(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki – ตอนที่ 41

ผู้แปล : หลังจากครุ่นคิดได้สักพักตั้งแต่ตอนนี้ไป จะใช้เป็นเข้าค่ายแทนนะครับ ง่ายดี

 

****

 

ー11โมงเป็นเวลาที่พวกเรามาถึงอุทธยานธรรมชาติ สถานที่เข้าค่าย

ถ้าตามตารางแล้วนั้น หลังจากนำสัมภาระไปไว้ในห้องนอนแล้ว ก็จะเป็นการทำอาหารด้านนอกกันทันที

 

“โอ้ กว้างไม่เบาเลยนี่”

 

ขนาดห้องก็พอใช้ได้ และก็มีฟูกขนาดนอนอัดกันได้4คนอยู่ในห้อง ริวซากิมองไปด้านในพร้อมส่งเสียงดัง

หมอนี่ คงจะมีบุคลิกที่สนุกกับอีเวนท์แบบนี้สินะ

 

“………”

 

เพียงแต่ นอกเหนือจากริวซากิแล้วนั้น ความตื่นเต้นคนอื่นต่ำมาก

นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะคนอื่น3คนนอกจากริวซากิ เป็นตัวประกอบเลยไม่ส่งเสียง

 

และก็ ริวซากิไม่มีเพื่อนผู้ชายอยู่เลย

สมกับเป็นพระเอกฮาเร็มถึงจะฮอตในหมู่เพศตรงข้าม แต่เพราะฮอตเกินไปนั่นแหละเลยทำให้พวกผู้ชายไม่ค่อยอยากยุ่งด้วย

 

ด้วยเหตุนั้น ทำให้คนที่เหลือดูเหมือนกับเป็นของเหลือที่เก็บมา

 

“นากายะมะ………กับ อีก2คนที่เหลือ คืนนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ?”

 

นอกเหนือจากผมแล้ว แน่นอนว่าริวซากิจำชื่อใครไม่ได้เลย 2คนหลังคือฮานากิชิกับอิกุระนะ…..นี่นาย ไม่สนใจอย่างอื่นนอกจากผู้หญิงเกินไปแล้ว

 

ตั้งแต่เปิดเรียนก็ผ่านมาได้2เดือนครึ่งแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นมารยาทนะที่จะจำชื่อของเพื่อนร่วมชั้น

 

…..เอาเถอะนะ พระเอกคงไม่จำเป็นต้องมีสามัญสำนึกแบบนั้นหรอก ถ้าปกติเกินไปก็จะไม่มีคาแรคเตอร์ของตัวเองเอา ช่วยไม่ได้

 

“ฝากตัวด้วย! ถ้างั้น ไปบานกว้างกันเถอะ! ผม หิวแล้วล่ะน้า~”

 

ก่อนอื่น ถ้าเมินจะทำให้พระเอกไปสูญเสียภาพลักษณ์ได้ เพราะงั้นถึงจะมีแค่ผมแต่จะโต้ตอบไปก่อนละกัน พูดเหมือนกับตัวประกอบบ้าๆไร้สมอง

 

“อา จริงด้วยสินะ พวกผู้หญิงก็รออยู่ด้วย…..ถ้าไปช้าเดี๋ยวจะโดนโกรธเอา”

 

ริวซากิออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม ข้างหลังมีฮานะกิชิกับอิกุระ ที่มีสีหน้าคลุมเครือตามมาด้วย

 

ผมเองก็ทำสีหน้าคลุมเครือและตามไปด้วยเช่นกัน

ลานกว้างของอุทยานธรรมชาตินั้น มีทั้งเตาถ่านและสถานที่ทำครัวเป็นต้น จัดตั้งไว้อยู่ ดูเหมือนว่าจะให้ใช้ของพวกนั้น และทำแกงกะหรี่กัน

 

ดูเหมือนว่าสถานที่จะจัดเตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์ไว้ให้แล้ว ของเลยอยู่ในสถานที่ทำครัวไว้เรียบร้อย

หลังจากรวมตัวและขานชื่อกันเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดทำอาหารด้านนอกก็เริ่มขึ้นโดยแบ่งกันทำเป็นกลุ่ม

 

“ถ้างั้นก็ ถึงจะเริ่มการทำอาหารแล้วก็เถอะ…..ในนี้ ถ้ามีใครมีประสบการณ์ในการทำอาหารช่วยยกมือหน่อยได้ไหมคะ?”

 

เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม โฮโจ ยุซุกิ ที่ออกคำสั่งในการทำอาหาร

ผมสีดำยาวสวยของเธถูกมัดรวบเข้าด้วยกัน ดูเหมือนว่าเธอจะเตรียมผ้ากันเปื้อนและหมวกของตัวเองมา เตรียมทุกอย่างพร้อมเลย

 

เธอทำอาหารเก่งมาก และเจ้าตัวก็ดูจะมั่นใจฝีมือด้วย เต็มไปด้วยสปิริตเลย

 

“อยากจะรู้ว่าใครคุ้นชินกับการใช้มีดทำครัวบ้างค่ะ……ฮุมุฮุมุ มีแค่ฉันกับเรียวมะซังสินะคะ”

 

คนที่ยกมือมีแค่ริวซากิ สมกับที่เป็นพระเอกจริงๆ…..ถึงสำหรับผมมันจะแปลกก็เถอะ แต่ทำไมพระเอกที่ทำอาหารเก่งมันถึงมีอยู่เยอะกันนะ?

 

…..อา รู้ละ เพราะแนวที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่มีเยอะ ถูกเซ็ทมาว่าให้ทำอาหารเก่งเวลาต้องพึ่งพาตนเอง

 

พอลองคิดดู มันก็ไม่ยาก เอาเถอะ เพราะผมเป็นตังประกอบ ถึงจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ แต่ก็ทำอาหารไม่เป็นอยู่ดี

 

“ถึงชั้นจะทำอาหารได้ แต่ก็ไม่ได้เก่งเท่ายุซุกินะ? อย่าคาดหวังไว้เยอะละกัน?”

 

“……พูดมาแบบนั้น ทั้งๆที่เก่งกว่าฉัน น่าเจ็บใจค่ะ”

 

พระเอกก็เห็นพ้องต้องกัน เรื่องแบบนั้นจะอย่างไงก็ช่าง เพื่อให้รู้สึกดีขึ้นเลยเลิกพูดถึงบทสนทนานั้น

 

“ถ้าอย่างงั้น มาแบ่งงานกันเลยไหมคะ อาสึสะซังก็ช่วยเตรียมข้าวนะคะ? คิราริซังก็ช่วยเตรียมจานด้วยค่ะ เรียวมะซังก็ช่วยหั่นวัตถุดิบและเครื่องปรุงกับฉันด้วยค่ะ”

 

“อ๊คเคー รับทราบ อืーม อาเร๊ะ? มีดมีแค่อันเดียวเองนี่นา……เดี๋ยวจะไปขอยืมอีกอันจากซุซุกิจังมานะ”

 

พูดเสร็จริวซากิก็หายไปจากที่นี่

หมอนั่นก็ยังคงเหมือนเดิมแลดูมีสปิริต

 

“แล้วก็…….”

 

จากนั้น เธอก็มอบงานให้แต่ละคน

พอมาถึงตาผม เธอก็ลืมตากว้างเหมือนกับเพิ่งจะรู้ว่ามีผมอยู่ตรงนี้ด้วย

 

“อะ……..โคทาโร่ซังก็ อยู่ด้วยสินะคะ”

 

อืม อยู่สิ

ถึงเธอจะมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับพระเอกจนไม่รู้ตัวก็เถอะ ผมอยู่นะ

 

…….ถึงเมื่อก่อน จะสนิทถึงขั้นอยู่ด้วยตลอดเวลาก็เถอะนะ

นั่นก็เพียงแค่เรื่องราวในอดีต ตอนนี้ผมกับเธอเป็นคนแปลกหน้ากันอย่างสมบูรณ์

 

“เอ่อ โคทาโร่ซัง……ช่วยก่อฟืนได้ไหมคะ?”

 

“อืม เข้าใจแล้ว”

 

เอาเถอะ ป่านนี้แล้วผมไม่คิดอะไรเกี่ยวกับยุซุกิอีกแล้ว

เพราะแบ่งงานมาได้แล้ว ทางนี้เองก็จบการสนทนาโดยไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ

 

“แล้วก็……ชิโฮะซังสินะคะ ชิโฮะซังช่วยปอกผักได้ไหมคะ?”

 

พอพูด ยุซุกิก็ส่งที่ปอกให้ชิโมสึกิ

แต่ว่า ชิโมสึกที่ปล่อยบรรยากาศดูเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ แต่ว่าเธอกับเป็นยัยบ๊องที่ทำอะไรไม่เป็นเลยอย่างคาดไม่ถึง

 

“……..ปอก?”

 

เธอทำหน้างงเหมือนกับว่า เพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าผักมีเปลือกด้วย คิดว่า บางทีเธอคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ปอกเปลือกเอาไว้ทำอะไร

 

“ค่ะ ช่วยปอกด้วยค่ะ นี่ค่ะ เชิญเลย”

 

เธอคงไม่คิดว่าชิโมสึกิจะบ๊องสินะ ยุซุกิยื่นแครอทให้เธอ

ขิโมสึกิก็รับมาทั้งคู่ แต่เธอดูจะจินตนาการไม่ออกเลยว่าต้องใช่อย่างไง…..มือขวาถือที่ปอก มือซ้ายถือแครอท และเธอก็เอียงคอ

 

จากนั้น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่…..อยู่ดีๆ เธอก็เริ่มเอาที่ปอกตีไปที่แครอทแปะๆ เธอกำลังใช้มันเหมือนกับของเอาไว้ทุบ คิดอะไรของเธออยู่กันแน่นะ?

 

“……ชะ ชิโฮะซัง? เอ่อ หรือว่าจะ ไม่รู้วิธีใช้ที่ปอกหรอคะ?”

 

ดูเหมือนยุซุกิจะรู้สึกตัวแล้ว เธอมองไปที่ชิโมสึกิด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก

 

“………ที่ปอก?”

 

เธอเอียงคอ ดูเหมือนยุซุกิจะเข้าใจทุกอย่างด้วยท่าทางแบบนั้นแล้ว…..ดูเหมือนเธอจะสินใจได้แล้วว่าพูดเรื่องทำอาหารกับชิโมสึกิไม่ได้

 

“คาดไม่ถึงเลยค่ะ เพราะดูเหมือนจะทำอะไรได้ทุกอย่าง……เอาเถอะ มนุษย์เองก็มีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนสินะคะ เอ่อ ถ้าอย่างงั้น……ช่วยก่อฟืนกับโคทาโร่ซังได้ไหมคะ?”

 

ด้วยเหตุนั้นเอง ชิโมสึกิจึงได้งานร่วมกับผม

 

“………….ค่ะ เข้าใจแล้ว อุฟุฟุ♪”

 

จากนั้นชิโมสึกิก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที เธอคืนที่ปอกกับแครอทให้ยุซุกิ และเดินเตาะแตะมาทางผม

 

“ดีจังเลย โชคดีในโชคร้ายล่ะ…..ได้อยู่กับนากายะมะคุงแล้ว! อุฟุฟุ ดีใจจังที่ทำอาหารไม่เป็น คือว่านะ ครัวของบ้านเราน่ะเป็นสถานที่สำหรับหม่าม้านะ? เรื่องอาหารสำหรับฉัน ฉันเชี่ยวชานด้านกินอาหารเลยนะ”

 

ระหว่างที่พูดอย่างนั้น เธอก็ดึงชายเสื้อผมเล็กน้อย

เธอส่งเสียง และดึงไปดึงมาเหมือนกับเด็กขี้แกล้งเหมือนพยายามเรัยกร้องความสนใจจากผม

 

“นากายะมะคุง ไฟเนี่ยเค้าจุดกันยังไงหรอ? อะ รู้แล้ว! เอาแท่งไม้มาถูกับท่อนไม้ใช่มั้ย? เห็นมาจาก รายการเอาตัวรอดน่ะ นั่นน่ะ ตั้งตารอเลย อยากจะลองทำดูซักครั้งน่ะ”

 

“…..ไม่ใช่แล้ว บางที มันน่าจะมีไฟแช็คหรือถ่านให้ใช้อยู่ไม่ใช่หรอ?”

 

“ถ่าน……? อืーม ที่ปอกก็ทีนึง มีแต่คำที่ไม่เข้าใจทั้งนั้นเลยนะเข้าค่าย ฉันน่ะ เพราะไม่ค่อยชอบการเรียน เลยไม่ค่อยอยากใช้หัวเท่าไรด้วย”

 

เป็นบทสนทนาปกติเหมือนทุกที

แต่ว่า ระยะห่างของชิโมสึกินั้น ใกล้อย่างเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้มันก็ใกล้อยู่หรอก แต่วันนี้ใกล้จนแทบจะถูกตัวกันอยู่แล้ว

 

ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไงกับเธอแล้ว ที่เข้าใกล้ขึ้นมามากกว่าปกติ

 

เริ่ม จะเล่นละครตบตายากขึ้นมาแล้ว

เพราะระยะห่างแบบนี้ มันไม่ใช่ความใกล้ชิดของนางเอกกับตัวประกอบแล้วไงล่ะ……..

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง (wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga sukiผมนั้น ก่อนที่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองเป็นตัวประกอบ ไม่สิ ผมคิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า’ตัวเอก’ด้วยซ้ำ แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นมัธยมปลายและได้พบกับหมอนั่น ผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset