“ทำไมถึงมีแค่ผมที่มีชีวิตอยู่ละ?”
นี่เป็นไม่กี่วันหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ
ในห้องนั่งเล่นที่ถูกเอาเครื่องใช้ทั้งหมดออกไป ริคุจังพึมพำเหมือนกับถามคำถามเรียบง่ายออกมา
―ทำไมถึงมีแค่ผมที่มีชีวิตอยู่กันละ?
คำๆนั้นรวมทุกๆอย่างของริคุจังในตอนนี้เอาๆไว้
ไม่มีการร้องตะโกน ไม่มีการคร่ำครวญ ไม่มีความเศร้าสร้อย
มีเพียงความเหม่อลอย ที่มองไปที่ความว่างเปล่า
บางทีคงจะลืมไปแล้วว่าฉันอยู่ข้างๆ
ริคุจังที่ใบหน้าหดหู่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่นที่ว่างเปล่า
“ริคุจัง ไปกันเถอะ? พวกคุณยายกำลังรออยู่นะ?”
“……”
“ริคุจัง…”
ไม่แม้จะหันหน้ามามองที่ทางนี้
….คงไม่มีแรงที่จะทำแบบนั้นสินะ
ฉันทำอะไรให้ริคุจังได้บ้างละ
ถึงนี่จะเป็นแค่ความคิดของตัวฉันเองก็เถอะแต่คิดว่าเพื่อนสมัยเด็กนั้นเป็นตัวตนที่ใกล้ชิดรองลงมาจากครอบครัว
โดยเฉพาะพวกเรา
มีโอกาสได้เจอกันเพราะบ้านอยู่ติดกัน
อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ
ไปที่บ้านของกันและกัน อาบน้ำด้วยกัน นอนจับมือบนเตียงเดียวกัน
พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน
ความสัมพันธ์นี้เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าญาติ เพื่อน หรือแม้แต่คนรักในอนาคตซะอีก
นั่นก็คือเพื่อนสมัยเด็ก
เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
มันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะอยู่ด้วยกันตลอด
เพราะงั้นถ้าเกิดว่าริคุจังเศร้า ฉันเองก็เศร้าเหมือนกัน
ไม่ว่าตอนใหนก็อยากจะอยู่เคียงข้างไปตลอด
“ริคุจัง”
“……”
“คนอย่างฉันพูดอะไรมากกับเรื่องที่ทดแทนคนในครอบครัวไม่ได้หรอก แต่ว่าพวกเราน่ะ เป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน…เพราะงั้นก็อยู่เคียงข้างกันแนบชิดกันได้เหมือนคนในครอบครัวนะ”
“ฮารุโนะ….?”
แม้แต่ตอนนี้เสียงของเขาก็เหมือนจะจางหายไป แต่ริคุจังก็ค่อยๆหันมามองที่ฉัน
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างริคุจังเอง เหมือนกับที่ผ่านๆมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะเป็นเพื่อนสมัยเด็กแล้วอยู่เคียงข้างให้เอง”
“……”
“เพราะว่าอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กเลยควรที่จะยอมรับทุกอย่างของกันและกัน”
ฉันจ้องไปในดวงตาที่ว่างเปล่าของริคุงจัง และสานคำพูดที่ออกมาจากใจ
“เพราะว่าเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกัน…เป็นความสัมพันธ์ที่อยู่ด้วยกันนานถัดลงมาจากครอบครัว…”
“……”
“ริคุจังน่ะไม่ต้องเกรงใจอะไรกับฉันหรอกนะ ตอนที่ทรมารจะร้องไห้ก็ได้ ตอนที่อยากจะอ้อนก็อ้อนได้นะ ฉันที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กจะยอมรับทุกๆอย่างของริคุจังเอง”
สำหรับฉันแล้วเพื่อนสมัยเด็กเป็นความสัมพัน์ที่บริสุทธิ์มากๆ และไม่ได้มีผลกระทบจากเพศ บุคลิก หรือ อายุ
ครอบครัวเองก็เป็นแบบนั้นใช่มั้ยละ?
ไม่ว่าพ่อกับแม่จะมีนิสัยแบบใหนแต่ว่าแก่นแท้ของความรู้สึกที่มีแต่ครอบครัวก็ไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะแบบนั้นฉันถึงอยากจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อนริคุจังที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก
ไม่ว่าริคุจังมีบุคลิกยังไง ไม่ว่าจะเป้นผู้ชายไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง มันก็ไม่สำคัญกับฉัน
เพื่อนสมัยเด็ก เพื่อนสมัยเด็ก….
อยากจะอยู่ข้างๆเพื่อนสมัยเด็กคนสำคัญ
แต่ว่า นั่นเป็นความเข้าใจผิด―
ความรู้สึกที่อยากจะอยู่เคียงข้างริคุจังมันไม่ใช่เพราะว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก―
มันเป็นความรู้สึกของ ฮารุคาเสะ ฮารุโนะ เป็นความรู้สึกของตัวฉันเอง
◇
ฉันแอบตามทั้งสองคนและขึ้นไปบนรถไฟ
หลังจากที่เดินเว้นระยะห่างจากทั้งสองคนที่ลงไปจากรถไฟในไม่กี่สถานี ก็มาถึงอพาร์ตเมนต์ไม้เก่าๆสองชั้น
“…เอ๊ะ?”
พอเห็นทั้งสองคนเข้าไปในห้องเดียวกัน ฉันก็เปร่งเสียงโง่ๆออกมา
ขยับเข้าไปใกล้เสาไฟไม่ได้เลยแม้แต่ก้าวเดียว ขามันขยับไม่ได้ราวกับว่ามันชา
ถึงจะมีคุณยายที่ผ่านมามองอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้สนใจถึงเรื่องนั้นเลย
“……”
พอผ่านไปสักพักก็ไปเช็คดูกล่องจดหมายของอพาร์ตเมนต์
—–อายานะจัง อาศัยอยู่คนเดียวสินะ?
อายานะจังที่เป็นที่สดุดตาภายในห้องเรียน ถึงจะไม่ได้ตั้งใจแต่ก็เคยได้ยินบทสนทนาของอายานะจังกับคานะจังอยู่ ว่าทั้งสองคนนั้นอาศัยอยู่คนเดียว แต่ว่าตรงจุดนั้นในตอนนี้มันไม่ได้สำคัญ
“ริคุจังกับอายานะจัง….กำลังคบกันอยู่”
เสียงพึมพำนั้นแผ่วเบาราวกับว่าเหม่ออยู่
แต่ว่า….บางทีอาจจะแค่แวะมาพักก็ได้
เชื่อกับความเป็นไปได้ที่เป็นไปไม่ได้โดยที่รอให้ริคุจังออกมาจนอาทิตย์ลับขอบฟ้า
กว่าจะทันรู้ตัวรอบๆก็เต็มไปด้วยความมืดแล้ว
มันก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะเวลาตอนนี้คือสามทุ่มครึ่ง
ฉันอดทนยืนอยู่ที่ใต้ไฟถนนที่ดับอยู่เพื่อรอให้ประตูห้องของอายานะจังเปิดออก แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเปิดเลยสักนิด
บนมือถือมีการติดต่อจากแม่ที่กังวลว่าเมื่อไหร่จะกลับ แต่เพราะไม่มีเวลาเลยไม่ได้ตอบกลับ และจ้องไปที่อพาร์ตเมนต์ด้วยความประหลาดใจ
“นี่ ริคุจัง…ค้างที่บ้านของอายานะจังเหรอ?”
ถามริคุจังไปที่ควรจะอยู่ในห้องของอายานะจัง
“ทั้งที่เวลาป่านนี้แล้วแท้ๆ สองต่อสอง….? ตอนนี้ทั้งสองคนทำอะไรอยู่เหรอ?”
—ทั้งที่เพิ่งจะบอกชอบฉันไปเองแท้ๆ
วินาทีต่อมาตามันก็พร่า
อะไรสักอย่างอุ่นๆมันไหลกองอยู่ที่ตาและอาบลงมาที่แก้ม
น้ำตามัน ไหลอยู่—
“เอ๊ะ ทำไม….น้ำตามัน?”
เช็ดน้ำตาออกไปด้วยมือ
แต่ต่อให้เช็ดออกไปเท่าไหร่มันก็ยังไม่หยุดไหล
“…..ฮึก!”
ตัวตนที่คอยอยู่เคียงข้างได้จางหายไป
ความรู้สึกของการสูญเสีย
ช่องว่างๆที่อก
ตัวตนที่คอยอยู่เคียงข้างอยู่ตลอด ตัวตนที่คอยยอมรับฉันไม่ว่าจะเป็นยังไง
ตัวตนนั้นได้ไปอยู่กับอยู่หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันแล้ว—
“ฮ ฮือ…..ไม่นะ…..ไม่ได้นะ!”
ทั้งที่คิดว่าถ้าเกิดริคุจังมีคนรักจะสามารถยินดีด้วยได้แท้ๆ
ไม่สิ—ผิดแล้ว
ที่ใหนสักที่ในใจมันคิดไปว่าริคุจังจะไม่มีคนรัก
ก็เพราะริคุจังยึดติดอยู่กับฉัน
มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะอยู่เคียงข้างฉัน
ไม่เคยคุยกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากฉัน
เพราะว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กก็เลยคิดว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอด…..
เพราะคิดเองเออเองเอาไปแบบนั้น ก็เลยไม่ได้คิดอะไรเลย
เพราะว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กเลยอยู่ด้วยกัน—-มันไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย
ฉันน่ะ ตัวฉันน่ะอยากจะอยู่ด้วยกันกับริคุจัง
ครั้งแรกที่เห็นเขาสนิทกับเพศตรงข้าม ในที่สุดก็รู้สึกตัว
ว่าฉันอยากจะเป็นตัวตนที่พิเศษของเขา
“ฉัน….ชอบริคุงจัง…”
เคยคิดไปว่ามันเป็นธรรมดาที่คนที่สำคัญจะคอยอยู่เคียงข้าง
เข้าใจอะไรผิดไปกันละ
ไม่ได้เกี่ยวกับเพื่อนสมัยเด็กสักหน่อย
เพราะมีริคุจังอยู่เคียงข้างเลยรู้สึกสบายใจ
ในที่สุดก็รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงในตอนที่คนที่สำคัญจากไปแล้ว….
มันก็แน่นอนอยู่แล้วที่จะรู้สึกหงุดหงิดตอนที่เห็นทั้งสองคน
เพราะว่าคนที่ชอบไปสนิทกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองไงละ….!
“สายไปแล้ว….ไม่ใช่รึไง…. ต่อให้มารู้สึกตัวเอาป่านนี้….มันก็สายเกินไปแล้วไม่ใช่รึไงกัน…..!”
ดำดิ่งไปกับความรู้สึกเสียใจ
ทว่าความรู้สึกนั้นไม่นานก็เปลี่ยนไปกลายเป็นโกรธ
“ริคุงจังเองก็….ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ? พอบอกชอบฉันเสร็จ….ก็เริ่มคบกับอายานะจังเลยงั้นเหรอ? ว ไวเกินไปแล้วนะ…. ร รออีกสักหน่อย…..ก็ได้ไม่ใช่รึไง…! ถ้าเป็นแบบนั้น…ฉันก็จะรู้สึกตัวแล้วแท้ๆ…!”
พอแผดเสียงออกมาด้วยความเสียใจและความโกรธ ก็นึกถึงบทสนทนาเมื่อเช้านี้ได้ ริคุจังที่ถูกฉันตะโกนใส่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ นั่นก็หมายความว่า….?
“…ตอนนี้เองก็ยังชอบฉัน….อยู่งั้นเหรอ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองไปที่ห้องของอายานะจัง
“….ยังทันอยู่….?”
======จบตอน======
เอาจริงๆฮารุโนะนี่น่าสงสารอยู่นะ
ーーーーーーーーーーーー
ติดตามผลงานอื่นๆกับสนับสนุนผู้แปลได้ที่
ดอกไม้ไฟ | Facebook