ตอนที่ 87 มุกหลิววั่งขาดการติดต่อ
หลังจากเห็นคนที่มาถึงอย่างชัดเจน หลานเฟิงก็ไม่ได้ดึงกระบี่ออก
“เจ้าไม่อยู่ที่ค่ายออกมาที่นี่ทำไม?”
ใบหน้าของหลานเฟิงปรากฏความดุดันออกมา
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพเก็บกระบี่ไปก่อนได้หรือไม่ ปักเอาไว้เช่นนี้หากว่าข้าไม่ทันระวัง เลือดที่กระเซ็นออกไปจะทำให้กระบี่ของท่านสกปรกนะขอรับ ท่านว่าใช่หรือไม่”
หลานเฟิงเก็บกระบี่กลับไป แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าดีให้เขาได้เห็น
ยังคงมองเขาอย่างเย็นชา
ความรู้สึกที่ส่งมาจากหลานเยี่ยเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เหมือนกับสลบไปแล้ว
“พวกเราพี่น้องล้วนชื่นชมฝีมือและพลังของท่านหัวหน้าแม่ทัพ อยากขอความรู้จากท่านบ้าง ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้าแม่ทัพจะให้เกียรติกันได้หรือไม่”
เขาจะต้องไปเขาเทียนปี้หาหลานเยี่ยในทันที ไม่อาจล่าช้าได้ ไม่อาจดึงเวลาต่อไปได้อีก
“เจ้ามากับข้า” พอหลานเฟิงพูดทิ้งไปประโยคหนึ่งก็ขึ้นหลังม้าเดินทางหลับไปยังเส้นทางเดิม เจียงหลิงตามมา แต่เดิมทั้งสองคนยังรักษาระยะห่างเล็กๆ แต่ไม่นานหลานเฟิงก็ดึงระยะห่างระหว่างพวกเขาให้มากขึ้น ทิ้งเจียงหลิงเอาไว้ข้างหลังไกลๆ
รอจนเจียงหลิงกลับมาถึงหลานเฟิงก็ถือผ้าถักผืนหนึ่งและจดหมายสองสามฉบับรอเขาอยู่บริเวณหน้ากระโจม
“นี่คือค่ายกลและแผนการทั้งหมด ข้าจะกลับเขาเทียนปี หากมีศัตรูเข้ามาโจมตีก็ให้ทำตามที่ข้าเขียนไว้ อีกอย่างเพื่อชีวิตของพี่น้องใต้อำนาจเจ้า ทางที่ดีที่สุดอย่าได้เกิดความคิดเป็นอื่น”
หลังจากหลานเฟิงสั่งการส่งมอบทุกเรื่องเสร็จแล้วนั้นก็รีบเดินทางไปยังเขาเทียนปี้ ม้านั้นช้าเกินไป หลานเฟิงปล่อยม้าไปแล้วใช้กระแสพลังในการเดินทาง
ผ่านไปไม่นานหลานเฟิงก็เริ่มสัมผัสถึงหลานเยี่ยไม่ได้ ต่อให้เขาสงบใจพยายามจะจับสัมผัสก็ยังไม่อาจรู้สึกได้ เขาลนลานแล้ว นี่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นตอนนอนก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกบางๆ ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกไม่ได้เล่า?
หรือว่า…
เป็นไปไม่ได้ หลานเยี่ยยังไม่ตายเป็นแน่ ตอนแรกเพื่อช่วยหลานเยี่ยได้ทำการเปิดช่องระหว่างมุกหลิววั่งเชื่อมเข้าหากัน นับตั้งแต่นั้นทั้งสองคนร่วมเป็นร่วมตาย หากหลานเยี่ยตายแล้วตนเองก็ไม่อาจมีชีวิตต่อได้
แล้วเป็นเพราะอะไรกัน? ทำไมถึงรู้สึกไม่ได้? อีกทั้งก่อนหน้านี้หลานเยี่ยเพิ่งส่งขอความช่วยเหลือ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลานเฟิงอดคิดถึงคำพูดที่ชิวหลีพูดออกมาตอนฆ่าพ่อแม่ของเขาขึ้นมาไม่ได้
พูดว่าเป็นคนที่คุ้นเคยกับมุกหลิววั่งที่สุด? มุกหลิววั่งยังมีประโยชน์อะไรอีก? หรือว่ามันจะไม่ใช่เพียงของวิเศษชิ้นหนึ่งเท่านั้น หลิวและวั่งยังปิดบังอะไรเขาอีก หลังจากเปิดเขตด่านมุกหลิววั่งให้เชื่อมต่อกันแล้วนั้นทั้งสองคนร่วมเป็นร่วมตายจริงหรือ?
หลานเฟิงมั่นใจแค่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นนั่นคือหลานเยี่ยถูกคนจับตัวไป อีกทั้งเป็นคนของตระกูลเยี่ย
ชิวหลีตายไปแล้ว แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่ที่มีความสามารถควบคุมฉากใหญ่เช่นนี้ได้ ในหัวของหลานเฟิงคิดถึงคนที่เป็นไปได้ออกมาสำรวจครุ่นคิดดูรอบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ข้อสรุปอะไรออกมา จู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องในคืนนั้นขึ้นมา เป็นชิวอวี้อย่างนั้นหรือ ตอนแรกเจ้าจับหลานเยี่ยไปเพื่อข้าอย่างนั้นหรือ? แท้จริงแล้วเจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
หลานเฟิงเดินทางไม่ได้พักตลอดทาง ใช้กำลังทั้งหมดพุ่งไปยังทิศทางเขาเทียนปี้ พระอาทิตย์ตอนเที่ยงตรงร้อนแรงผิดปกติ ต่อให้เป็นต้นไม้ที่เจริญงอกงามตามทางเขาเทียนปี้ก็ไม่อาจบดบังแสดงแดดที่ร้อนแรงนี้ได้ หลานเฟิงเหงื่อออกไหลริน จับขลุ่ยไผ่ในมือเอาไว้แน่น
ในที่สุดก็มาถึงเขาเทียนปี้ เขาสามารถมองเห็นควันอันหนาแน่นที่ลอยมาจากเขาเทียนปี้ตั้งแต่ที่ไกลๆ เมื่อมามองดูจากบริเวณที่ใกล้ขึ้นก็เห็นพื้นที่ที่ถูกไฟเผาจนกลายเป็นสีดำมืด
ประตูใหญ่ยังมีคนเฝ้าประตู ทั้งข้างในและข้างนอกกำลังจัดการกับศพทหารอยู่ กวาดสายตามองออกไปสิ่งก่อสร้างทั้งสองแห่งที่ไม่ถูกทำลายท่ามกลางซากดำเหล่านี้กลายเป็นโดดเด่นขึ้นมา
หลานเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้เดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป แต่หมุนตัวไปยังอีกบริเวณหนึ่ง
ตอนที่ 88 เหตุไม่ทันคาดคิด
ไม่ได้ผิดจากที่คาดไว้ ทหารเฝ้ายามตรงปากทางลับเขาเทียนปี้ถูกฆ่าแล้ว บริเวณทางเข้าไม่มีรอยเท้าเละเทะ ไม่เหมือนกับพบเจอการต่อสู้อันรุนแรงมา ดูท่าทางฝีมือของคนที่จะมาเก่งกาจเป็นอย่างมาก อีกทั้งวิธีที่ใช้ก่อเหตุก็ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก
หลานเฟิงพอจะเดาได้แล้วว่าเป็นกลุ่มคนเช่นไร ไล่ตามอุโมงค์ลับนี้ไป จนถึงปลายทางกลับไร้ซึ่งร่องรอย ร่องรอยที่มีทั้งหมดถูกลบไปแล้ว
หลานเฟิงทำได้แค่เดินกลับไปยังเขาเทียนปี้ตามทางเดิม อวิ๋นหรูหวังว่าเจ้าจะรู้ข่าวคราวของเสี่ยวเยี่ย
เมื่อมาถึงเรือนหรงอี้ หลานเฟิงตามหาอวิ๋นหรูจนทั่วแต่ก็ไม่พบ เจอเพียงแม่ทัพอวิ๋นที่มาดูอาการหลานอีเท่านั้น เมื่อเห็นหลานเฟิงอยู่ที่นี่แม่ทัพอวิ๋นก็รู้สึกตกใจขึ้นมาจริงๆ
“ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้าแม่ทัพมาเขาเทียนปี้ด้วยเหตุอันใด? ทางด้านซีเชวียสงบแล้วหรือ? ใช่แล้วคุณหนูหลานอีของตระกูลท่านยังอยู่ที่นี่ ท่านจะพานางกลับไปอย่างนั้นหรือ?”
แม่ทัพอวิ๋นถามออกมาสองสามคำถามติดต่อกัน หลานเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่?
“อวิ๋นหรูเล่า?”
“หากเป็นท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางไปตระกูลหลาน คิดจะไปหาท่านประมุขหลานปรึกษาเรื่องการอพยพประชาชนขาวเขาเทียนปี้ไปอยู่ที่ตระกูลหลานเป็นการชั่วคราว”
“ไปหาท่านประมุขหลานที่ตระกูลหลาน? นางรู้ได้ว่าอย่างไรว่าท่านประมุขอยู่ที่ตระกูลหลาน?”
หลานเฟิงเหมือนจะมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
“ก่อนหน้านี้ท่านประมุขมาร่วมช่วยเหลือเขาเทียนปี้ แต่กลับโดนกับดักแปลกของศัตรู แม้จะหนีไปได้แต่ก็สลบไม่ได้สติ รอจนหาเขาพบเขาก็ยังอยู่ในสภาวะสลบไสล รอจนดื่มยาถอนพิษไปแล้วตื่นขึ้นมาเขียนจดหมายให้ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ฉบับหนึ่งแล้วจึงไปดูอาการคุณหนูหลานอี
แต่ตอนที่ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์จัดการธุระต่างๆ เสร็จแล้วไปหาเขานั้น เขาก็ไม่อยู่แล้ว ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์คิดว่าท่านประมุขหลานน่าจะกลับไปตระกูลหลานก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไปหาเขาที่ตระกูลหลานขอรับ”
หลานเฟิงกำหมัดแน่น
“ระยะเวลาหน้าหลังระหว่างท่านประมุขจากไปจนถึงอวิ๋นหรูมาหาเขาห่างกันนานเพียงใด?”
“ประมาณหนึ่งชั่วยามขอรับ”
หนึ่งชั่วยาม ดูจากข้อความที่เสี่ยวเยี่ยส่งมาขอความช่วยเหลือแล้ว น่าจะถูกจับตอนที่เพิ่งจากไป
“สมควรตายเสียจริง” ด่าเป็นคำหยาบออกมาประโยคหนึ่ง หลานเฟิงหมุนตัวเดินจากไป
“ท่านหัวหน้าแม่ทัพ?”
เมื่อเห็นว่าหลานเฟิงจากไป แม่ทัพอวิ๋นรู้สึกพิลึกยากจะเข้าใจ แท้จริงแล้วมาทำอะไรกันแน่?
หลานเฟิงออกจาเขาเทียนปี้ ในเสี้ยววินาทีนั้นไม่รู้ว่าจะไปที่ใด? หรือว่าเมื่อหาหลานเยี่ยพบแล้วจะต้องทำเช่นไร? จะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร?
คนที่อยู่เบื้องหลัง เจ้า อยู่ที่ตระกูลเยี่ยกระมัง
หลานเฟิงก้าวฝีเท้ายาวไปยังทิศทางตระกูลเยี่ย แต่กลับพบว่าทางเดินถูกขวางไว้ ชุดบ่าวนั่นช่างคุ้นตาเสียจริง
ตระกูลเยี่ยหลายพันปีมานี้รักษาประเพณีหนึ่งมาตลอด สั่งสอนฝึกฝนทหารพลีชีพกลุ่มหนึ่ง ทำภารกิจต่างๆ ที่ดำมืดสกปรก หลายพันปีมานี้วิธีการฝึกฝนเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ภารกิจที่ต้องทำก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกเช่นกัน แต่ชุดของทหารพลีชีพกลุ่มนี้ไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน
ชุดสีดำล้วนบริเวณคอเสื้อด้านซ้ายมีรูปพระจันทร์เสี้ยวสีเหลือง ด้านขวาเป็นตัวหนังสือคำว่าชิวสีม่วง บริเวณหน้าอกมีกริชแหลมคมอยู่เล่มหนึ่ง ใช้ด้ายสีเงินปักเอาไว้
และคนกลุ่มนั้นตลอดหลายพันปีมานี้มีเพียงชื่อเรียกเดียว นั่นคือจิ้งจอกราตรี
หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร มือที่วางอยู่บนกระบี่ขยับเล็กน้อย ดึงกระบี่ออกมาฟาดฟันต่อสู้กับจิ้งจอกราตรีกลุ่มนั้น
หลายคนล้อมรอบหลานเฟิงคนเดียว คนที่คิดจะจับเขาก็ช่างอุตสาหพยายามเสียจริง หลานเฟิงเชิดปลายกระบี่ขึ้น ลากระยะห่างระหว่างกลุ่มจิ้งจอกราตรีเหล่านั้น
“นายท่านเชิญท่านไปเป็นแขกที่ตระกูลเยี่ย ขอให้ท่านอย่างได้ปฏิเสธ”
จิ้งจอกราตรีคนหนึ่งเปิดปากพูด เย็นๆ ชาๆ ไม่มีความรู้สึกอะไร
“ทำไมข้าต้องไปกับพวกเจ้า?”
“อาศัยท่านประมุขหลานที่อยู่ในมือพวกข้า นายท่านได้สั่งมาแล้ว หากท่านไม่ไป เขาไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของท่านประมุขหลานได้”
ได้ยินจิ้งจอกราตรีพูดเช่นนี้สีหน้าของหลานเฟิงกลายเป็นไม่น่ามองในทันใด เหมือนกำลังดิ้นรน และเหมือนว่าสำนึกผิด หลังจากนั้นชั่วครู่มือก็ปล่อยลง กระบี่ตกลงบนพื้น
เสี่ยวเยี่ย ข้าขอโทษ