รถบัสออกเดินทางแล้ว ออกจากเขตุชุมชน และมุ่งหน้าไปที่ภูเขาที่เป็นเขตุที่เป็นธรรมชาติอย่างมาก บนรถบัส อาจารย์ซุซุกิที่รับบทเป็นไกด์พยายามอย่างหนักเพื่อให้นักเรียนไม่เบื่อกัน
“ที่จริงนะ วันก่อนอาจารย์ไปดูตัวมาด้วยล่ะ~ พ่อแม่ก็เอาแต่พูดว่า32แล้วนะรีบๆแต่งงานซักทีน่ารำคาญจังเลยนะ~ แต่ว่านะ อาจารย์ก็อยากจะแต่งงานกับคนวิเศษที่เหมือนอัศวินขี่ม้าขาวนี่นา ดูตัวเนี่ย ลำบากจังเลยนะ~”
เพียงแต่ เพราะเรื่องราวของอาจารย์ซุซุกิไม่น่าสนใจเลย ไม่ได้ช่วยให้คลายเบื่อเลย เพื่อร่วมชั้นคนอื่นต่างคุยกัน โดยไม่สนใจเรื่องราวของอาจารย์ซุซุกิ
ทันทีที่มองไปข้างหน้ารถบัส ก็จะเห็นชิโมสึกินั่งอยู่ข้างหน้าสุดเลย มีแค่ที่นั่งเดียว และสำหรับนั่งคนเดียว เธอพิงไปที่หน้าต่างและไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว บางที คงจะหลับอยู่ล่ะมั้ง
จากนั้น สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครนั่งข้างริวซากิเลย ต่างจากอาสึสะสมาชิกฮาเร็มคนอื่นนั้นอยู่ในสถานะที่ระแวดระวังกันอยู่ เพราะงั้นเลยดูเหมือนจะตกอยู่ในสภาพขยับไปไหนไม่ได้ ถ้ามีใครซักคนนั่งตรงนั้นเหตุการณ์จะแย่ลง ดังนั้นจึงไม่มีใครนั่ง
“เห้ยๆ มีแค่ชั้นที่อยู่คนเดียวเศร้าจังเลยน้า…….แต่ว่า เพื่อนน่ะชั้นไม่ต้องการหรอก โดดเดี่ยวน่ะเป็นเครื่องยืนยันว่ามนุษย์นั้นแข็งแกร่งอย่างไงล่ะ”
ถึงจะอยู่คนเดียวแต่หมอนั่นก็ยังเสียงดังเหมือนทุกที เหล่านางเอกที่อยู่รอบๆพอได้ยินคำพูดนั้นก็ยิ้มกันออกมา เหมือนทุกที
บอกว่าโดดเดี่ยวทั้งๆที่มีฮาเร็มอยู่เนี่ย เป็นสถานะที่ดูหุ่มเฟือยดีนะ เอาเถอะ ก็คงเป็นแค่แฟชั่นโดดเดี่ยวล่ะนะ
ーรถบัสก็ยังคงวิ่งต่อไปในสถานการณ์นั้น
ขณะเดียวกัน อาสึสะที่อยู่ข้างๆก็พูดกับผมด้วยเสียงเบาๆ
“เรียวมะโอนี่จังดูสนุกจังเลยนะ บางที คงเป็นเพราะชิโมสึกิซังเข้าร่วมด้วยล่ะน้า…..เรียวมะโอนี่จังบอกว่า เพราะชิโมสึกิซังร่างกายอ่อนแอ เลยไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมพวกนี้เท่าไรด้วยนะ?”
…..ดูเหมือน ริวซากิจะคิดว่าเป็นแบบนั้น
ที่จริงแล้ว เธอไม่ถูกกับริวซากิ พอจะต้องไปด้วยกันเธอก็เลยโดดมันซะเลย เอาเถอะ เรื่องนี้เก็บไว้แค่ในใจผมดีกว่า
“นี่ถึงจะเป็นความลับก็เถอะ…….ที่จริงแล้ว ชิโมสึกิซังเองก็ไม่ได้คิดจะมารอบนี้ด้วย ตอนชวนเข้ากลุ่ม ทีแรกก็ปฏิเสธและพูดว่า ‘ไม่ถนัดกับอะไรพวกนี้’ด้วยล่ะ”
จะว่าไป พวกอาสึสะเป็นคนไปชวนชิโมสึกิให้เข้ากลุ่มด้วยนี่นะ
“แต่ว่านะ…….พออาสึสะกระซิบข้างหูว่า’โอนี่จังก็อยู่กลุ่มเดียวกันด้วยนะ’เธอก็ตอบโอเคทันทีเลย เรื่องนี้เป็นความลับ ยังไม่ได้บอกเรียวมะโอนี่จังเลยนะ?”
…..อา เป็นแบบนั้นเองสินะ
ที่แรกก็ตกใจอยู่หรอกว่าทำไมถึงชวนมาง่ายจัง แต่ในที่สุดก็เข้าใจเหตุผลแล้ว
อาสึสะรู้ว่าผมกับชิโมสึกินั้นสนิทกันอยู่ พอเธอรู้เรื่องนั้น ก็เลยลองใช้ผมเป็นเหยื่อล่อ เพื่อให้ชิโมสึกิมาติด
“ชวนง่ายกว่าที่คิดทำเอาตกใจเลยล่ะ……และก็ เรียวมะโอนี่จังก็ดูดีใจด้วย จะว่าไงดีมันซับซ้อนจังนะ”
อาสึสะยิ้มแห้งๆออกมา
รอยยิ้มเป็นมิตรของเธอนั้นเป็นจุดขายของเธอ แต่ตั้งแต่ที่เธอเริ่มไปพัวพันกับริวซากิ รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆมัวหมองลงเรื่อยๆ รู้สึกเสียดายนิดหน่อย
“เพราะอย่างงั้นนะ อาสึสะก็คิดว่าจะแพ้แบบนี้ไม่ได้หรอก……ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ ก็คงแพ้ชิโมสึกิซังไปตลอด เพราะอย่างงั้น อาสึสะเลยตัดสินใจแล้วว่าจะสารภาพรักในทริปนี้”
จากนั้น ในที่สุดก็เข้าหัวเรื่องหลักแล้ว
เหตุผลที่อยู่ดีๆก็คิดจะสารภาพรัก…..เป็นเพราะตัวตนของชิโมสึกิที่ยิ่งใหญ่เกินไปจริงๆด้วยนั่นแหละ
“แล้วก็นะ มีความเชื่อที่ว่าถ้าสารภาพรักที่แคมป์ไฟในทริปนี้แล้วล่ะก็จะสำเร็จแน่นอนด้วยล่ะ เพราะงั้น อืม……ถึงจะสบายใจแค่นิดหน่อย แต่ก็อยากจะลองเชื่อความดูซักตั้ง”
……ความเชื่อ หรอ
เป็นการเซ็ตค่าของเวทีเนื้อเรื่องที่มีอยู่ชั้นเลิศเพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไปเลย
ความเชื่อนั้นมักจะถูกใช้งาน เพื่อเป็นพลังโน้มน้าวเพื่อเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ที่หยุดนิ่งไม่ไปไหน
เรื่องราวของริวซากิเอง ก็ดูเหมือนจะมีความเชื่อนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่
ฮ่า……ผมสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง และกังวลกับเส้นทางที่กำลังดำเนินไป………