอคงตัดสินใจไม่เปิดใจให้ใครนอกจากคู่แต่งงานตอนโตหรอก”

 

ระหว่างที่ฟังคำตักเตือนที่ดูจะหวังดีของพนะเอก ผมก็เดินไปที่หน้าต่าง

เช็ดเหงื่อที่ไหลออกมาบนใบหน้า ที่มาจากลมร้อนด้านนอก

 

โรงเรียนในเมื่อก่อนนั้นดูเหมือนจะแทบจะไม่เปิดแอร์เท่าที่เป็นไปได้เลย แต่ว่าช่วงนี้เพราะระดับความร้อนที่มากขึ้นทำให้ดูเหมือนหลายๆที่ก็เปิดมากขึ้นด้วย อยากให้โรงเรียนของเราเอาแบบอย่างบ้าง

 

……ไม่สิ บางทีนี่อาจจะเป็นค่าที่ถูกตั้งมาเพื่อให้เริ่มอีเวนท์ของพระเอกก็ได้

 

นั่นไง 1อย่างของสิ่งที่ต้องมี ผู้หญิงที่เหงื่อออกจนเครื่องแบบมองทะลุได้ จากนั้นพระเอกก็จะได้ความทรงจำที่ดี ส่วนผู้หญิงที่ถูกเห็นก็ไม่ใช่ว่าเห็นทั้งหมด เลยทำให้เป็นบรรยากาศที่ดี……..เรื่องราวทำนองนั้น

 

เมื่อก่อน จำได้ว่าเพราะอดีตเพื่อนสนิทอย่างคิรารินั้นชอบหนังสือทำนองนั้น เพื่อที่จะให้พูดคุยกับเธอได้ผมจึงอ่านนิยายอยู่บ่อยๆ

 

ตัวผมไม่ได้ชอบหรือไม่ได้เกลียดอะไร เพราะงั้นจะเรียกว่าอดิเรกก็คงไม่ได้……แต่พอคุยกับคิราริแล้วเธอดูสนุก แค่นั้นก็ดีแล้ว

 

ตอนนี้ คิราริคุยเรื่องหนังสือกับใครงั้นหรอ?

 

……ไม่อะ ตอนนี้เธอไม่คุยกับใครแล้วทั้งนั้น

 

เพราะริวซากิบอกว่า’ชอบผู้หญิงที่มีสีสันสะดุดตา’เธอก็ย้อมสีผมตัวเอง และเพื่อจะให้เข้ากับจุดนั้น เธอก็แสดงเป็นสาวแกล

เพราะแบบนั้น เธอคงไม่ได้บอกริวซากิเรื่องที่เธอชอบนิยายแน่ๆ

 

“เห้ย ฟังอยู่รึป่าว?”

“…….อา อืม ฟังอยู่”

 

อตโตะ เกือบไปแล้ว เพราะเอาแต่เหม่อเมื่อกี้ เรื่องที่พูดมาไม่เข้าหัวเลย แต่ว่า เท่าที่ได้ยินก็ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรอยู่แล้ว ดังนั้นคงไม่มีปัญหา

 

อย่างไงซะ ก็คงเป็นแค่การอวดอ้างสิ่งที่ตัวเองรู้เกี่ยวกับชิโมสึกินั่นแหละ

เหนือกว่านั้น ยังเป็นการเข้าใจแบบผิดๆอีกด้วย ฟังไปก็มีแต่ชวนงง

 

“สั้นๆก็ ล้มเลิกเรื่องชิโมสึกิไปจะดีกว่าสินะ?”

“อา นั่นแหละ ขนาดชั้นที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กยังใช้เวลานานกว่าจะสนิทกันเลยนะ…….ผู้ชายที่เพิ่งจะได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน คงไม่ไหว”

 

อา ผมเองก็คิดเหมือนกัน นางเอกที่ค้นพบความพิเศษในตัวของตัวประกอบเนี่ยไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

 

ชิโมสึกิเป็นคนที่ประหลาดจริงๆนั่นแหละ อันนั้นผมก็เห็นด้วยอยู่หรอก แต่ว่านะ บางที…….ไม่คิดว่าริวซากิกับเธอจะสนิทกันหรอกนะ?

 

“ชั้นก็แค่โชคดีเท่านั้นแหละ เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันเลยได้สนิทกันเป็นพิเศษ อารมณ์ประมาณนั้นแหละนะ…….พอมองดูนายแล้ว มันเจ็บที่อก อย่ามีรักที่ทำให้เจ็บปวดจะดีกว่านะ”

 

มันมีสมการที่บอกว่า เป็นเพื่อนสมัยเด็กแล้วต้องสนิทกันด้วยหรอ……ความสัมพันธ์ของเพื่อนสมัยเด็ก สำหรับพระเอกแล้วดูเหมือนจะมีผลลัพธ์ที่ตายตัว

 

“มันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ใส่ให้สุดไปเลย นั่นเป็นคติของผมล่ะ”

 

เริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการแสร้งเป็นไร้สมองแล้ว แต่ก็ต้องตามน้ำริวซากิไปจนกว่าเขาจะพอใจ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ตัวประกอบจะไม่ทำตามความต้อการของพระเอก

 

“อุตส่าห์เป็นห่วงว่าอาจจะโดนบดขยี้แท้ๆ…..นากายะมะบ้าสินะ? เข้าใจแบบนั้นแหละ”

“มะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนิ? อะไรเล่า ตั้งแต่เมื่อกี้…..ก่อนหน้านี้ก็ชอบพูดนั่นพูดนี่ ริวซากิชอบชิโมสึกิซังรึไง? จะว่าไป ยังไม่ได้บอกมาชัดเจนเลยนี่นะ พูดมาให้ชัดเจนในฐานะคู่แข่งเลย”

 

โอะ เมื่อกี้รู้สึกว่าเล่นได้ดีเลยทีเดียวนะ

เป็นบทพูดที่สมเป็นตัวประกอบระดับล่างอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงอย่างนั้น ก็ได้ถามสิ่งที่ผมกังวลอยู่จริงๆออกไปได้

 

ที่ผ่านมานี้ ผมก็ได้แต่พูดเอาว่าริวซากิรักชิโมสึกิ……แต่ยังไม่เคยได้ยินจากปากเจ้าตัวเลย

 

อย่างไงซะจะพูดอะไรกับผม ผลลัพธ์มันก็ไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว ถามหน่อยคงไม่เป็นไร

 

เห็นชัดว่าหมอนี่ชอบชิโมสึกิอยู่ จากกิริยาวาจาที่ผ่านๆมา ทำให้เห็นได้ว่าเจ้าตัวก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้ว ความแตกต่างตอนนี้มีเพียงว่าจะพูดความรู้สึกออกมาแบบไหน

 

เพราะงั้น เลยอยากจะรู้ว่าจะตอบสนองกลับมาแบบไหน

อาจจะพูดตรงๆว่า”ชอบสิ”…….ดูเหมือนจะไม่ใช่คนแบบนั้น

ก็เพราะเขาเป็นพระเอกฮาเร็มไงล่ะ

 

การตัดสินใจไม่เด็ดขาด ก็เป็นสิทธิพิเศษเหมือนกัน

 

“จะ จะว่าชอบหรือยังไงดี เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน เป็นตัวตนที่ต้องอยู่ด้วยกันแน่นอน จะบอกว่าน้องสาวหรือครอบครัวดี……เอาเป็นว่า เป็นตัวตนที่จะต้องทำให้มีความสุขให้ได้ เพราะอย่างนั้น ถึงจะชอบก็เถอะ แต่คงไม่เหมือนกะบชอบของนาย……”

 

อาเร๊ะ?

พอเห็นริวซากิที่อยู่ดีๆก็คลุมเคลือไปแบบนั้น ผมก็กลุ่มใจอย่างนึง

 

คิดว่าริวซากิชอบชิโมสึกิซะอีกแต่ว่า

 

(หมอนี่……ชอบชิโมสึกิจริงๆงั้นหรอ??)

 

รู้สึกว่า นั่นไม่ใช้ความรู้สึกชอบแบบปกติ

 

ถ้าให้ยกตัวอย่างล่ะก็ เหมือนกับกำลังเลี้ยงสัตว์

ดูแลเป็นที่ต้องทำ ปกป้องก็เป็นเรื่องธรรม เพราะอย่างนั้นจึงมีสิทธิที่จะได้รับการอ้อนーเริ่มเสียวสันหลังพอคิดว่า นี่มันไม่ใช่ความรักที่บิดเบี้ยวหรอกเหรอ

 

(เข้าใจแล้ว……รูทฮาเร็ม มันเป็นแบบนี้เองสินะ)

 

คิดว่า ริวซากิถึงจะเป็นพระเอกฮาเร็มแต่ก็รักผู้หญิงคนเดียวซะอีกーคิดว่าเป็นพระเอกที่มีเรื่องราวแบบนั้น

แต่ว่า ไม่ใช่เลย หมอนี่มันจะเดินรูทฮาเร็มไปด้วย ทั้งๆรักชิโมสึกิอยู่ไม่ใช่รึไง?

 

ผมเหมือนจะขนลุก พอคาดเดาถึงเรื่องน่ารังเกียจแบบนั้น

 

ประโยคที่ผมเคยเห็นมาก่อน ขึ้นมาในหัวผม

เป็นสิ่งที่พระเอกในเรื่องนั้นพูดออกมา

 

‘ชั้นชอบพวกเธอทุกคนเลย! แต่ว่าเพราะ’ชอบ’ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เลยเท่าเทียมกัน!’

 

นางเอกคนหนึ่งนั้น ชอบในฐานะคนต่างเพศ

นางเอกอีกคนนั้น ชอบในฐานะเพื่อน

นางเอกอีกคนนึง ชอบในฐานะผู้มีพระคุณ

นางเอกอีกคน ชอบในฐานะคนในครอบครัว

 

เพราะแบบนั้นจึงรักทุกคนได้อย่างเท่าเทียม

ชั้นจะทำให้ทุกคนมีความสุข

แล้วก็อยากให้ทุกคนเอง รักแค่ผมคนเดียวーนึกเรื่องราวที่มีความอวดดีแบบนั้นออกมา

 

พูดโดยภาพรวม ชิโมสึกิก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันสินะ

ชอบในฐานะเพื่อนสมัยเด็กーคิดว่าคงถูกเซ็ทมาในรูปแบบนั้น และจับยัดเข้าไปในฮาเร็ม

 

แต่ว่านะ ถ้าจะเรียกไอ้แบบนั้นว่า’ชอบ’ รูปร่างของมันดูจะบิดเบี้ยวไปหน่อย

 

ไอ้แบบนั้นน่ะ มันไม่ใช่ความรักหรอก

ก็แค่ ‘เห็นแก่ตัว’ เท่านั้น…….

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง (wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga sukiผมนั้น ก่อนที่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองเป็นตัวประกอบ ไม่สิ ผมคิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า’ตัวเอก’ด้วยซ้ำ แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นมัธยมปลายและได้พบกับหมอนั่น ผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset