(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล – ตอนที่ 87-88

ตอนที่ 87 มุกหลิววั่งขาดการติดต่อ

 

 

หลังจากเห็นคนที่มาถึงอย่างชัดเจน หลานเฟิงก็ไม่ได้ดึงกระบี่ออก

 

 

“เจ้าไม่อยู่ที่ค่ายออกมาที่นี่ทำไม?”

 

 

ใบหน้าของหลานเฟิงปรากฏความดุดันออกมา

 

 

“ท่านหัวหน้าแม่ทัพเก็บกระบี่ไปก่อนได้หรือไม่ ปักเอาไว้เช่นนี้หากว่าข้าไม่ทันระวัง เลือดที่กระเซ็นออกไปจะทำให้กระบี่ของท่านสกปรกนะขอรับ ท่านว่าใช่หรือไม่”

 

 

หลานเฟิงเก็บกระบี่กลับไป แต่ไม่ได้แสดงสีหน้าดีให้เขาได้เห็น

 

 

ยังคงมองเขาอย่างเย็นชา

 

 

ความรู้สึกที่ส่งมาจากหลานเยี่ยเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เหมือนกับสลบไปแล้ว

 

 

“พวกเราพี่น้องล้วนชื่นชมฝีมือและพลังของท่านหัวหน้าแม่ทัพ อยากขอความรู้จากท่านบ้าง ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้าแม่ทัพจะให้เกียรติกันได้หรือไม่”

 

 

เขาจะต้องไปเขาเทียนปี้หาหลานเยี่ยในทันที ไม่อาจล่าช้าได้ ไม่อาจดึงเวลาต่อไปได้อีก

 

 

“เจ้ามากับข้า” พอหลานเฟิงพูดทิ้งไปประโยคหนึ่งก็ขึ้นหลังม้าเดินทางหลับไปยังเส้นทางเดิม เจียงหลิงตามมา แต่เดิมทั้งสองคนยังรักษาระยะห่างเล็กๆ แต่ไม่นานหลานเฟิงก็ดึงระยะห่างระหว่างพวกเขาให้มากขึ้น ทิ้งเจียงหลิงเอาไว้ข้างหลังไกลๆ

 

 

รอจนเจียงหลิงกลับมาถึงหลานเฟิงก็ถือผ้าถักผืนหนึ่งและจดหมายสองสามฉบับรอเขาอยู่บริเวณหน้ากระโจม

 

 

“นี่คือค่ายกลและแผนการทั้งหมด ข้าจะกลับเขาเทียนปี หากมีศัตรูเข้ามาโจมตีก็ให้ทำตามที่ข้าเขียนไว้ อีกอย่างเพื่อชีวิตของพี่น้องใต้อำนาจเจ้า ทางที่ดีที่สุดอย่าได้เกิดความคิดเป็นอื่น”

 

 

หลังจากหลานเฟิงสั่งการส่งมอบทุกเรื่องเสร็จแล้วนั้นก็รีบเดินทางไปยังเขาเทียนปี้ ม้านั้นช้าเกินไป หลานเฟิงปล่อยม้าไปแล้วใช้กระแสพลังในการเดินทาง

 

 

ผ่านไปไม่นานหลานเฟิงก็เริ่มสัมผัสถึงหลานเยี่ยไม่ได้ ต่อให้เขาสงบใจพยายามจะจับสัมผัสก็ยังไม่อาจรู้สึกได้ เขาลนลานแล้ว นี่เป็นไปไม่ได้ ต่อให้เป็นตอนนอนก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกบางๆ ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกไม่ได้เล่า?

 

 

หรือว่า…

 

 

เป็นไปไม่ได้ หลานเยี่ยยังไม่ตายเป็นแน่ ตอนแรกเพื่อช่วยหลานเยี่ยได้ทำการเปิดช่องระหว่างมุกหลิววั่งเชื่อมเข้าหากัน นับตั้งแต่นั้นทั้งสองคนร่วมเป็นร่วมตาย หากหลานเยี่ยตายแล้วตนเองก็ไม่อาจมีชีวิตต่อได้

 

 

แล้วเป็นเพราะอะไรกัน? ทำไมถึงรู้สึกไม่ได้? อีกทั้งก่อนหน้านี้หลานเยี่ยเพิ่งส่งขอความช่วยเหลือ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

 

 

หลานเฟิงอดคิดถึงคำพูดที่ชิวหลีพูดออกมาตอนฆ่าพ่อแม่ของเขาขึ้นมาไม่ได้

 

 

พูดว่าเป็นคนที่คุ้นเคยกับมุกหลิววั่งที่สุด? มุกหลิววั่งยังมีประโยชน์อะไรอีก? หรือว่ามันจะไม่ใช่เพียงของวิเศษชิ้นหนึ่งเท่านั้น หลิวและวั่งยังปิดบังอะไรเขาอีก หลังจากเปิดเขตด่านมุกหลิววั่งให้เชื่อมต่อกันแล้วนั้นทั้งสองคนร่วมเป็นร่วมตายจริงหรือ?

 

 

หลานเฟิงมั่นใจแค่เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นนั่นคือหลานเยี่ยถูกคนจับตัวไป อีกทั้งเป็นคนของตระกูลเยี่ย

 

 

ชิวหลีตายไปแล้ว แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่ที่มีความสามารถควบคุมฉากใหญ่เช่นนี้ได้ ในหัวของหลานเฟิงคิดถึงคนที่เป็นไปได้ออกมาสำรวจครุ่นคิดดูรอบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้ข้อสรุปอะไรออกมา จู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องในคืนนั้นขึ้นมา เป็นชิวอวี้อย่างนั้นหรือ ตอนแรกเจ้าจับหลานเยี่ยไปเพื่อข้าอย่างนั้นหรือ? แท้จริงแล้วเจ้ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่?

 

 

หลานเฟิงเดินทางไม่ได้พักตลอดทาง ใช้กำลังทั้งหมดพุ่งไปยังทิศทางเขาเทียนปี้ พระอาทิตย์ตอนเที่ยงตรงร้อนแรงผิดปกติ ต่อให้เป็นต้นไม้ที่เจริญงอกงามตามทางเขาเทียนปี้ก็ไม่อาจบดบังแสดงแดดที่ร้อนแรงนี้ได้ หลานเฟิงเหงื่อออกไหลริน จับขลุ่ยไผ่ในมือเอาไว้แน่น

 

 

ในที่สุดก็มาถึงเขาเทียนปี้ เขาสามารถมองเห็นควันอันหนาแน่นที่ลอยมาจากเขาเทียนปี้ตั้งแต่ที่ไกลๆ เมื่อมามองดูจากบริเวณที่ใกล้ขึ้นก็เห็นพื้นที่ที่ถูกไฟเผาจนกลายเป็นสีดำมืด

 

 

ประตูใหญ่ยังมีคนเฝ้าประตู ทั้งข้างในและข้างนอกกำลังจัดการกับศพทหารอยู่ กวาดสายตามองออกไปสิ่งก่อสร้างทั้งสองแห่งที่ไม่ถูกทำลายท่ามกลางซากดำเหล่านี้กลายเป็นโดดเด่นขึ้นมา

 

 

หลานเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้เดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป แต่หมุนตัวไปยังอีกบริเวณหนึ่ง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 88 เหตุไม่ทันคาดคิด

 

 

ไม่ได้ผิดจากที่คาดไว้ ทหารเฝ้ายามตรงปากทางลับเขาเทียนปี้ถูกฆ่าแล้ว บริเวณทางเข้าไม่มีรอยเท้าเละเทะ ไม่เหมือนกับพบเจอการต่อสู้อันรุนแรงมา ดูท่าทางฝีมือของคนที่จะมาเก่งกาจเป็นอย่างมาก อีกทั้งวิธีที่ใช้ก่อเหตุก็ชาญฉลาดเป็นอย่างมาก

 

 

หลานเฟิงพอจะเดาได้แล้วว่าเป็นกลุ่มคนเช่นไร ไล่ตามอุโมงค์ลับนี้ไป จนถึงปลายทางกลับไร้ซึ่งร่องรอย ร่องรอยที่มีทั้งหมดถูกลบไปแล้ว

 

 

หลานเฟิงทำได้แค่เดินกลับไปยังเขาเทียนปี้ตามทางเดิม อวิ๋นหรูหวังว่าเจ้าจะรู้ข่าวคราวของเสี่ยวเยี่ย

 

 

เมื่อมาถึงเรือนหรงอี้ หลานเฟิงตามหาอวิ๋นหรูจนทั่วแต่ก็ไม่พบ เจอเพียงแม่ทัพอวิ๋นที่มาดูอาการหลานอีเท่านั้น เมื่อเห็นหลานเฟิงอยู่ที่นี่แม่ทัพอวิ๋นก็รู้สึกตกใจขึ้นมาจริงๆ

 

 

“ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้าแม่ทัพมาเขาเทียนปี้ด้วยเหตุอันใด? ทางด้านซีเชวียสงบแล้วหรือ? ใช่แล้วคุณหนูหลานอีของตระกูลท่านยังอยู่ที่นี่ ท่านจะพานางกลับไปอย่างนั้นหรือ?”

 

 

แม่ทัพอวิ๋นถามออกมาสองสามคำถามติดต่อกัน หลานเฟิงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่?

 

 

“อวิ๋นหรูเล่า?”

 

 

“หากเป็นท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ นางไปตระกูลหลาน คิดจะไปหาท่านประมุขหลานปรึกษาเรื่องการอพยพประชาชนขาวเขาเทียนปี้ไปอยู่ที่ตระกูลหลานเป็นการชั่วคราว”

 

 

“ไปหาท่านประมุขหลานที่ตระกูลหลาน? นางรู้ได้ว่าอย่างไรว่าท่านประมุขอยู่ที่ตระกูลหลาน?”

 

 

หลานเฟิงเหมือนจะมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

“ก่อนหน้านี้ท่านประมุขมาร่วมช่วยเหลือเขาเทียนปี้ แต่กลับโดนกับดักแปลกของศัตรู แม้จะหนีไปได้แต่ก็สลบไม่ได้สติ รอจนหาเขาพบเขาก็ยังอยู่ในสภาวะสลบไสล รอจนดื่มยาถอนพิษไปแล้วตื่นขึ้นมาเขียนจดหมายให้ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ฉบับหนึ่งแล้วจึงไปดูอาการคุณหนูหลานอี

 

 

แต่ตอนที่ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์จัดการธุระต่างๆ เสร็จแล้วไปหาเขานั้น เขาก็ไม่อยู่แล้ว ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์คิดว่าท่านประมุขหลานน่าจะกลับไปตระกูลหลานก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไปหาเขาที่ตระกูลหลานขอรับ”

 

 

หลานเฟิงกำหมัดแน่น

 

 

“ระยะเวลาหน้าหลังระหว่างท่านประมุขจากไปจนถึงอวิ๋นหรูมาหาเขาห่างกันนานเพียงใด?”

 

 

“ประมาณหนึ่งชั่วยามขอรับ”

 

 

หนึ่งชั่วยาม ดูจากข้อความที่เสี่ยวเยี่ยส่งมาขอความช่วยเหลือแล้ว น่าจะถูกจับตอนที่เพิ่งจากไป

 

 

“สมควรตายเสียจริง” ด่าเป็นคำหยาบออกมาประโยคหนึ่ง หลานเฟิงหมุนตัวเดินจากไป

 

 

“ท่านหัวหน้าแม่ทัพ?”

 

 

เมื่อเห็นว่าหลานเฟิงจากไป แม่ทัพอวิ๋นรู้สึกพิลึกยากจะเข้าใจ แท้จริงแล้วมาทำอะไรกันแน่?

 

 

หลานเฟิงออกจาเขาเทียนปี้ ในเสี้ยววินาทีนั้นไม่รู้ว่าจะไปที่ใด? หรือว่าเมื่อหาหลานเยี่ยพบแล้วจะต้องทำเช่นไร? จะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร?

 

 

คนที่อยู่เบื้องหลัง เจ้า อยู่ที่ตระกูลเยี่ยกระมัง

 

 

หลานเฟิงก้าวฝีเท้ายาวไปยังทิศทางตระกูลเยี่ย แต่กลับพบว่าทางเดินถูกขวางไว้ ชุดบ่าวนั่นช่างคุ้นตาเสียจริง

 

 

ตระกูลเยี่ยหลายพันปีมานี้รักษาประเพณีหนึ่งมาตลอด สั่งสอนฝึกฝนทหารพลีชีพกลุ่มหนึ่ง ทำภารกิจต่างๆ ที่ดำมืดสกปรก หลายพันปีมานี้วิธีการฝึกฝนเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ภารกิจที่ต้องทำก็เปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกเช่นกัน แต่ชุดของทหารพลีชีพกลุ่มนี้ไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน

 

 

ชุดสีดำล้วนบริเวณคอเสื้อด้านซ้ายมีรูปพระจันทร์เสี้ยวสีเหลือง ด้านขวาเป็นตัวหนังสือคำว่าชิวสีม่วง บริเวณหน้าอกมีกริชแหลมคมอยู่เล่มหนึ่ง ใช้ด้ายสีเงินปักเอาไว้

 

 

และคนกลุ่มนั้นตลอดหลายพันปีมานี้มีเพียงชื่อเรียกเดียว นั่นคือจิ้งจอกราตรี

 

 

หลานเฟิงไม่ได้พูดอะไร มือที่วางอยู่บนกระบี่ขยับเล็กน้อย ดึงกระบี่ออกมาฟาดฟันต่อสู้กับจิ้งจอกราตรีกลุ่มนั้น

 

 

หลายคนล้อมรอบหลานเฟิงคนเดียว คนที่คิดจะจับเขาก็ช่างอุตสาหพยายามเสียจริง หลานเฟิงเชิดปลายกระบี่ขึ้น ลากระยะห่างระหว่างกลุ่มจิ้งจอกราตรีเหล่านั้น

 

 

“นายท่านเชิญท่านไปเป็นแขกที่ตระกูลเยี่ย ขอให้ท่านอย่างได้ปฏิเสธ”

 

 

จิ้งจอกราตรีคนหนึ่งเปิดปากพูด เย็นๆ ชาๆ ไม่มีความรู้สึกอะไร

 

 

“ทำไมข้าต้องไปกับพวกเจ้า?”

 

 

“อาศัยท่านประมุขหลานที่อยู่ในมือพวกข้า นายท่านได้สั่งมาแล้ว หากท่านไม่ไป เขาไม่อาจรับประกันความปลอดภัยของท่านประมุขหลานได้”

 

 

ได้ยินจิ้งจอกราตรีพูดเช่นนี้สีหน้าของหลานเฟิงกลายเป็นไม่น่ามองในทันใด เหมือนกำลังดิ้นรน และเหมือนว่าสำนึกผิด หลังจากนั้นชั่วครู่มือก็ปล่อยลง กระบี่ตกลงบนพื้น

 

 

เสี่ยวเยี่ย ข้าขอโทษ

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

Author:
ความลับมากมายเวียนวนอยู่รอบตัว หลานเยี่ย มาโดยตลอด ความลับที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ทั้งบุรุษในความฝันที่เขามักจะได้พบอยู่ทุกค่ำคืน ทั้งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่าที่แม้ชื่อเขาก็ไม่เคยยินมาก่อน…ยังมีความลับอีกมากเท่าไรหลบซ่อนตัวอยู่ในความทรงจำที่ขาดหาย หรือ หลานเฟิง องครักษ์หน้านิ่งที่เขาหลงรักผู้นี้เองก็เก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้เช่นกัน ถึงไม่เคยตอบรับรักเขาเลยสักที… หนึ่งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่า เชื่อมโยงสองดวงวิญญาณที่ถูกปิดผนึก และความทรงจำอันทุกข์ระทมที่มิอาจหวนนึกถึง ความลับอะไรกันแน่ที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ม่านรัตติกาลนี้ ใต้หล้านี้ดูเหมือนจะสงบสุข แต่ลับหลังนั้นมีเรื่องวุ่นวายมากเพียงใด ความสงบสุขกว่าพันปีจะต้องถูกทำลายลงอีกครั้งจริงหรือ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset