ตอนที่ 157 วันเกิด
วันรุ่งขึ้นหลานเฟิงตื่นแต่เช้า หลานเยี่ยยังคงหลับอยู่ รอจนหลานเยี่ยตื่นขึ้นมานั้น บนโต๊ะมีอาหารสองสามอย่างเพิ่มขึ้น
เมื่อเห็นหลานเยี่ยตื่นแล้ว หลานเฟิงก็เดินเข้าไปเรียกให้เขาลุกมากินข้าว
“ลุกขึ้นมาเถิด ทำขนมอบสับปะรดที่เจ้าชอบเอาไว้” หลานเฟิงเดินมาถึงข้างเตียงยิ้มพลางมองหลานเยี่ย
“เจ้าดึงข้าขึ้นซิ”
หลานเยี่ยนอนราบอยู่อย่างนั้นมองหลานเฟิง ในดวงตาสะท้อนประกายขบขัน หลานเยี่ยยื่นมือข้างหนึ่งออกมา จับแขนเสื้อของหลานเฟิง อาศัยแรงของหลานเฟิงในการลุกขึ้น
หลานเยี่ยหาวหวอดใหญ่ พลางดึงจัดการเสื้อผ้าตนเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็สบสายตาเข้ากับดวงตาคู่นั้นของหลานเฟิงที่แฝงไปด้วยความนัย จากนั้นคนบางคนก็กุมท้องหัวเราะออกมาอย่างทำตัวไม่ถูก
หลานเฟิงเดินไปจัดการเอาโต๊ะน้ำชาตัวเล็กตัวหนึ่งมาวางไว้บนเตียง จากนั้นก็ยกกับข้าวมา เทน้ำชา จัดวางตะเกียบเรียบร้อยแล้วนั้นหลานเฟิงก็เดินออกไปยกน้ำอุ่นกะละมังหนึ่งให้หลานเยี่ยได้ล้างหน้าบ้วนปาก
หลานเยี่ยเพลิดเพลินไปกับการบริการที่หลานเฟิงทำให้เขา หลังจากเช็ดหน้าเช็ดมือ บ้วนปากเสร็จแล้ว ในที่สุดก็สามารถกินข้าวได้
“เอาล่ะ กินข้าวเถิด ต้องให้ข้าป้อนเจ้าหรือไม่” หลานเฟิงพูดกับหลานเยี่ยด้วยความเอ็นดู
“ไม่ต้องๆ ข้าทำเองก็ได้” เขาหิวจะตายอยู่แล้ว หากว่าหลานเฟิงค่อยๆ ป้อนเขาทีละหน่อย นั่นจะทนได้อย่างไร หลานเยี่ยหยิบตะเกียบขึ้นกินข้าวคำใหญ่อย่างไร้ซึ่งอุปสรรค
“กินช้าเสียหน่อย ยังมีอีก”
“ที่นี่ไม่มีวัตถุดิบเสียหน่อย เจ้าไปหามาจากที่ไหน”
“เมื่อเช้าข้าไปบริเวณใกล้เคียงหอต้วนอวิ๋น ซื้อวัตถุดิบกลับมาบางส่วน มากพอให้พวกเราได้กินสองสามวัน”
“ลำบากเจ้าแล้ว” หลานเยี่ยยื่นหน้ามาจูบหลานเฟิงทีหนึ่ง เห็นใบหน้าของหลานเฟิงเปื้อนขนมอบสับปะรด หลานเยี่ยก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
หลานเฟิงใช้ลิ้นเลียเบาๆ ยังรู้สึกไม่หายอยาก เห็นหลานเฟิงมีท่าทีเช่นนี้ หลานเยี่ยก็เบือนหน้าไปกินขนมอบสับปะรดเงียบๆ
“กินอิ่มแล้ว อยากไปที่ไหน”
“ไม่อยากไปไหนทั้งสิ้น แค่อยากอยู่ในเรือน นั่งอยู่บนเก้าอี้ อาบแดด พูดคุย”
“ได้”
หลานเยี่ยนั่งกินข้าวอยู่ในห้อง หลานเฟิงออกไปจัดการด้านนอก รอจนหลานเยี่ยกินอิ่มแล้ว เดินออกมา ชูมือบิดขี้เกียจ เดินไปถึงข้างแม่น้ำก็หยุดแวะหยอกล้อกับปลาตัวน้อย หลานเยี่ยเดินมาถึงภายในสวน นั่งลงบนเก้าอี้ที่หลานเฟิงจัดเตรียมไว้ให้ ลูบท้องเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
หลานเฟิงย้ายเก้าอี้มาอีกตัวหนึ่ง ตั้งไว้ข้างเขา แล้วยังอุ้มกระต่ายขึ้นมาตัวหนึ่งวงไว้บนขาของหลานเยี่ย จากนั้นตนเองก็นั่งลงบนเก้าอี้ แหงนมองไปด้านหลัง มือข้างหนึ่งกุมมือของหลานเยี่ยเอาไว้
แค่เท่านี้ นั่งอาบแดด พูดคุยกันไปเรื่อยๆ
ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดน่าจะเป็นเช่นนี้กระมัง วันเวลาที่ยังไม่มาถึงอาจจะมีเจ้าอยู่ตลอด ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ได้เสพสุขกับเวลาที่สบายใจทุกวัน
ประสบพบเจอเรื่องมากมายเช่นนี้ ความเจ็บปวดมีมากพอแล้ว จะเหมือนกับที่อวิ๋นอี้พูดหรือไม่ วันที่ยังมาไม่ถึงเต็มไปด้วยขวากหนาม เต็มไปความขมขื่น แต่ตอนนี้ไม่ได้กลัววันที่ยังมาไม่ถึงอีกต่อไป เพราะในอนาคตมีเจ้า เพราะเจ้าอยู่ข้างกาย
“เสี่ยวเยี่ย สุขสันต์วันเกิด”
“อืม”
“เสี่ยวเยี่ย ใจข้าชื่นชมเจ้า”
“อืม”
หลานเยี่ยตอบรับเสียงเบา หลานเฟิงหันหน้าไปมองเขา พบว่าหลานเยี่ยนั้นน้ำตาเต็มใบหน้าอยู่นานแล้ว วันเวลามีความสุขมากเกินไป จนเกิดความกลัวขึ้นเล็กน้อย หวังมากเพียงใดว่าเวลาที่ยังมาไม่ถึงจะได้ใช้ชีวิตสงบเรียบง่าย หวังมากเพียงใดให้เวลาหยุดลง หวังมากเพียงใดให้ใจของเจ้ามีเพียงข้า หวังมากเพียงใด…
ตอนที่ 158 อารมณ์พลุ่งพล่าน
หลานเยี่ยคีบกับข้าวมือสั่น แม้จะเป็นงานเลี้ยงวันเกิดของเขา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เขาไม่อาจทำใจให้สงบลงได้
มือยังคงสั่นอยู่อย่างต่อเนื่อง หลานเยี่ยคีบกับข้าวขึ้นมาคำหนึ่ง ยังไม่ทันได้เข้าปาก ก็ตกลงบนโต๊ะเสียก่อน หลานเยี่ยที่จนปัญญาทำได้เพียงคีบใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ตกอีก ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น ทำให้หลานเยี่ยเกิดรู้สึกไร้ซึ่งสติความคิด
หลานเฟิงนั่งดื่มเหล้าอยู่อีกฝั่ง พลางมองท่าทีซุ่มซ่ามของหลานเยี่ย ตราบจนหลานเยี่ยทำกับข้าวหนึ่งจานหกไปหมด หลานเฟิงก็จับตะเกียบที่อยู่ในมือหลานเยี่ยเอาไว้อย่างจนปัญญา
“เจ้ากำลังตื่นเต้น”
“ที่…ที่ไหนกันเล่า” หลานเยี่ยยังคงปากแข็ง หลานเฟิงถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง เริ่มคีบอาหารให้หลานเยี่ยกิน
“กินให้มากเสียหน่อย อีกครู่ถึงจะมีแรง ใช่หรือไม่” หลานเฟิงมองหลานเยี่ยอย่างหยอกเย้า เห็นว่ากำลังจะโต้ตอบเขา กลับถูกหลานเฟิงยัดตะเกียบเข้าปากไป
“เชื่อฟัง กินข้าว อย่าพูด” หลานเยี่ยทำได้เพียงกินข้าวอย่างเชื่อฟัง หลานเฟิงคีบให้หลานเยี่ยทีละคำ หลานเยี่ยก็ค่อยๆ กินทีละคำ
ในที่สุดก็กินอิ่ม หลานเยี่ยบิดขี้เกียจ ยังไม่ทันได้ลดมือลงก็ถูกหลานเฟิงอุ้มขึ้น
“เจ้าทำอะไร ให้ข้าได้ย่อยอาหารก่อนไม่ได้หรือ”
หลานเฟิงยิ้มมองหลานเยี่ย แม้ทุกครั้งจะเป็นเพียงการยกริมฝีปากขึ้นน้อยๆ แต่ก็ยังทำให้หลานเยี่ยนิ่งอึ้งไป ทำไมถึงได้หน้าตาดีเช่นนี้
“พาเจ้าไปย่อยอาหารอย่างไรเล่า เจ้าคิดว่าข้าจะทำอะไร หรือจะบอกว่าเจ้าอยากให้ข้าทำตอนนี้เลยหรือ”
“แล้วแต่เจ้า” หลานเยี่ยแสร้งทำเป็นโมโหเบือนหน้าหนี
หลานเฟิงอุ้มหลานเยี่ยออกมาข้างนอก บนแม่น้ำสายเล็กมีเรือลำหนึ่งจอดนิ่งอยู่ ไม่มีหลังคา หลานเฟิงพาหลานเยี่ยก้าวขึ้นไป
ยืนอยู่บนเรือ หลานเฟิงชี้พระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือศีรษะ หลานเยี่ยเกิดวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด ซึ่งเป็นวันพระจันทร์เต็มดวง เมื่อมองจากตรงนี้พระจันทร์ใหญ่เป็นพิเศษ กลมเป็นพิเศษ อีกทั้งวันนี้ก็อากาศปลอดโปร่ง แสงจันทร์ส่องลงมาอย่างชัดเจน ทอประกายครอบคลุมทั่วผืนทะเลสาบ
กระแสลมบางเบาพัดพา หลานเยี่ยนั่งอยู่ในเรืออย่างสบายใจ
“สบายจังเลย คืนนี้แสงจันทร์ช่างสวยเหลือเกิน”
“ประกอบกับคนงาม ก็ยิ่งสวยมากขึ้น” หลานเฟิงเอ่ยปากสมทบหลานเยี่ย
“เช่นนั้นคุณชายผู้นี้เป่าบรรเลงบทเพลงหนึ่งให้ฟังเพื่อเสริมบรรยากาศดีหรือไม่” หลานเยี่ยส่งขลุ่ยให้หลานเฟิง หลานเฟิงรับไป เสียงขลุ่ยดังขึ้น เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก หลงใหลใฝ่เพ้อ
หลานเยี่ยมัวเมาอยู่ในแสงจันทร์ ในลมบาง ในเสียงขลุ่ย ในอารมณ์อันลึกล้ำของหลานเฟิง ศีรษะแหงนขึ้นน้อยๆ มองดูหลานเฟิง สายตาหลงใหลของหลานเยี่ยทำให้หลานเฟิงค่อยๆ วางขลุ่ยลงช้าๆ
นั่งอยู่ข้างหลานเยี่ย อารมณ์ของทั้งสองเกิดกระตุ้น หลานเฟิงอุ้มหลานเยี่ย นอนลงบนภายในเรือ เสื้อผ้าค่อยๆ ไหลตก มือทั้งสองข้างประสานแนบสิบนิ้ว กอดกันอย่างแนบแน่น หลานเยี่ยมีความรู้สึกเกินจริงอยู่เล็กน้อย คิดถึงเรื่องเมื่อเช้านี้ หลานเยี่ยกลับรู้สึกเหมือนเพิ่งตื่นจากความฝันในฉับพลัน
สัมผัสได้ถึงการกระทำที่หยุดลงของหลานเยี่ย หลานเฟิงเงยหน้ามองเขา กลับพบว่าหลานเยี่ยจ้องมองเขาเขม็ง
“เจ้ารักข้าหรือไม่”
“รัก” หลานเฟิงพยายามควบคุมตนเองอย่างสุดความสามารถ ตอบสนองพูดกับหลานเยี่ย
“เช่นนั้นข้าอยากอยู่ข้างบน”
“…”
หลานเฟิงคิดอยู่เสี้ยววินาที ก็ปิดปากของหลานเยี่ยเอาไว้ คิดว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรเสียอื่น อยากอยู่ข้างบน จะให้เจ้าได้ใจได้อย่างไร
“หลานเฟิง อ่าอากอู่อั้งอน (ข้าอยากอยู่ข้างบน) อ่าาา” หลานเยี่ยพยายามจะพูด แต่กลับถูกหลานเฟิงปิดปากไว้อย่างแรง
เรือแบนลำน้อยแกว่งไปมาไม่หยุด สองคนที่มีความรู้สึกต่อกันในที่สุดก็ได้ครอบครองอีกฝ่าย หลานเยี่ย ในที่สุดเจ้าก็เป็นคนของข้า หลานเฟิง ในที่สุดเจ้าก็เป็นคนของข้า
เพิ่งตื่นจากความฝันครั้งใหญ่ แสงอาทิตย์สะท้อนส่องเข้ามา หลานเยี่ยค่อยๆ ลืมตาขึ้น หลานเฟิงช้อนศีรษะมองเขาอยู่ข้างๆ
“ตื่นแล้วหรือ”
“ซี้ด…เจ็บ”