ชื่อเรื่อง:Konbini gōtō kara tasuketa jimi ten’in ga, onaji kurasu no ubude kawaii gyarudatta
ตอนที่ 5
ปิโระโระโระโระโระ!!
เสียงเตือนจากสมาร์ทโฟรที่ดังอยู่แถวๆหูทำให้ถูกบังคับฟื้นสติขึ้นมา
ผมหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมายกเลิกการเตือนอย่างช้าๆพร้อมกับตรวจดูเวลา
“ตี4เหรอ”
จากนี้จะต้องปั่นจักรยานอีก3ชั่วโมงเลยจะต้องตื่นแต่เช้า
ถอดเสื้อที่ยืมจากมาจากโฮชิมิยะแล้วเปลี่ยนเป็นชุดที่ใส่จนถึงเมื่อคืน
คิดว่าถ้าไปเงียบๆแล้วกับการ*ป้องการอาชญากรรมคงไม่ดีเท่าไหร่เลยเข้าไปหาโฮชิมิยะที่นอนหลับอย่างสบายอยู่
ที่ได้เห็นหน้าตอนนอนของหญิงสาวนั้นไม่ได้มีความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นมาเลยสักนิด
*ตรงนี้พระเอกจะบอกประมาณว่าถ้าไปเงียบๆแล้วไปได้ล็อคประตูคงไม่ดี
“…..คุณแม่…..คุณพ่อ…..”
น่าแปลกที่โฮชิมิยะเรียกหาพ่อแม่ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาในขณะที่มีน้ำตาไหลจากขอบตา
คงจะชอบพ่อแม่จริงๆนั่นแหละนะ
เพียงแค่จินตนาการว่าหายไปก็ร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่นแล้ว
“โฮชิมิยะ”
“….อือ?”
เรียกชื่อและเขย่าไหล่เบาๆ พอเปิดเปลือกตาแล้วโฮชิมิยะก็มองมาที่ผมด้วยสายตางัวเงีย
“คุโรมิเนะ…คุง? ความฝัน?”
“ไม่ใช่ฝัน เมื่อวานให้ฉันค้างใช่มั้ยละ?”
“งือ….นั้นสินะ ตอนนี้กี่โมงแล้วเหยอ?”
“ตี4น่ะ ขอโทษที่ปลุกแต่เช้านะ ก่อนจะไปต้องเรียกเอาไว้น่ะ เพราะต้องล็อคประตูด้วย”
“หาว…..อารุณสาหวัด~”
“ถึงบทสนทนาจะช้าไปจังหวะหนึ่งก็เถอะ? แต่ก็อรุณสวัสดิ์”
โฮชิมิยะที่ถูกปลุกให้ตื่นให้ความรู้สึกแบบนี้งั้นเหรอ
ให้ความประทับใจแบบน่ารักไร้เดียงสาชะมัด
◯
รอสักพักหนึ่งจนสติของโฮชิมิยะกลับมาเป็นปกติแล้วให้ไปส่งที่ประตูทางเข้า
ผมขึ้นไปขี่จักรยานแล้วเริ่มปั่นตั้งแต่เช้ามืด
“เหนื่อย เหนื่อยชิบหาย”
รับลมเย็นๆยามเช้าเหงื่อไคลไหลย้อยไปทั้งสารร่างในที่สุดก็ถึงบ้าน
เป็นอาคารที่คล้ายกับอพาร์ตเมนต์ที่โฮชิมิยะอยู่
ผมอาบน้ำที่บ้านแบบเบาๆ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปโรงเรียน
แล้วก็อยู่ทั้งอย่างนั้นจนถึงเวลาไปโรงเรียน
“ไม่อยากไปโรงเรียนนน”
ชั้นเรียนเดียวกับโฮชิมิยะ
อันนี้ไม่เป็นอะไร
แต่ว่า เพื่อนสมัยเด็กเองก็อยู่ชั้นเดียวกัน อันนี้อึดอัดโคตร
แล้วก็—–
เสียงปิ๊งป่องที่ดังก้องกงังวาลอยู่ภายในห้องเป็นท่วงทำนองแห่งนรกเหรอ
…เป็นเสียงกดออดธรรมดาๆแท้ๆ
ปัญหาคือใครเป็นคนกดต่างหาก
นั่นก็คือ—-เพื่อนสมัยเด็กไงละ
รับรู้ได้ด้วยสันชาตญาน
ไม่อยากออกไป
ถึงจะว่าแบบนั้น จะไม่ออกไปก็ไม่ได้
ถือกระเป๋าที่มือและพยายามขยับขาโง่ๆให้ยึดกับพื้นแล้วไปที่ประตูทางเข้า
“…..”
กลืนน้ำลายไปหนึ่งเฮีอกแล้วก็เปิดประตู
“อรุณสวัสดิ์ริคุจัง! วันนี้เองก็อากาศดีจังเลยเน๊าะ!”
“…..”
ที่ได้คือคำทักทายที่มีชีวิตชีวาและไม่ทุกข์ร้อนอะไรแบบจริงๆ
[ฮารุคาเสะ ฮารุโนะ]
เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ
คร่าวๆก็ทรงผมจะยาวกว่าทรงผมสั้นมานิดหน่อยมั้งนะ?
เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสซะจนไม่รู้ถึงเจตนาร้ายเลยพอดูแล้วคงจะทำให้ทุกๆคนล้วนมีความสุข
อันที่จริง ผมเองก็มีความสุขเพียงแค่มีฮารุโนะอยู่ข้างๆเท่านั้น
แต่ตอนนี้….ทรมาร…ทรมารมาก
“นี่ริคุจัง เมื่อวานนี้ไปใหนมาเหรอ? ติดต่อไม่ได้ด้วย แถมยังไม่ได้อยู่บ้านอีก”
“เมื่อวานไปทำธุระในที่ไกลๆแล้วลืมมือถือไว้ที่บ้านน่ะ”
“ธุระ? ธุระอะไรเหรอ?”
“ความลับ”
เพราะโดนฮารุโนะสลัดรักเลยไปฆ่าตัวตายที่ภูเขาไงละค้าบบ!
แต่ก็พูดไม่ได้
ตอนนี้พอนึกๆดูผมนี่มันบ้าจริงๆ
“มีความลับกับเพื่อนสมัยเด็กไม่ดีเลยนะ!”
“ต่อให้พูดแบบนั้นก็เถอะ จะว่าไป เมื่อวานที่ฉันสารภาพรักไป…จำได้มั้ย?”
“จำได้สิ อ๊ะ แต่ว่า ถึงจะปฏิเสธไปแล้วก็เถอะ แต่จากนี้อยากสนิทกันแบบเพื่อนสมัยเด็กน่ะ! จากนี้ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยน้า!”
…ทำกันโหดร้ายไปรึเปล่า?
ถ้าเป็นนิยายบนเว็บจะบอกว่า[มีการบรรยายที่โหดร้าย]แล้วก็จำกัดเลเวล18เลยนะเฟ้ย
แถมฮารุโนะยังพูดมาแบบไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยไม่ใช่รึไง
อยากจะใช้เวลาสนุกกับผมด้วยความรู้สึกที่บริสุทธิ์
…ยิ่งไม่มีเจตนาร้ายก็ยิ่งแย่กว่าเดิม
“ไม่ได้เหรอ?”
“ว่าตามตรงคือทรมารแบบสุดๆเลยล่ะ”
“แต่ว่านะ ถ้าเกิดว่าอยากคบกับฉัน ก็คืออยากจะอยู่ด้วยกันใช่มั้ยละ? ถึงจะไม่ได้คบกันแต่ฉันกับริคุจังก็อยู่ด้วยกันตลอดอยู่แล้วนี่นา? คิดว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไรนี่..?”
ฮารุโนะเอียงคอแบบแปลกๆดูเหมือนจะคิดแบบนั้นจริงๆ
ยังไงดีละรู้สึกเหมือนคุยกับอีกฝ่ายที่เป็นเด็กอนุบาลอยู่เลย
เธอมีความรู้สึกรักใคร่อยู่บ้างรึเปล่านะ?
เมื่อก่อนเคยคิดว่าชอบพฤติกรรมบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของฮารุโนะแต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนเป็นไซโครพาสที่สดใสก็ไม่ปาน
แต่ว่าน่าเสียใจที่พออยู่ต่อหน้าฮารุโนะหัวใจของผมมันก็ยังร่ำร้อง
“นี่ฮารุโนะ จากนี้พวกเราน่ะ–”
“เอ้า! รีบไปโรงเรียนกัน! จะสายเอานะ!”
เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนกับว่าความสัมพันธ์ในตอนนี้เป็นเหมือนปกติ
ฮารุโนะจับมือผมแล้วชวนไปโรงเรียน
คิดเอาไว้…ว่าจะเกลียดฮารุโนะ
ถึงสุดท้ายจะถูกปฏิเสธก็ยังชอบเพื่อนสมัยเด็กคนนี้
◯
ห้องเรียนตอนเช้าที่แสนวุ่นวาย มีเวลาว่างจนกว่าจะเริ่มโฮมรูม
ผมนั่งอยู่ข้างหลังคนเดียวที่แถวหน้าต่าง
ที่นั่งของฮารุโนะอยู่ที่ข้างๆทางเดิน ตอนนี้กำลังคุยกับเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าด้วยท่าทางน่าสนุก
“เฮ้อ…”
ไอ้ความรู้สึกแบบนี้ไม่ชอบเลยแฮะ ถ้าสังเกตุล่ะก็ผมกำลังมองฮารุโนะอยู่
ตระหนักว่าถูกสลัดรักแล้วก็เศร้า
….อะไรน่ะไอ้นี่? นรกขุมใหนวะเนี้ย?
อยากจะเอามันออกแต่ว่าชักจะโกรธเพื่อนร่วมชั้นที่คุยกันอย่างสนุกสนานแล้วสิ จะตบมันเรียงตัวเลย
ถ้าทำจริงผมคงโดนรุมทึ้งอยู่แล้วแหง
พอผมกำลังมองไปรอบๆห้องเรียนแบบผ่านๆด้วยความรู้สึกแบบนั้นผู้หญิงสองคนที่เด่นสดุดตาก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา
เป็นที่นั่งตรงกลางห้องเยื่องมาหลังห้องนิดหน่อย
แน่นอนว่ากำลังเปร่งประกายว่า[ฉันน่ารักใช่มั้ยละ☆ ]อยู่
และในนั้นก็ยังมีโฮชิมิยะ อายานะอยู่ด้วย
ต่างจากบรรยากาศอึมครึมเมื่อคืนนี้แล้วกำลังเจิดจ้าจากการแต่งตัวด้วย
ผมสีน้ำตาลโพนี่เทลผูกโบเองก็น่ารักด้วย เครื่องแบบก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่ไร้รสนิยมแถมให้ความรู้สึกว่าทันสมัยด้วย
การแต่งหน้าเบาๆกับใบหน้าที่เป็นระเบียบเรียบ้อยเองก็เข้ากัน
เหนือสิ่งอื่นใดเลยก็ความต่างของออร่าแหละนะ
ดูเผินก็คงคิดได้ว่าเป็นชนชั้นสูง
อันที่จริง ผู้ชายบางคนในชั้นเรียนกำลังเหลือบมองกับนึกถึงโฮชิมิยะอยู่
“…..”
ผมพักที่บ้านของเด็กคนนั้นมาสิน้า แถมยังสองต่อสองอีก
บางทีผู้ชายที่ได้เห็นหน้าตอนร้องไห้หรือตอนนอนคงมีแค่ผมละมั้ง
“อ๊ะ—”
อยู่ก็สบตากับโฮชิมิยะซะได้
ความคิดหยุดอยู่ที่เหตุการณ์ที่เหมือนกับการจู่โจมแบบกระทันหัน
ทว่าโฮชิมิยะก็ขยิบตาและเผยรอยยิมมา อย่านะจะทำให้ตกหลุมรักรึไง
“หืม มีอะไรเหรออายานะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร เมื่อกี้ว่าไงเหรอ?”
เริ่มบทสนทนากับเพื่อนแล้วก็ละสายตาจากผมไป
….แย่แฮะ ถ้าเกิดว่าผมไม่มีคนที่ชอบอยู่ล่ะก็คงจะพ่ายแพ้ไปแล้วละมั้ง
เข้าใจเลยว่าทำไมโฮชิมิยะถึงเป็นที่นิยม
“ริคุจาง ทำอะไรอยู่เหรอ?”
“หวา ฮารุโนะเหรอ”
ฮารุโนะที่ควรจะคุยกับเพื่อนอยู่แต่กลับมาอยู่ข้างๆ
“เมื่อกี้เห็นนะ สนิทกับอายานะจังเหรอ?”
“ไม่…เปล่านิ”
ผมหลบหน้าฮารุโนะ
ถึงจะดีใจที่ได้เจอหน้าเพื่อนสมัยเด็กแต่ก็ทรมาร
“ไม่ต้องกังวลหรอกน้า ริคุจังคงไม่คุยกับผู้หญิงคนอื่นนอกจะฉันหรอกเน๊าะ? แล้วไปสนิทกับอายานะจังได้ยังไงงั้นเหรอ?”
ฮารุโนะจ้องเขม็งนิดหน่อย
เอ๊ะ อ้าว? นี่หรือว่า…กำลังหึงอยู่เหรอ?
เพราะคิดว่าผมกับโฮชิมิยะสนิทกันเลยเลยอิจฉา—อะไรแบบนั้นเหรอ?
น่าเสียดายไม่ได้ผลหรอก
หลังจากที่ผมถูกสลัดรัก
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปมีความสุขกับความความเข้าใจผิดหรอก
“ไม่เกี่ยวอะไรกับฮารุโนะนิ”
“…..โกรธเหรอ?”
“เปล่า”
“โกรธงั้นสินะ? อย่างที่คิดเป็นเพราะฉันหักอกริคุจังสินะ?”
“…โทษทีนะ ไม่คุยกันสักพักจะได้รึเปล่า?”
“ย อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ! พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันไม่ใช่รึไง!”
เพราะว่าเป็นเพื่อนสมัยแด็เลยทรมารนั่นแหละน้า
แย่แล้วสิ ถ้าเกิดทำให้เครียดเพิ่มเดี๋ยวก็ได้เครียดแบบแปลกๆอีก
ก่อนที่ฮารุโนะจะได้ทันพูดอะไรเสียงกริ่งก็ดังขึ้นแล้วครูประจำชั้นก็มาถึงห้องเรียน
“เอ้าฮารุโนะ อาจารย์มาแล้วนะ”
“นี่ริคุจัง บอกไว้แค่นี้นะว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปฏิเสธริคุจังหรอกนะ”
“เข้าใจแล้ว”
ที่ต่างกันก็คือความเหินห่างของอุดมคติของกันและกัน
ความแตกต่างต่างของการรับรู้ถึงสิ่งที่อย่างจะให้เป็น
เช่นฮารุโนะเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ดี
ส่วนผมเป็นคนรัก
ในทางกายภาพแล้วอาจจะไม่ต่างกันก็จริง แต่ระยะห่างภายในใจนั้นเป็นมีร่องลึกขนาดใหญ่อยู่
◯
ในช่วงพักคาบกับพักกลางวันฮารุโนะมาคุยด้วยเหมือนกับร้อนใจ
คงกลัวที่จะมีรอยร้าวในความสัมพันธ์เพื่อนสมัยเด็กล่ะมั้ง
เพราะหลงไหลในผู้ชายเท่ๆ ผมเลยพยายามคุยอย่างอ่อนโยน และก็ทำให้ฮารุโนะสบายใจได้สำเร็จ
ถึงจะทรมารแต่ก็มั่นใจว่าตัวเองจะทำตัวให้เหมือนปกติได้
แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยังชอบฮารุโนะ
เพราะอย่างนั้นนั่นแหละ ถึงได้ไม่อยากให้ฮารุโนะเป็นกังวล
….ผมเนี่ย บ้าจังเลยน้า
“ริคุจัง! กลับด้วยกันเถอะ!”
หลังเลิกเรียนฮารุโนะชวนด้วยเสียงเบา
เหมือนอย่างเคย
ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นไม่ว่าใครคงจะคิดว่า[เอ๊ะ สนใจฉันอยู่แน่ๆเลย]ล่ะมั้ง?
“อ่า โทษที โดนอาจารย์เรียกนิดหน่อยน่ะ”
“ถ้างั้น…จะรอ!”
“ไม่รู้ว่าจะนานแค่ใหนด้วยสิ กลับไปก่อนเลย”
“…เข้าใจแล้ว ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”
ในขณะที่กำลังดูเสียดายฮารุโนะก็ออกจากห้องเรียนไป
…..น่ารักจังเลยน้า
โอ๊ะ ไม่ดีเลยแฮะ เผลอตกหลุมรักไปซะได้
“เอาะเถอะ ถึงจะไม่ได้โดนอาจารย์เรียกอะไรก็เถอะนะ”
ที่โกหกก็เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับบ้านด้วยกันกับฮารุโนะ
การที่ได้อยู่กับคนที่ชอบมันมีความสุขก็จริงแต่ว่า การที่ถูกหักอกมันเจ็บยิ่งกว่า
ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วรอให้เวลาไหลไป
“คุโระมิเนะคุง จะอยู่จนถึงเมื่อไหร่เหรอ”
ตอนที่คนในห้องเรียนน้อยลงหัวหน้าห้องผมเปียก็เข้ามาถาม
“อีกแปปหนึ่งมั้งนะ”
“เหรอ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ แต่ช่วยปิดประตูให้ทีได้มั้ย?”
“เข้าใจแล้ว”
หัวหน้าห้องเอากุญแจให้ผมแล้วถือกระเป๋าออกจากห้องไป
จากนั้นก็นั่งบนเก้าอี้ต่อและได้ยินเสียงของชมรมเบสบอลมาจากที่พื้น
พอเห็นท้องฟ้าเป็นสีส้มผมก็ลุกขึ้น
“กลับดีกว่า”
พอปิดห้องเรียนและคืนกุญแจที่ห้องพักครูแล้วก็ก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ชั้นวางรองเท้า
“โธ่ คุโรมิเนะคุงช้าอะ”
“เอ๊ะ?”
ทำไมโฮชิมิยะถึงได้อยู่ที่ชั้นวางรองเท้าละ
แถมท่าทางจะโกรธด้วย
“จะถึงป่านนี้ทำอะไรอยู่เหรอ? รออยู่ตลอดเลยแท้ๆ”
“เหม่อน่ะ”
“เอ๊ะ อะไรละนั่น อย่างที่คิดคุโรมิเนะคุงเปลี่ยนไปจริงๆด้วยสินะ”
“โฮชิมิยะต่างหากละกำลังทำอะไร”
“รอคุโรมิเนะคุงไง”
“ทำไมละ?”
พอผมถามไปแก้มของโฮชิมิยะก็เป็นสีแดงนิดหน่อยและนิ้วก็อยู่ไม่สุข
ฮ เฮ้ยๆ นี่หรือว่า…?
ไอ้บรรยากาศสีชมพูหวานอมเปรี้ยวนี่เป็นไปได้ด้วยงั้นเหรอ?
เมื่อคืนก็เรื่องหนึ่ง เริ่มรักครั้งใหม่มัน—
“คือว่านะ ตั้งแต่วันนี้…มาค้างที่บ้านเค้ามั้ย?”
“——-อ”
อ้าว?
ในเวลาแบบนี้ ไม่ใช่ทรยศต่อความคาดหวังแต่เป็นการพัฒนาที่น่าเสียดายเลยไม่ใช่เหรอ?
======จบตอน======
คำมันเยอะขึ้นทุกตอนเลยแฮะ