สุดทางที่ฮารุโนะพาไปนั้นก็คือโถงทางเดินที่ไม่ค่อยมีคนของอาคารถัดไป
เท่าที่มองดูก็ไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเรา
เสียงของนักเรียนก็ดังก้องสะท้อนเป็นกลุ่มเดียวจากอาคารเรียนผ่านทางเดินที่เชื่อมถึงกัน
“ริคุจัง!”
“ครับ!”
ฮารุโนะหันกลับมาแล้วเรียกชื่อผมด้วยเสียงที่ดัง
ไอ้นี่ดูยังไงก็เป็นบรรยากาศของคนที่กำลังโกรธอยู่
“ช่วงนี้สนิทกับอายานะจังจังเลยนะ!? หมายความว่ายังไงน่ะ!?”
“เอ๊ะ เอ่อ-…”
“แล้วช่วงนี้ก็ไม่กับบ้านด้วยสินะ!? ไปรับริคุจังที่บ้านทุกๆเช้า แต่ก็ไม่อยู่เลย!”
“โทษที… พักอยู่ที่อื่นน่ะ”
“ที่อื่นนี่ที่ใหน? ไม่เห็นจะเคยได้ยินเรื่องแบบนั้นเลย!?”
ถูกบีบด้วยท่าทางโกรธแบบโกรธจัดๆ
ก็เป็นความผิดเราจริงๆน่ะแหละ แต่เหมือนที่โกรธจะเป็นคนละอย่างกัน
ถ้าเป็นฮารุโนะปกติคงไม่โกรธโผงผางแบบนี้
และก็ไม่เคยขึ้นเสียง
คงจะรู้ว่าผมสับสนละมั้ง ฮารุโนะเลยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ขอโทษนะ หัวเสียไปหน่อย ….พักอยู่ที่ใหนเหรอ?”
ยากที่จะพูดกับฮารุโนะในตอนนี้ยังไงไม่รู้แฮะ
จะให้บอกว่าอยู่บ้านของโฮชิมิยะก็……
แต่ก็ไม่อยากจะโกหกฮารุโนะให้มากเท่าที่จะมากได้
ผมปิดปากไม่พูดมากไปกว่านี้แล้วกัน
“บอกฉันไม่ได้เหรอ? ทั้งๆที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กน่ะเหรอ?”
“….ขอโทษ”
“งั้นเหรอ… ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้สิเน๊าะ”
ท่าทางเหมือนจะยังไม่มั่นใจแต่ว่า ฮารุโนะก็ถอนหายใจออกมาเหมือนกับยอมแพ้
รู้สึกผิดแต่ว่าตอนนี้ยังไม่อยากคุยอะไรกับฮารุโนะ
อยากจะรักษาระยะห่างให้มากเท่าที่จะทำได้
พอตัดสินว่าเรื่องจบผมก็เริ่มเดิน
“เดี๋ยวก่อนริคุจัง”
“เอ๊ะ?”
“เมื่อวันก่อนไปเดทกับอายานะจังมาสินะ?”
“พูดอะไร–”
“ไม่เห็นรู้เลยน้า~ ว่าทั้งสองคนคบกันแล้ว”
แม้ว่าจะแกล้งทำเป็นเฉยแต่ก็มีการแดกดันที่ซ่อนเอาไว้ไม่ได้อยู่
“ฮารุโนะ ฉันกับโฮชิมิยะน่ะ–”
“ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลย? ไม่ใช่ว่าควรจะรายงานให้เพื่อนสมัยเด็กรู้หรอกเหรอ? เย็นชาไปหน่อยมั้ย?”
“…ขอโทษ แต่ว่าไม่ได้คบกันหรอกนะ”
“ไปเที่ยวด้วยกันใช่มั้ยละ? แถมยังสองต่อสอง”
“……”
ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายยังไงแล้ว
แล้วยิ่งกว่านั้นก็สับสนอยู่อีก
ควรจะคิดจากตรงใหนดีละ
พอถูกฮารุโนะคนนั้นสอบปากคำเข้าทั้งกายและใจมันก็เหี่ยวแห้ง
จนถึงตอนนี้ไม่เคยเผชิญหน้ากับความรู้สึกเป็นศัตรูขนาดนี้มาก่อน
“ทั้งๆที่ริคุจังไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากฉันแท้ๆนะ แล้วก็ตามหลังฉันต้อยๆอยู่ตลอด”
….ก็เพราะไม่ได้สนใจผู้หญิงคนอื่นนอกจากฮารุโนะยังไงละ
แค่เพียงเพราะฉันชอบฮารุโนะมากๆเลยๆไงละ
―ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก้จะอยู่ข้างๆนะ ก็เพราะเป็นเพื่อนสมัยเด็กนี่นา! พวกเราน่ะจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลย―
ฮารุโนะพูดกับผมที่ยังมึนงงกับการสูญเสียครอบครัว
ถ้าไม่มีฮารุโนะผมในตอนนี้ก็คงจะไม่มีตัวตนอยู่
ตัวตนที่เรียกว่าเพื่อนสมัยเด็กนั้นได้เติมเต็มหัวใจที่มันว่างเปล่า
“มีความสัมพันธ์ยังไงกับอายานะจังเหรอ? ถ้าแค่นั้นคงจะบอกได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ได้คบกับโฮชิมิยะ นี่น่ะคือเรื่องจริง”
“ถ้างั้นแล้วทำไมถึงได้เดทกันละ? ไม่สิ ไม่ใช่แค่นั้น! ช่วงนี้เหมือนจะสนิทกันขึ้นตลอดเลยนะ!?”
“……”
จะคุยจนถึงตรงใหนดีละ
…..เรื่องที่พักอยู่ที่บ้านของโฮชิมิยะ?
แต่ถ้าจะพูดเรื่องนั้นก็จำเป็นต้องพูดถึงสาเหตุด้วย
แล้วสาเหตุก็คือผมไปเจอะกับการปล้นร้านสะดวกซื้อ
ถ้าให้พูดมากกว่านี้ล่ะก็ พอถูกฮารุโนะสลัดรักทิ้งก็เลยไปที่ภูเขาเพื่อฆ่าตัวตาย
ถ้าจะอธิบายเรื่องความสัมพันธ์กับโฮชิมิยะก็จะต้องเปิดเผยเรื่องพวกนี้
ไม่ได้ พูดไม่ได้
ถ้าเกิดฮารุโนะรู้ว่าเราเคยคิดฆ่าตัวตายเข้า…..จะตอบสนองแบบใหนกันละ
แม้จะทำฮารุโนะที่ในตอนนี้อารมณ์เสียด้วยอะไรสักอย่างอารมณ์เสียมากขึ้น ก็พูดไม่ได้เด็ดขาด
“……”
“เงียบไปอีกแล้ว”
“….ขอโทษ”
ฮารุโนะทำหน้ามุ่ย
“ไม่ต้องพูดแล้ว ทั้งที่จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีความลับกับฉันเลยแท้ๆ”
“….ขอโทษ”
“พอที! เอาแต่ขอโทษตั้งแต่เมื่อกี้แล้วไม่ใช่รึไง!”
“แล้วโกรธอะไรละ ฮารุโนะ….”
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย!”
เสียงที่ฮารุโนะเปร่งออกมาเรียบไปตามพื้นของทางเดิน
ใบหน้านั้นโกรธอย่างเห็นได้ชัด
น้ำตาที่กำลังคลอเพราะความปั่นป่วน
“ฮารุโนะ..”
“ไม่รู้กับริคุจังด้วยแล้ว!”
“—อึก!”
ฮารุโนะหันหลังให้ผมแล้วเดินออกไป
พยายามที่จะส่งเสียงเรียกออกไป แต่ก็หยุด ข้างในอกมันเจ็บปวดซะจนอยากจะร้องไห้
การปฏิเสธฮารุโนะและการถูกปฏิเสธมันเจ็บปวดเหลือเกิน
“…..อะไรกันเล่า ไม่เห็นจะเข้าใจเลยฮารุโนะ…..”
◯
หลังเลิกเรียน ยังคงกังวลที่โดนฮารุโนะตะคอกใส่ไม่หาย
พอผ่อนคลายได้สักหน่อยก็เหมือนจะร้องไห้ พอเห็นฮารุโนะที่ออกจากห้องเรียนไปโดยที่ไม่ได้หันมามองผมก้รู้สึกเจ็บปวดซะจนการมองเห็นพร่ามัว
ราคาของการที่มัวเมาไปกับการใช้ชีวิตกับโฮชิมิยะช่วงสองสามวันมานี้คงจะมาแล้วงั้นสินะ
รู้สึกแย่ที่ไม่สามารถเผชิญหน้ากับฮารุโนะให้ได้ดีกว่านี้
ถ้าพูดไปว่าพักอยู่ที่บ้านของโฮชิมิยะคงจะดีกว่านี้
เพราะว่าผมเอาแต่เงียบแบบแปลกๆฮารุโนะก็เลยโกรธที่ไม่เข้าใจความหมายสินะ
ไม่ว่าคิดยังไงผมก็ผิดเต็มประตู
ทั้งๆที่อุตส่ามาเป็นห่วงกันแท้ๆนะ…
“คุโรมิเนะคุง? เป็นอะไรเหรอ?”
“…โฮชิมิยะ?”
เหมือนจะเดินเข้ามาหาระหว่างที่มองไปที่เพดาน
โฮชิมิยะที่อยู่ตรงนั้นมองมาที่หน้าของผมด้วยท่าทางกังวล
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
“เปล่า…ได้ยินวจนะของเทพน่ะ เลยเพ่งไปที่เพดานอยู่”
“……”
“……”
โฮชิมิยะจ้องมาด้วยสีหน้าว่างเปล่า
อึดอัด!
เป็นความเงียบที่ดังก้องอยู่ในใจที่สุดแล้ว
“คุโรมิเนะคุง”
“อะไร…..!”
โฮชิมิยะจับแก้มของผมอย่างช้าๆ
“โฮ โฮฮิมิยะ..?”
“สัญญาแล้วนี่ว่าจะไม่ฝืนน่ะ?”
ยิ้มด้วยความอ่อนโยนแล้วก็ค่อยๆปล่อยแก้มของผม
…ก็คือเดาสภาพจิตใจของทางนี้ได้สินะ
“ขอโทษ”
“อือ ดีมาก”
โฮชิมิยะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
น่ารักหน่อยๆแฮะ
“ด้วยเหตุนี้แหละนะคุโรมิเนะคุง กลับด้วยกันมั้ย? อ้อมกันสักหน่อยก็ได้”
“…เข้าใจแล้ว”
ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
ผมลุกจากเก้าอี้
“อายานะ พยายามเข้า!”
“เดี๋ยว หนวกหู!”
เพื่อนแกลของโฮชิมิยะที่ยืนอยู่ที่ทางเข้าของห้องเรียน กำลังยิ้มอย่างซุกซนเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่
“คุโนมิเน่- ฝากอายานะของเค้าด้วยน้าา”
“เดี๋ยวสิคานะ! เค้าไปเป็นของคานะตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ!? อีกอย่างคุโรมิเนะคุงกับเค้าน่ะ―”
“เอาล่ะเข้าใจแล้ว โฮชิมิยะน่ะเชื่อมือฉันได้เลย”
“เดี๋ยว คุโรมิเนะคุงก็ด้วย!?”
แล้วโฮชิมิยะที่อยู่คั่นกลางระหว่างพวกเราก็สับสน
ทำไมกันนะ….พอมองโฮชิมิยะแล้วก็รู้สึกสบายใจ
ความมัวมองที่มีอยู่เต็มอกจนถึงเมื่อกี้ก็ถูกชะออกไปก่อนจะรู้ตัว
◇
“….ริคุจังกับอายานะจัง วันนี้เองก็กลับด้วยกัน…”
ฉันที่ซ่อนในเงาของอาคารจับตามองไปที่สองคนที่ออกมาจากทางเข้า
กลั้นหายใจและจ้องไปที่แผ่นหลังของทั้งสองที่กำลังผ่านประตูโรงเรียน
สองสามวันมานี้ ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอด แล้วเหมือนจะสนิมกันขึ้นทุกวันๆและความกระวนกระวายที่อธิบายไม่ได้ก็กำลังกวนใจของฉันอยู่ นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ตอนกลางคืนหลับไม่ลงและวันที่นอนไม่หลับก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ
เพื่อจะให้รู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลยอยู่ห่างจากริคุจังแล้วก็ดูสถานการณ์แต่ว่า………มันถึงขีดจำกัดแล้ว
“เอาละ ไปกันเลย”
เพื่อให้แน่ใจกับทุกๆอย่างฉันเลยแอบตามทั้งคู่ไป
ーーーーーーーー
-รูปประกอบของเพื่อนโฮชิมิยะในตอนนี้
======จบตอน======
เพื่อนสมัยเด็กเป็นบ้าไปแล้ว
ーーーーーーーーーーーー
ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook