(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki – ตอนที่ 99

เวลาดำเนินไปอย่างช้าๆ ไปอย่างต่อเนื่อง

เข้าสู่ช่วงปลายเดือนกันยายน เป็นช่วงที่ความรู้สึกที่หลงเหลือจากช่วงปิดเทอมเริ่มหายไป……และในที่สุดบทละครก็เขียนเสร็จแล้ว

 

ในคาบโฮมรูมยาวได้ถูกใช้เป็นเวลาเตรียมตัวสำหรับงานโรงเรียน นิโอซังที่รับหน้าที่เขียนบทได้ทำการเรียกรวมตัวนักแสดง และแจกจ่ายบทให้แต่ละคน

 

“ขอโทษที่ช้าไปนิดหน่อยด้วยค่ะ ฉันอ่านเทียบบทเสร็จตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วค่ะ…….แต่ว่า การอ่านกับการเขียนนี่มันต่างกันเรื่องเลยนะคะ เลยกินเวลาไปพอสมควรเลยค่ะ”

 

เธอพูดด้วยน้ำเสียงขอโทษที่ปะปนกับความเหนื่อยล้าด้วย

 

“เหลือเวลาอีกแค่สามสัปดาห์ก่อนจะถึงงานโรงเรียนแล้วค่ะ ตารางอาจจะดูยุ่งไปบ้าง แต่ก็ขอให้นักแสดงทุกคนพยายามด้วยนะคะ โดยเฉพาะตัวละครหลักสามคน ขออภัยที่รบกวนความสะดวกด้วยค่ะ”

 

นิโอซังก้มหัวพร้อมกับจัดแว่นของตัวเอง

แน่นอนผมไม่มีอะไรจะต่อว่าเธออยู่แล้ว เพราะเธอแสดงออกแบบนี้ด้วย เลยไม่มีใครอยากจะต่อว่าเธออยู่แล้ว

 

“ไม่เลยไม่เลย~ ยินดีให้รบกวนละน้า~”

 

“แมรี่ ห้ามพูดแบบนั้นนะ? ไม่ได้ถูกรบกวนอะไรซักหน่อย”

 

แมรี่ซังก็ยังทำตัวขำขันที่โรงเรียนเช่นเดิม

พอริวซากิตบมุขแมรี่ซังเสร็จ เขาก็หันไปพูดกับนิโอซังด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

 

“ครั้งนี้ขอบคุณจริงๆนะ ไว้ใจฟุตาโกะได้จริงๆ สมแล้วที่เป็นหัวหน้าห้อง …….นับถือเลยล่ะ อย่าไปใส่ใจกะอีแค่ช้านิดหน่อยเลย”

 

ริวซากิก็ยังคงพูดจาหวานๆใส่ผู้หญิงเหมือนเช่นเคย

อาจจะเป็นนิสัยติดตัวของพระเอกฮาเร็มที่ทำให้เขาปากหวานใส่ผู้หญิงตามใจตัวเอง

 

“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากให้ยกโทษเรื่องที่ไม่รักษาเวลาหรอกนะคะ แล้วฉันก็เกลียดการประนีประนอมแบบนั้นมาก ช่วยระวังคำพูดด้วยค่ะ อีกอย่าง เรียกด้วยชื่อจริงฉันคิดว่ามันเกินไปหน่อยค่ะ เป็นคนต่างเพศแท้ๆแต่ทำตัวสนิทสนมจังเลยนะคะ”

 

แต่ว่า นิโอซังเป็นประเภทที่หาได้ยากที่ไม่ได้รับผลจากริวซากิ บางทีเธออาจจะเป็นคนเดียวที่เป็นกลางสุดๆแล้วก็ได้

 

เพราะแบบนั้นล่ะมั้ง เสน่ห์ของพระเอกจึงใช้ไม่ได้ผลกับเธอ ริวซากิยักไหล่ พร้อมกับยิ้มแห้งๆ

 

“ให้ตายสิ ฟุตาโกะนี่เย็นชากับชั้นจังเลยน้า”

 

“……พอได้แล้วค่ะ เอ่อ ถ้าเช่นนั้นช่วยเช็คเนื้อเรื่องหน่อยไหมคะ? แล้วก็ ช่วยแจ้งตรงจุดที่ผิดด้วยค่ะ อีกอย่าง ถ้าคิดว่าบทพูดหรือเนื้อเรื่องมันแปลกๆช่วยบอกด้วยค่ะ”

 

พอเธอพูดแบบนั้น ผมก็พลิกหน้าดู

เนื้อเรื่องคร่าวๆส่วนใหญ่นั้นแทบจะเหมือนกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ผมรู้จักเกือบทั้งหมด

 

ชายคนหนึ่งถูกสาบให้กลายเป็นอสูรโดยแม่มดชั่วร้าย ถ้าไม่ตามหา’รักแท้’ให้พบ ก็จะไม่สามารถแก้ไขคำสาปให้ชายคนนั้นได้ ตั้งแต่วันนั้นอสูรตนนั้นก็ได้ออกตามหารักแท้

 

สิบปีผ่านไปหลังจากวันนั้น

อีกด้านหนึ่ง สาวงามชื่อดังในเมืองหนึ่ง ได้ถูกนายพรานรูปหล่อที่มีชื่อเสียงแต่มีความหยาบคายและเย่อหยิ่งขอแต่งงาน เธอเป็นสาวเงียบๆที่รักการอ่านและเรื่องเหนือธรรมชาติมาก เธอไม่ถูกกับคนประเภทอย่างนายพราน จึงได้รู้สึกเอือมระอา

 

วันหนึ่ง สาวงามได้เข้าไปหลงอยู่ในป่าใหญ่และได้ถูกอสูรจับตัวไว้ อสูรข่มขู่ให้’รักชั้นซะ’ แต่เธอก็ยืนกรานปฏิเสธ

 

ตั้งแต่วันนั้น สาวงามก็ได้ถูกอสูรขังไว้ในปราสาทเก่าๆที่อยู่ในส่วนลึกของป่าอันกว้างใหญ่ ตอนแรกสาวงามก็เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว แต่ว่าที่นั่นกับเป็นสถานที่แปลกประหลาด ที่มีเฟอร์นิเจอร์พูดได้อยู่ด้วย พวกเขาคอยปลอบโยนเธอ จนทำให้เธอเริ่มดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย

 

เพียงแต่ อสูรนั้นยังคงขอเธอแต่งงานอยู่เรื่อยๆ แม้สาวงามจะบอกปฏิเสธไปแล้วก็ตาม แต่อสูรก็ยังคงข่มขู่ให้’รักซะ’อยู่ทุกๆวัน

 

พอเห็นสาวงามที่ไม่เคยสั่นคลอนต่อการข่มขู่ อสูรก็เริ่มถูกหัวใจอันเข้มแข็งของเธอดึงดูด สาวงามเองก็เริ่มรู้ถึงจิตใจแท้ๆของอสูรที่อ่อนโยน ทำให้เธอเริ่มหลงรักขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงถูกดึงดูดเข้าหากัน……แต่ว่า วันหนึ่งนายพรานที่ออกตามหาสาวงามนั้นได้ขึ้นมาบนปราสาท

 

อสูรกับนายพรานได้ต่อสู้กัน จากนั้นอสูรก็เป็นฝ่ายชนะ แม้ระหว่างที่กำลังเจ็บจากบาดแผลที่หนักเจียนตาย เขาก็ส่งนายพรานให้ตกหน้าผาไป แต่ว่า ชีวิตของอสูรนั้นก็ใกล้สิ้นลงแล้ว

 

ในตอนนั้น สาวงามก็บอกรักอสูร เธอตระโกนออกมาว่า อย่าหายไปนะ และจูบเขาーปาฏิหาริย์เกิดขึ้น อสูรคนนั้นได้กลับคืนร่างมนุษย์ แผลทั้งหมดก็ถูกรักษา ชายคนนั้นกลับมาเป็นคนที่สุขภาพดีดั่งเดิม และได้ผูกมัดกับสาวงามได้อย่างไม่มีอะไรปิดกลั้น

 

ในที่สุดเขาก็ได้พบรักแท้ และก็ทำให้คลายคำสาปที่เขาถูกร่ายใส่ไว้ได้

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข ถูกรายล้อมไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่พูดได้ และได้รักกันสืบต่อไปชั่วนิรันดร์ーー

 

 

 

ーนั่นคือเท่าที่ผมอ่าน

ผมเอียงหัวสงสัยเล็กน้อย

 

“อาเร๊ะ? อสูรเนี่ย ผมรู้สึกว่าจะเป็นเจ้าชายนี่นา…..”

 

ที่เนื้อหาแตกต่างจากต้นฉบับ ก็เข้าใจได้ว่าคงเป็นเพราะเรื่องเวลาด้วย

 

แต่ว่า มีส่วนนึงที่ผมคาใจอยู่

 

แต่เดิมอสูรนั้นน่าจะเป็นเจ้าชายรูปงามมาก่อน ผมรู้สึกว่า พอคำสาปอสูรถูกแก้ ทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่รักชายหล่อหญิงสวยที่เหมาะสมกันนะ

 

“…..ฉัน ชอบเนื้อเรื่องซินเดอเรลล่าค่ะ”

 

ดูเหมือนว่านิโอซังจะจงใจไม่ใส่เรื่องพวกนั้นเข้ามาในเรื่อง

 

“ชายหนุ่มที่ถูกสาปเป็นอสูรนั้น เป็นแค่ผู้ชายไม่มีที่ไปที่หลงเข้ามายังปราสาทที่แม่มดชั่วร้ายอาศัยอยู่ーเป็นเซ็ตติ้งแบบนั้นค่ะ เขาบังเอิญกลายเป็นอสูร แต่ว่าก็เพราะคำสาปนั้น ทำให้ได้พบกับสาวงามและก็มีความสุข…….แบบนั้น ไม่คิดว่ามันวิเศษหรอคะ? อย่างน้อยๆฉันก็คิดว่า มันโรแมนติกมากกว่า เนื้อเรื่องที่แค่ให้เจ้าชายที่เกิดมาเพื่อได้สาวงามเป็นเจ้าสาวอีกนะคะ”

 

จะว่าไป รู้สึกว่าก่อนหน้านี้นิโอซังเคยบอกว่า’เป็นเรื่องที่งดงามมากที่สุดในโลกเลย’ เพราะอย่างงั้น คงได้รับอิทธิพลมาด้วยล่ะมั้ง

 

“อีกอย่าง ขอเสียมารยาทนะคะ……แต่ว่า คิดว่านากายะมะซังเป็นเจ้าชายรูปหล่อเนี่ย คงไม่ไหวค่ะ”

 

…..มีเหตุผล

อย่างนี้นี่เอง คงคิดถึงอิมเมจของผมด้วยสินะ

 

“นิฮิฮิ ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ~? เหมือนกับเป็นโคทาโร่จริงๆเลยนะ”

 

พออ่านเรื่องย่อ แมรี่ซังก็ดูอารมณ์ดีมาก

พระเอกเป็นคนอย่างผม…..หรอ เอาเถอะ ถูกพูดแบบนั้นแล้ว ก็อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้

 

ผมเอง แต่เดิมก็เป็นคนที่ มีชิโฮะที่มีสถานะต่างกันมาตกหลุมรักและอยู่เคียงข้างกัน

ถึงเพศอาจจะสลับกัน……แต่ว่าอาจจะเหมือนกับเจ้าชายที่ตกหลุมรักซินเดอเรลล่าก็ได้……

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

(wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga suki

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง (wnแปล)Shimotsuki-san wa mobu ga sukiผมนั้น ก่อนที่จะขึ้นชั้นมัธยมปลาย ไม่เคยคิดเลยว่าตนเองเป็นตัวประกอบ ไม่สิ ผมคิดว่าตัวเองคือสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า’ตัวเอก’ด้วยซ้ำ แต่ทว่า ตั้งแต่ที่ขึ้นชั้นมัธยมปลายและได้พบกับหมอนั่น ผมก็รู้ตัวทันทีว่าผมเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset