ตอนที่ 91 ปักหลัก
อวิ๋นหรูพาประชาชนเขาเทียนปี้เดินทางมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ ผ่านพื้นที่ราบกว้างใหญ่ มาถึงด้านหน้าเขาหลานวั่ง ระยะเวลาเดินทางสองวันไม่ได้ถือว่าไกลเท่าไรนัก ประชาชนเขาเทียนปี้ยังไม่มีท่าทีเหนื่อยล้าให้เห็น ทันใดนั้นอวิ๋นหรูก็สังเกตเห็นหลานเม่ยรอพวกเขาอยู่ด้านหน้า
“จู่…คุณชายหลานเม่ยทำไมถึงมารอที่นี่เล่า?”
“ต้องขอโทษเป็นอย่างมากคุณหนูอวิ๋น พวกท่านน่าจะไม่สามารถเข้าเขาหลานวั่งได้ ทำได้แค่อยู่ตรงตีนเขาหลานวั่งเท่านั้น ท่านประมุขเปิดม่านพลังให้ท่าน แต่คนอื่นเข้าไปไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่หลานเม่ยคิดขึ้นมาได้ทีหลัง
ข้าได้จัดตั้งที่พักไว้ให้กับประชาชนของท่านบริเวณตีนเขาหลานวั่ง มีม่านพลังที่ใช้พลังของข้ารักษาเอาไว้ ดังนั้นย่อมไม่มีอันตราย”
หลานเม่ยเอ่ยอธิบาย
“เช่นนั้นต้องลำบากท่านแล้ว ท่านรออยู่ตรงนี้นานแล้วกระมัง”
“มิได้ ข้าเองก็เพิ่งมา บังเอิญว่าพวกท่านก็มาถึงพอดี”
พื้นที่ส่วนหนึ่งของตีนเขาหลานวั่งก็ถือเป็นพื้นที่ของตระกูลหลาน เพียงแต่ไม่ถูกม่านพลังปกคลุมเอาไว้เท่านั้นเอง
อวิ๋นหรูตามหลานเม่ยพาประชาชนเขาเทียนปี้ไปยังที่พัก เห็นบ้านพักที่ถูกสร้างขึ้นอย่างมั่นคงเป็นแถวๆ หลังจากเข้าไปแล้วอุปกรณ์ทั้งหลายมีพร้อมตามควร ด้านหน้าบ้านทุกหลังมีพื้นที่เล็กๆ และสวนแห่งหนึ่ง
อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันก็ถูกจัดเตรียมไว้อย่างครบถ้วน แล้วยังละเอียดเอาใจใส่ถึงขั้นเตรียมรถเข็นของเด็กและไม้เท้าของผู้เฒ่า ไม่เหมือนกับสถานที่ที่ไม่มีคนพักอาศัยแม้แต่น้อย
อวิ๋นหรูคิดไม่ถึงว่าภายในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้หลานเม่ยจะทำได้ถึงขั้นนี้
“ขอบคุณท่านมากจริงๆ เตรียมพร้อมอย่างพร้อมเพรียงเช่นนี้”
“ที่นี่แต่เดิมก็มีห้องอยู่มากมาย เพียงแค่ซ่อมแซมเล็กน้อยเท่านั้น ผืนดินและสวนก็ไม่ได้เปลืองเวลามากมาย มีของพวกนี้ก็สามารถตอบสนองความต้องการของตนเองได้แล้ว ยังขาดอะไรอีกข้าจะเอามาให้จากทางตระกูลหลาน”
“เช่นนั้นต้องลำบากท่านแล้ว”
“คุณหนูอวิ๋นขอบคุณหลายครั้ง หลานเม่ยรับไว้ไม่ได้ หลานเม่ยเพียงแค่จัดการธุระแทนท่านประมุขเท่านั้นเอง หากท่านประมุขอยู่จะต้องให้พวกท่านเข้าไปในเขาหลานวั่งเป็นแน่”
“ไม่ต้อง เท่านี้ก็ดีมากแล้ว”
“เช่นนั้นหลานเม่ยต้องขอตัวกลับก่อน”
หลังจากหลานเม่ยกลับไป อวิ๋นหรูก็เริ่มจัดการให้ประชาชนเข้าพัก
“คนที่มีเด็กด้วยให้มาพักบริเวณนี้ มีคนแก่ให้อยู่ตรงนั้น ที่เหลือเลือกบ้านที่พวกเจ้าได้เลย”
หลังจากอวิ๋นหรูจัดการเสร็จแล้ว ทุกคนก็เข้าไปพักด้วยความดีอกดีใจ
หลังจากเหล่าหญิงที่แต่งงานแล้วช่วยกันเก็บกวาดภายในบ้าน ก็เริ่มลงมือจัดระเบียบสวนและพื้นที่ด้านนอก ทหารกลุ่มนั้นก็มาช่วยจัดการพื้นที่ด้วย
“ท่านเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ สามารถรบกวนนายท่านตระกูลหลานคนนั้นช่วยนำเอาพันธุ์ไก่พันธุ์เป็ดและเมล็ดพืชผักจากตระกูลหลานเอามาปลูกได้หรือไม่ ตอนนี้อย่างไรก็กลับไปไม่ได้ คงไม่อาจพึ่งพาอาศัยตระกูลหลานได้ทุกเรื่อง” หญิงแต่งงานแล้วคนหนึ่งอุ้มลูกมาคุยกับอวิ๋นหรู
อวิ๋นหรูได้ยินแล้วจึงหัวเราะออกมา ช่างดีเหลือเกิน ทุกคนไม่ได้หมดอาลัยตายอยากเพราะการเปลี่ยนแปลงของเขาเทียนปี้ แต่ยังมองไปข้างหน้าด้วยความคิดบวก พวกเขาทำได้เช่นนี้ เช่นนั้นข้ายิ่งไม่อาจตามหลัง
“ได้ ข้าจะให้เขาเอามา”
อวิ๋นหรูบอกคำร้องขอของตนเองกับหัวหน้าทหารกลุ่มนั้น จากนั้นถึงรู้ว่าภายในบ้านทุกหลังล้วนมีเครื่องมือและเมล็ดพันธุ์พืชผักผลไม้อยู่ สำหรับลูกเจี๊ยบและลูกเป็ดหัวหน้าทหารกลับไปยังตระกูลหลานรายงานให้หลานเม่ยทราบในทันใด
ค่ำวันนั้นหลานเม่ยพาคนนำสิ่งของมาส่งให้ เห็นกลุ่มคนข้างหลังหลานเม่ยแบกกรงลูกเจี๊ยบมาคนละกรง แล้วในมือหลานเม่ยก็ยังมีอยู่กรงหนึ่ง ลูกเจี๊ยบและลูกเป็ดที่อยู่ภายในส่งเสียงร้องระงม อวิ๋นหรูรู้สึกขำขันอย่างไม่มีเหตุผล
จู่จื๋อซือตระกูลหลานกลับมีด้านที่น่ารักเสียขนาดนี้
ตอนที่ 92 ร้องทุกข์
“ท่านมาแล้ว”
อวิ๋นหรูยิ้มแย้มมองหลานเม่ยที่ถือกรงไก่มา
“อืม นี่คือของที่ท่านต้องการ” หลานเม่ยส่งของที่อยู่ในมือให้อวิ๋นหรูดู
“ให้ข้าวางไว้ที่ไหน?”
อวิ๋นหรูคิดจะรับไป แต่หลานเม่ยกลับถอยหลังลงไปก้าวหนึ่ง ไม่ได้ส่งให้นาง อวิ๋นหรูเห็นแล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างสดใสกว่าเดิม
“ลูกเจี๊ยบมาแล้ว มารับไปเร็ว” อวิ๋นหรูตะโกนหันไปทางบ้านพัก ทันใดนั้นก็มีหญิงวัยกลางคนจำนวนมากยิ้มแย้มออกมารับลูกเจี๊ยบไป
เห็นกลุ่มสตรีที่กระตือรือร้นเช่นนี้ หลานเม่ยไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี
“คุณชายหลาน ท่านไปนั่งพักตรงนั้นสักครู่เถิด อีกครู่คงจะครึกครื้นน่าดู” อวิ๋นหรูเรียกให้หลานเม่ยเดินไป หลังจากหลานเม่ยสั่งให้ลูกน้องกลับไปก่อนแล้วถึงเดินไปหา
ปกติแล้วประชาชนเขาเทียนปี้ชอบร้องรำทำเพลง คราวนี้หลังจากกินข้าวอิ่มก็กำลังร้องเล่นเต้นรำ ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
“คุณหนูอวิ๋นหรู ตอนนี้เขาเทียนปี้เป็นเช่นนี้ ท่านรู้สึกสิ้นหวังหรือไม่?” หลานเม่ยถามอวิ๋นหรูที่นั่งนิ่งมองดูคนเต้นรำ
อวิ๋นหรูตะลึงไป ไม่ได้ตอบในทันที ท้ายสุดถึงเอ่ยปากออกมาช้าๆ
“พูดตามจริงที่เขาเทียนปี้กลายเป็นเช่นทุกวันนี้ที่จริงแล้วเป็นข้าที่ทำให้เกิดขึ้น ข้าผู้ถือเป็นเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งเขาเทียนปี้ คิดว่าตนเองอาจหาญทั้งวิชาบุ๋นวิชาบู๊ ไม่มีสิ่งที่ทำไม่ได้ คิดว่าตนเองเป็นหญิงแปลก
แต่หลังจากประสบเรื่องราวครั้งนี้แล้วข้าถึงรู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ผิดไปอย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ข้ามีทั้งหมดที่จริงล้วนเป็นสิ่งที่พ่อข้าให้มา ไม่มีของเหล่านี้ที่พ่อให้ข้าก็ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ข้าไม่มีความสามารถที่จะทำได้
พูดอย่างไม่ปิดบังท่าน ข้าชอบท่านพี่ ข้าคิดว่าอาศัยสิ่งที่ข้ามีก็มากพอที่จะทำให้ท่านพี่ชอบข้า แต่ข้าผิดไปแล้ว ตนเองก็เป็นแค่ไม้ประดับที่มีเพียงรูปลักษณ์เท่านั้น แม้แต่เนื้อหนังนี้ก็เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้
ท่านพ่อกล่อมให้ข้ายอมแพ้ ที่จริงต่อให้เขาไม่กล่อมข้า ข้าเองก็ต้องยอมแพ้ สิ่งที่ข้าต้องเผชิญหน้าด้วยคือศัตรูหัวใจที่ไม่อาจเอาชนะได้
วันนั้นตอนที่ข้ากลับไปยังเขาเทียนปี้ คนตระกูลหลานลอบฆ่า แต่กลับมีโจรลอบสังหารตระกูลเยี่ยคนหนึ่งรับดาบแทนข้า ตอนนั้นข้างุนงงอย่างมาก แต่หลังจากนั้นข้าก็เข้าใจ
ในเมื่อพวกเขาเข้ามาจากอุโมงค์ลับ ฉะนั้นย่อมต้องเห็นเรื่องราวพันปีก่อนที่จดบันทึกไว้ในอุโมงค์ลับ ที่ออกมารับดาบแทนข้านั้นก็เป็นเพราะใบหน้าของข้าที่เหมือนกับบรรพบุรุษเท่านั้นเอง”
หลานเม่ยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ฟังอวิ๋นหรูพูดอยู่เงียบๆ
“ตอนนี้เขาเทียนปี้กลายเป็นเช่นนี้ ข้าเองก็พยายามบีบบังคับตนเองให้เข้มแข็งขึ้นมาตลอด ประชาชนเขาเทียนปี้ต้องการข้า ข้าไม่อาจล้มลงได้ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีวันใดที่ข้าจะล้มลง” อวิ๋นหรูไม่ได้พูดต่อ มือทั้งสองข้างวางอยู่บนหน้าผาก มองเห็นสีหน้าไม่ชัดเท่าไรนัก
“ให้ตายเถิด ข้าพูดเองเออเองเยอะเช่นนี้ ช่างน่าอายเสียจริง ทางนั้นมีผลไม้ที่เก็บมาจากบริเวณใกล้ๆ ข้าจะไปหยิบมาเสียหน่อย” อวิ๋นหรูลุกขึ้น เตรียมไปหยิบมา
“คุณหนู…อวิ๋นหรู” อวิ๋นหรูได้ยินหลานเม่ยเรียกตนเองจึงหยุดฝีเท้าลง แต่ไม่ได้หันไป หลานเม่ยเรียกอวิ๋นหรูไว้ แต่กลับพบว่าตนเองนั้นเสียมายาทจึงรีบพูดอีกสองคำ
“หาก ข้าบอกว่าหากมีวันใดที่ท่านต้องการความช่วยเหลืออย่างมากจริงๆ ข้ายินยอมช่วยท่านจัดการดูแลเขาเทียนปี้ด้วยกัน”
อวิ๋นหรูหันหลังให้หลานเม่ย ไม่รู้ว่าสีหน้าเช่นไร หลังจากนั้นไม่นานอวิ๋นหรูก็หมุนตัวกลับมา
“ผลไม้ที่เก็บมาวันนี้หวานเป็นอย่างมาก แค่ข้ายังรู้สึกว่าผลไม้ที่เขาเทียนปี้หวานกว่านี้ รอจนวันที่ผลหมากรากไม้ในเขาเทียนปี้ถูกปลูกขึ้นมาอีกครั้ง ท่านยินยอมไปลองชิมหรือไม่?” อวิ๋นหรูยิ้มพลางพูดออกมา
หลานเม่ยก้มหน้าลงด้วยความขัดเขิน ไม่รู้ว่าคิดเช่นไร
‘ใช่แล้ว นางต้องการเวลาผ่อนคลายเสียหน่อย’