ตอนที่ 163 วังหลัง
ตกดึก ฮ่องเต้ไปยังวังอวี้หลิงของพระชายาหลิ่ว สีหน้ากลัดกลุ้ม
“ฮ่องเต้มีเรื่องใดกังวลใจหรือเพคะ เหตุใดถึงไม่มีความสุขเช่นนี้” พระชายาหลิ่วเข้ามาปรนนิบัติฮ่องเต้ ยี่สิบกว่าปีแล้ว ขอเพียงมีเรื่องไม่สบายใจฮ่องเต้ก็จะมายังวังอวี้หลิง พระชายาหลิ่วรู้ข่าวตอนออกว่าราชการเมื่อเช้านี้ จึงรอการมาเยือนของฮ่องเต้นานแล้ว
“วันนี้หัวหน้าทัพฝ่ายกำลังทหารหลิวฉี วางแผนกระทำมิดีมิร้าย คิดจะให้ข้าปลดองค์ชายรัชทายาท แต่งตั้งองค์ชายเก้าเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ โชคดีที่ท่านที่ปรึกษาออกหน้า ถึงจัดการเรื่องราวได้”
“เช่นนั้นฮ่องเต้จัดการอย่างไรหรือเพคะ”
“ข้าถอดถอนหลิวฉีออกจากตำแหน่งปัจจุบันแล้ว”
“เช่นนั้นเหตุใดต้องกลัดกลุ้มเช่นนี้เพคะ”
“องค์ชายเก้าฉีจิ่งเย่อหยิ่งลำพองตนเกินไป อีกทั้งยังริอ่านหวังครองตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท แม้ข้าจะกักบริเวณเขาแล้ว แต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไร”
“องค์ชายเก้าแม้จะเย่อหยิ่งลำพองตน แต่ก็ยังมีข้อที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง องค์ชายเก้าเฉลียวฉลาดเป็นทุนเดิม เรื่องหนังสือเพลงกลอนก็มีการตีความที่โดนเด่นไม่เหมือนใคร สมกับเป็นผู้มีความสามารถคนหนึ่ง” พระชายาหลิ่วพูดอธิบายแทนฉีจิ่ง
“ลำบากเจ้าต้องมาปกป้องเขา มารดาเขาจากไปเร็ว หลายปีมานี้ก็เป็นเจ้าที่ดูแลเขา” ฮ่องเต้แสดงความซาบซึ้งใจต่อพระชายาหลิ่วที่เข้าใจเรื่องเช่นนี้
“ก็เพราะเป็นเด็กที่ชีวิตน่าสงสารเพคะ หม่อมฉันดูเขามาตั้งแต่เด็ก เขาเองก็เชื่อฟัง หวังให้เขาโตขึ้นเป็นผู้ที่มีประโยชน์ต่อราชสำนักเพคะ แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้ยิ่งไม่ได้ความขึ้นเรื่อยๆ” พระชายาหลิ่วเสียใจ พลางรู้สึกเสียดาย
“เกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรอีก”
“ที่จริงก็ไม่มีอะไรเพคะ เพียงได้ยินนางกำนัลบางคนพูดว่าจวนองค์ชายเก้าร่ำดนตรีทุกคืน อีกทั้งยังรับอนุอีกหลายคน นี่ยังไม่เท่าไร มีบางครั้งยังออกมาโดยใช้ข้ออ้างพบปะมิตรสหาย ไปหาความสุขใส่ตัวกับชายหนุ่ม ได้ยินว่าภายในจวนก็ยังเลี้ยงดูแลชายผู้เป็นที่โปรดปรานเอาไว้ด้วยเพคะ”
“ช่างไม่เหมาะสมเสียจริง เป็นถึงองค์ชายกับมั่วสุมกับบุรุษ ลองดูว่าข้าจะไม่ไปจับให้เห็นกับตา” ฮ่องเต้พูดจบก็เดินออกไปข้างนอก พระชายาหลิ่วรีบขวางไว้
“ฮ่องเต้เพคะ พระองค์อย่าได้บุ่มบ่าม นี่เพียงได้ยินบรรดานางกำนัลพูดกันเท่านั้นเพคะ อาจจะไม่เป็นเรื่องจริงก็ได้นะเพคะ”
“** กระจายมาถึงหูนางกำนัลแล้ว ยังจะต้องพูดอะไรอีก อย่าขวางข้า”
“กลางคืนลมแรง พระองค์ต้องดูแลพระพลานามัย ให้หม่อมฉันไปกับพระองค์เถิดเพคะ” พระชายาหลิ่วคลุมเสื้อตัวหนึ่งให้ฮ่องเต้ ออกไปพร้อมเขา
ทั้งสองคนนั่งเกี้ยวไปจนถึงจวนองค์ชายเก้า ฮ่องเต้ไม่ได้ให้คนรายงาน ตรงเข้าไปในห้องนอนฉีจิ่ง
เมื่อยืนอยู่หน้าประตูก็สามารถได้ยินเสียงรื่นรมย์จากภายใน อีกทั้งเป็นผู้ชาย ฮ่องเต้โมโหถีบประตูเดินเข้าไป เห็นสภาพไม่น่ามองบนเตียง
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ฉีจิ่งพ่นคำด่าออกมาประโยคหนึ่ง เมื่อหันกลับไปมองก็ต้องตกใจจนปีนขึ้นมาจากเตียงในทันใด เสื้อผ้าก็ถูกสวมใส่ด้วยความลนลาน
“เสด็จพ่อ พระองค์เสด็จมาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“หึ! ดูท่าบทลงโทษที่ให้เจ้าวันนี้คงยังไม่พอกระมัง ยังจะมาหาความสุขใส่ตัว ไม่รู้จักสำนึก”
“เสด็จพ่อ มิใช่อย่างนั้นพ่ะย่ะค่ะ ล้วนเป็นเขาที่ยั่วยวนหม่อมฉัน เสด็จพ่อ ขอให้พระองค์เชื่อลูกด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ลูกรู้ผิดแล้ว”
“นับแต่วันนี้ไป องค์ชายเก้าฉีจิ่งลดศักดิ์เป็นคนธรรมดา ไม่อาจย้อนกลับมาในราชสำนักได้ตลอดชีวิต” ฮ่องเต้ประกาศราชโองการที่สำหรับฉีจิ่งแล้วไม่ต่างอะไรกับโทษประหารชีวิต จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อจากไป ฉีจิ่งพูดอ้อนวอนขอร้องอย่างสุดชีวิตอยู่ข้างหลัง
ภายในห้องนอนของฉีจิ่ง พระชายาหลิ่วยืนอยู่ตรงนั้น ชายผู้เป็นที่โปรดปรานที่แต่เดิมอยู่บนเตียงก็แต่งกายเรียบร้อย ยืนอยู่เบื้องหน้าพระชายาหลิ่ว
“เจ้าทำได้ดีมาก พ่อและน้องสาวของเจ้า ข้าได้รับพวกเขาออกมาจากคุกและจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
“ขอบพระทัยพระชายาหลิ่วพ่ะย่ะค่ะ” ชายหนุ่มผู้นั้นไม่รู้ว่าเอาขวดยาหยิบออกมาจากที่ใด ดื่มหมดในรวดเดียว จากนั้นก็ตายไปเพราะพิษยา
ตอนที่ 164 พร้อมที่จะจบ
ด้านราชสำนักได้รับสิทธิ์ทางการทหาร เตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ขาดเพียงคำสั่งของเจ้าเท่านั้น หลานเฟิงเล่าให้หลานเยี่ยฟังจนจบ ความคิดของหลานเยี่ยกลับหยุดอยู่ที่คนผู้นั้น
“สุดท้ายแล้วบุรุษผู้นั้นเหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้”
“ทั้งครอบครัวของชายผู้นั้นถูกฉีจิ่งทำลาย ทุกคนถูกส่งเข้าคุกทั้งหมด มีเพียงเขาคนเดียวที่หนีมาได้ พระชายาหลิ่วตามหาเขาพบ ให้เขาจัดการเรื่องแทนตนเอง พระชายาหลิ่วช่วยครอบครัวของเขาให้ออกมา”
“ฉะนั้นเขาจึงส่งตัวเองไปบนเตียงฉีจิ่ง ช่วยให้พระชายาหลิ่วสำเร็จแผนการ”
“ใช่”
“เช่นนั้นสุดท้ายเขาก็ไม่จำเป็นต้องตายก็ได้นี่”
“นี่คือวิธีการจัดการเรื่องของพระชายาหลิ่ว สามารถอยู่ในวังหลังมาได้นานหลายปีนี้กลับไม่ล้มลง นางมีจุดเ**้ยมโหดของนางเอง ล้วนโหดเ**้ยมต่อคนอื่นและรวมถึงคนของตนเอง”
“ลำบากนางแล้วที่ไม่บีบคออวี่มั่วให้ตายเสียแต่ตอนนั้น” หลานเยี่ยทอดถอนใจ หลานเฟิงไม่พูดอะไร เพียงแค่หัวเราะออกมา
“ฉะนั้นท่านประมุขตระกูล ออกคำสั่งเถิด ขั้นต่อไปควรทำเช่นไร”
หลานเยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ก่อนอื่น ข้าอยากจุมพิต” หลานเยี่ยผงกหัวขึ้น หลับตาลง หันไปทางหลานเฟิง หลานเฟิงเห็นหลานเยี่ยมีท่าทีเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา จุมพิตลงไปบนริมฝีปากหลานเยี่ยทีหนึ่ง หลานเยี่ยถึงได้พูดต่อไปด้วยความพอใจ
“แหล่งข่าวที่ชิวอวี้ถือครองเอาไว้มีเต็มไปทั่วใต้หล้านี้ คิดจะทำเรื่องภายใต้ลมหายใจเขาไม่ง่ายนัก” หลานเยี่ยพูดไปมอง เล่นผมหลานเฟิงไปพลาง เล่นไปเล่นมาผมของหลานเฟิงก็พันกัน หลานเยี่ยคิดจะปลดออกอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ดึงจนหลานเฟิงขมวดคิ้วมุ่น
“ทางด้านชิวอวี้ไม่ต้องเป็นกังวล ก่อนหน้านี้สายสืบในจิ่วหลิวพูดว่า เส้นสายของตระกูลเยี่ยภายในจิ่วหลิวล้วนนิ่งเงียบแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกทั้งตอนที่หลานอวี่แย่งชิงสิทธิ์ทหารมานั้นก็ไม่ได้มีแรงขัดขวางใดทั้งสิ้น ดูท่าชิวอวี้คงจะปล่อยวางเป็นการชั่วคราว หรือบางทีอาจจะปล่อยวางแหล่งข่าวที่เขาถือครองไปตลอดกาล” หลานเฟิงจับมือหลานเยี่ย ตนเองค่อยๆ คลายผมออก
“เหตุใดต้องทำเช่นนี้”
“เพราะจุดประสงค์ของเขาไม่ใช่ใต้หล้า ฉะนั้นเมื่อบรรลุถึงเป้าหมายหรือไร้ซึ่งความหวังก็จะยอมแพ้”
“ตอนนี้ภายในตระกูลเยี่ยยังคงมีข่าวคราวของชิวอวี้หรือไม่”
“ไม่มีแล้ว แม้ก่อนหน้านี้ชิวอวี้จะไม่ปรากฏหน้าออกมาให้เห็น แต่ยังคงมีข่าวอยู่บ้าง ตอนนี้ทางด้านราชสำนักบอกว่าฉีเย่ว์ก็หายตัวไปเช่นเดียวกัน ฉะนั้นข้าจึงเดาว่าพวกเขาน่าจะออกจากตระกูลเยี่ยแล้ว”
“ดูท่านายน้อยผู้นั้นจะปล่อยวางใครบางคนเสียแล้ว” หลานเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงหึงหวง “เจ้าเป็นที่นิยมเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นไร ดูท่าต้องคอยจับตาดูเจ้าแล้ว” หลานเยี่ยเอียงหัวมองหลานเฟิง ทั่วร่างระเบิดความหึงหวงออกมา
“ไม่ต้องกังวล ข้ารักเจ้าเพียงคนเดียวก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ หากเจ้าพูดเช่นนี้ข้าเองก็ต้องพูดเช่นนี้กับเจ้าเหมือนกันใช่หรือไม่” หลานเฟิงมองหลานเยี่ยด้วยอาการเย้าหยอก
“ข้าทำไมหรือ ข้าไม่มีคนอื่นมาชอบเสียหน่อย”
“เช่นนั้นหรือ” หลานเฟิงหยิบถุงหอมถุงหนึ่งออกมาจากชั้นเสื้อผ้าที่อยู่ด้านข้าง นำเศษกระดาษแผ่นหนึ่งที่อยู่ภายในส่งให้หลานเยี่ย บนนั้นเขียนเอาไว้อย่างหนักแน่น พี่เยี่ย ใจข้าชื่นชอบท่าน หรูเอ๋อร์
หลานเยี่ยมองด้วยความประหลาดใจ
“เจ้าจำไม่ได้ก็ไม่แปลก ตอนแรกถ้าไม่ใช่เพราะข้าหยิบถุงหอมใบนี้ไป เจ้าคิดจะทำเช่นไร”
“ยังจะทำเช่นไรได้เล่า ในอดีตข้าคงเห็นหรูเอ๋อร์เป็นน้องสาว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็มีเจ้าแล้วมิใช่หรือ ยิ่งไม่มีทางไปตอบรับนางได้”
“ตอนนี้เจ้าคิดจะรับปากก็ไม่อาจสำเร็จแล้ว ตอนนี้นางผูกสมัครสานสัมพันธ์กับหลานเม่ยแล้ว” หลานเฟิงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ แต่กลับเรียกความแปลกใจจากหลานเยี่ย หลานเฟิงกลับไม่บอกเขา
“ฉะนั้น พูดเข้าเรื่องกันเถิด ท่านประมุขตระกูล”
“ไม่มีแหล่งข่าวของชิวอวี้ นี่ยังไม่ง่ายที่จะทำ พวกเราไปราชสำนักรอดูละครฉากสนุก ดึงอวี่มั่วไปด้วย ทำเช่นนี้”
“ได้”