ระหว่างทางกลับก็แวะร้านสะดวกซื้อกับโฮชิมิยะ พอซื้อของเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็เดินไปรอบๆร้านเพื่อหาโฮชิมิยะ
“โอ๊ะ อยู่นี่เอง”
กำลังอ่านนิตยสารที่มุมหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ ไม่มีคนอยู่รอบๆ มีแค่โฮชิมิยะอยู่คนเดียว
ผมเข้าไปใกล้แล้วก็คุย
“อ่านอะไรอยู่เหรอ?”
“หืม? นิตยสารแฟชั่นน่ะ แค่ดูก็สนุกแล้วล่ะน้า~”
เสาอากาศแกลของโฮชิมิยะเหมือนจะกางแล้วเรียบร้อย จำได้ว่าชุดที่เคยเห็นก่อนหน้านี้เองก็ค่อนข้างน่ารัก
“นี่คุโรมิเนะคุง มีชุดที่อยากจะให้เค้าใส่รึเปล่า?”
“อืม~ ชุดเมด…แหละมั้ง?”
“คอสเพลย์ไม่ใช่รึไง ที่เค้าพูดมันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”
“ไม่ๆ เมดน่ะเป็นความปรารถนาชั่วนิรันดร์ของชายหนุ่มนะ”
“เป็นแบบนั้นเหรอ? จะเก็บไปคิดสักหน่อยก็ได้”
เอ๊ะ จะใส่เหรอ?
แค่จะล้อเล่นเท่านั้นเอง….
“จะใส่ชุดที่ฉันขอเหรอ?”
“อือ เท่าที่อยู่ในขอบเขตน่ะ วันหยุดครั้งหน้า— อ๊ะ ชุดนี้น่ารักมั้ย?”
โฮชิมิยะชี้ไปที่ชุดในนิตยสารแล้วถามความเห็น
ผมสับสนอยู่หน่อยๆกับระยะห่างที่เป็นธรรมชาติจนเกินไป
“….พวกเราอย่างกับคบกันอยู่เลยนะ”
“เอ๊ะ! จู่ๆก็พูดอะไรน่ะคุโรมิเนะคุง!?”
“ก็คิดว่ามันประมาณนั้นน่ะ”
ถูกฮารุโนะเข้าใจผิดด้วยแถมเพื่อนของโฮชิมิยะก็ออกความเห็นแบบล้อเล่นอีก
แล้วบทสนทนาก่อนหน้านี้ก็ด้วย อย่างกับบรรยากาศคู่รัก ….ถึงจะไม่รู้ว่าสังคมคู่รักเป็นความรู้สึกแบบใหนก็เถอะ ถูกฮารุโนะสลัดรักแล้วด้วย ทุกครั้งที่นึกขึ้นมาก็ทำให้หดหู่ มีแค่ฮารุโนะเท่านั้นที่ไม่อยากจะถูกปฏิเสธ
“โฮชิมิยะ?”
“……”
โฮชิมิยะมองลองไปในนิตยสารไม่พูดไม่จา
แต่ที่หูกลายเป็นสีแดง
หยุดทีเถอะ ถ้าตอบสนองขนาดนั้นกระทั้งผมก็เหมือนจะหน้าแดงเอา
ถึงจะป่านนี้แล้วก็เถอะ แต่โฮชิมิยะหน้าแดงง่ายจังเลยนะ
“ถ ถ้าแบบนั้น….มาคบกันจริงๆเลยมั้ย?”
โฮชิมิยะพูดโดยที่ไม่ได้มองมาที่ทางนี้
“แบบนั้นน่ะ…ไม่เอาหรอก”
“….. ฮ ฮ่ะๆ นั้นสิน้า~ เป็นไปไม่ได้สินะที่พวกเราจะคบกัน”
“เปล่า ไม่เกี่ยวกับคบหรือไม่คบ เพียงแค่ว่าติดกับการคบแบบง่ายๆแค่นั้นเอง”
“….เอ๊ะ?”
“ฉันอาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ แต่ถ้าจะคบล่ะก็…อยากจะทำ….หลังจากที่สารภาพรักน่ะ?”
นี่เราพูดอะไรด้วยท่าทางจริงจังละเนี่ย
ระหว่างที่พูดจู่ๆก็รู้สึกอายแล้วเสียงก็เบาลง
“ถ ถ้างั้น…จากมุมมองของคุโรมิเนะคุง….เค้าเป็นผู้หญิงที่อยากจะสารภาพรักด้วย…แล้วรึยัง?”
โฮชิมิยะที่เสียงสั่นด้วยความเขิน เงยหน้าออกจากนิตยสารแล้วช้อนตามองมาที่ผม ใบหน้าที่แดงก่ำนั้นดูเหมือนกำลังคาดหวังอะไรสักอย่างอยู่ นี่มัน….ต้องตอบแบบใหนถึงจะถูกละ?
ถ้าตอบ[อือ]แล้วพยักหน้า ก็เหมือนกับสารภาพรักเลยสิ
กลับกันแล้วถ้าปฏิเสธด้วยการตอบ[อื้อ]ก็เหมือนกับบอกว่าโฮชิมิยะไม่มีเสน่ห์
“ย ยังไงเหรอ? จำเป็นต้องคิดขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ทำแก้มพองและบ่นด้วยความไม่พอใจ
“นั่นสินะ…. ฉันน่ะ….”
หลังจากนั้นผู้หญิงที่ใส่สูทที่กำลังเดินไปด้วยใช้มือถือไปด้วยก็ชนกับโฮชิมิยะ
“อ—”
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ!”
ผมจับโฮชิมิยะที่เสียการทรงตัวและกำลังจะล้มลงมาไว้ที่อกอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษจริงๆนะคะ! เป็นอะไรรึเปล่าคะ!?”
“ไม่เป็นไรครับ โฮชิมิยะเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่รึเปล่า?”
“….อ อือ”
“ขอโทษจริงๆนะคะ! รีบไปหน่อย….”
“ทางนี้ไม่เป็นไรด้วย ช่างเถอะครับ”
นอกจากนี้ดูเหมือนจะไม่ได้ชนกันแรงอะไร
ที่โฮชิมิยะถูกชนคงเพราะลดความระวังลง
หลังจากที่ก้มหัวอยู่หลายครั้ง ผู้หญิงในชุดสูทก็รีบออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว
….ผู้ใหญ่เนี่ย ลำบากแย่เลยน้าา
“โฮชิมิยะ เป็นอะไรรึเปล่า?”
“……”
เพราะอะไรสักอย่างโฮชิมิยะเลยยังยืนพิงผมอยู่
ตอนนี้ผมเลยดูเหมือนกอดโฮชิมิยะอยู่
“…..คือว่า?”
กำลังจับเครื่องแบบของผมที่แถวๆหน้าอกและก้มหัวเพื่อซ่อนใบหน้าอยู่
เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
“….คือว่า ที่รับเอาไว้…ขอบคุณนะ”
ในที่สุดโฮชิมิยะก็ปล่อยแต่ก็ยังก้มหน้าทั้งๆแบบนั้น พูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ได้เวลาออกแล้วล่ะ”
“อ โอ้….”
โฮชิมิยะหยิบนิตยสารที่วางอยู่บนพื้นแล้วไปที่เครื่องคิดเงิน ….ซื้อให้เรียบร้อยสินะ ถึงอย่างนั้น ท่าทางก็ยังดูแปลกๆ การเคลื่อนไว้ดูเงอะงะ
อย่างที่คิด คงจะบาดเจ็บอยู่สักที่สินะ? หรือไม่ก็….คิดถึงเราอยู่?
“จะใช่ได้ยังไง”
ตัดความคิดอ่อนหัดออกไปด้วยคำพูดของตัวเอง สมมุติว่าต่อให้นึกถึงก็คงไม่ใช่ความรู้สึกรักใคร่ เพราะความต้องการของผมเลยทำให้เข้าใจผิดไปแบบนั้น …..ความต้องการ? นี่เราอยากจะให้โฮชิมิยะชอบงั้นเหรอ?
“คุโรมิเนะคุง? เป็นอะไรไปเหรอ?”
“เปล่า………”
พอมองหน้าของโฮชิมิยะที่ถามแบบใสซื่อ ก็คิดว่าน่ารักจังนะ….แล้วก็ใจมันก็สั่นระรัว ผมคิดว่าอยากจะอยู่เคียงข้างกับโฮชิมิยะเพื่อที่จะปกป้องคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้แต่ว่าจริงๆแล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้ พอมองย้อนไปสองสามวันมานี้ ทุกๆอย่างเริ่มต้นจากการที่ถูกโฮชิมิยะช่วย ตั้งแต่นั้นก็ได้รับรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความกังวลหลายต่อหลายครั้ง กระทั้งการใช้ชีวิตประจำก็ยังได้รับการสนับสนุน โฮชิมิยะนั้นอ่อนโยนกับผมโดยที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไรเลย
“……”
หลังจากที่รู้สึกตัวไปแล้วครั้งหนึ่งมันก็หยุดไม่ได้ ผมอาจจะชอบโฮชิมิยะแล้วก็ได้ ไม่ชอบก็แปลกแล้วล่ะ เพื่อที่จะตอบแทนเลยตั้งใจจะปกป้องโฮชิมิยะแต่ว่าจริงๆแล้วเป็นความคิดของตัวเราเองรึเปล่านะ
“คุโรมิเนะคุ-ง หน้าแดงแล้วแหนะ?”
“ม ไม่มีอะไร…..รีบกลับกันเถอะ”
“อือ…..?”
พอถูกเห็นหน้าก็เลยรู้สึกอายเลยชวนออกไปข้างนอก โฮชิมิยะเอียงคอด้วยท่าทางสงสัย คงจะรู้สึกว่าปฏิกิริยาของผมแปลกๆสินะ เพราะรู้สีกว่ารีแอ็คชั่นนั่นน่ารัก ตอนนี้เราอาจะอาการหนักสุดๆเลยก็ได้
◇
“กอดกันด้วย—!”
ฉันกำลังแอบมองอยู่ที่ด้านหลังเสาไฟ
จ้องมองทั้งสองคนที่อยู่ที่มุมหนังสือของร้านสะด้วกซื้อจากข้างนอก
“หงุดหงิด…..หงุดหงิดแบบสุดๆเลย…!”
รู้สึกหงุดหงิดจนพูดอะไรไม่ออก
แล้วยังถึงขั้นกัดฟันโดยที่ไม่รู้ตัว
“อ๊ะ….”
พอเห็นทั้งสองคนออกมาจากร้านสะดวกซื้อก็รีบซ่อนตัวที่หลังเสาไฟ
พอจ้องแผ่นหลังของทั้งสองที่เดินเป็นแถวที่ทางเท้า ก็ใจเย็นลงมานิดหน่อย
“…..อ้าว? ทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดขนาดนั้นกันละ”
ทั้งที่ริคุงจังแค่ไปสนิทกับผู้หญิงคนอื่นเองแท้ๆ
พอนึกย้อนไปตอนที่เจอทั้งสองคนในเมืองหน้าอกมันก็กระวนกระวายไม่หายเลย
ภาพที่ริคุจังกอดอายานะจังติดอยู่หัวอยู่ตลอด
และก็ยัง—กอดกันอีกแล้ว
…………
“อ๋า โธ่ หงุดหงิด!”
เพราะอะไรไม่รู้ถึงได้รู้สึกโกรธจนทนไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ทำใจให้เย็นไม่ได้ แล้วก็รู้สึกกังวลกับการกระทำของทั้งสองคนมากๆและพอรู้สึกตัวก็กำลังเลียนแบบอยู่
“ริคุงจัง…กำลังทำหน้าอ่อนโยนแบบสุดๆอยู่ ทั้งๆที่ใบหน้านั้นมีแค่ฉันที่เคยเห็นแท้ๆ…!”
เพื่อนสมัยเด็กคนสำคัญกำลังใช้เวลาเพื่อเติมเต็ม
นั่นเป็นเรื่องที่ดีน่าดีใจสุดๆ
ทั้งๆที่ควรจะเป็นแบบนั้นแท้ๆ ทำไมกันละ…?
ไม่อยากจะมอง—ริคุงจังในตอนนี้เลย
ไม่ชอบเลยที่ริคุจังสนุกกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน
แต่มันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่
“สองคนนั่น กำลังไปที่ใหนกันน่ะ ตรงนั้นเป็นสถานีสินะ?”
จะว่าไปแล้วอายานะจังมาโรงเรียนด้วยรถไฟรึเปล่านะ?
นี่หรือว่า—
“จะต้องทำให้แน่ใจ”
กำลังอยู่ด้วยกัน—นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น
ไม่อยากจะคิดถึงมันเลย แต่ก็ถามริคุงจังไปตรงๆไม่ได้
แต่ว่าอยากจะให้มันชัดเจนไปเลย
แล้วฉันก็สลัดความรู้สึกแย่ๆออกไปและไล่ตามทั้งสองคนอีกครั้ง
======จบตอน======
ทางข้างหน้ามีแต่ภาพบาดตานะเพื่อนสมัยเด็กจัง//คอมเม้นกันอย่ารุนแรงจนเกินไปนะครับ
ーーーーーーーーーーーー
ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook