(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล – ตอนที่ 171 ตั้งทัพก่อกบฏ / ตอนที่ 172 บีบบังคับให้สละราชบัลลังก์

ตอนที่ 171 ตั้งทัพก่อกบฏ

 

 

ตกดึก ด้านนอกวังอวี้หลิงมีผู้คนขวักไขว่เดินผ่านไปมาคับคั่ง พระชายาหลิ่วและฮ่องเต้บรรทมแล้ว ขันทีผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนลนลาน

 

 

“ฮ่องเต้ เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อยผู้นั้นตะโกนออกมาจากนอกประตู ฮ่องเต้ตื่นขึ้นมาด้วยความไม่พอใจอย่างมาก

 

 

“ไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ฮ่องเต้ไม่ได้ลุกขึ้น หันหลังไปมองพระชายาหลิ่วทีหนึ่ง พระชายาหลิ่วแสร้งหลับ

 

 

“ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ ท่านที่ปรึกษาแคว้นพาทัพทหารมายังวังอวี้หลิง อยากให้พระองค์ออกไป ดูท่าจะตั้งทัพก่อกบฏพ่ะย่ะค่ะ”​ ขันทีน้อยผู้นั้นพูดจาวกวนไปมา พูดออกมาด้วยความเร็วอย่างมาก ฮ่องเต้จากไปในทันที รีบสวมใส่เสื้อผ้าในฉับพลัน

 

 

หลังจากออกประตูไปแล้ว ขันทีน้อยประคองเขา เตรียมไปหลบอยู่สักที่หนึ่ง

 

 

“ข้าเชื่อใจเขาถึงเพียงนี้ เขากลับกล้าตั้งทัพก่อกบฏ ดูซิว่าข้าจะฆ่าเขาไม่ได้” ฮ่องเต้พูดพลางเดินออกไป ขันทีน้อยรีบไปดึงเขาไว้

 

 

“ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือท่านจำต้องไปหาที่หลบก่อนสักพักพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้อำนาจทหารอยู่ในกำมือท่านที่ปรึกษา พระองค์ไม่มีทหารไม่มีกำลัง จะไปฆ่าเขาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ไปหาที่หลบก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ รอจนเหล่าองค์ชายมาช่วยเหลือทัพ ต่อยฆ่าเขาก็ยังไม่สายพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

ได้ฟังคำพูดของขันทีน้อย ฮ่องเต้สะบัดเสื้อผ้าด้วยความร้อนรน เดินเข้าไปข้างใน

 

 

“ฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ วังอวี้หลิงแห่งนี้น่าจะมีทางเดินลับสายหนึ่งมุ่งไปด้านนอก แล้วก็เป็นเส้นทางเดียวกันกับที่ตอนแรกพระองค์แอบไทเฮาลอบพบกับพระชายาหลิ่ว พระองค์ออกไปจากทางนั้น ก็จะเป็นวังบรรทมของพระองค์ พวกเขาล้วนรู้ว่าพระองค์อยู่ที่วังอวี้หลิงพ่ะย่ะค่ะ

 

 

วังบรรทมย่อมไม่มีคนเฝ้าดูแล พวกเราออกไปทางนั้นไปยังจวนองค์ชายสองเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์เพิ่งจะรับองค์ชายสองผู้นี้ เขาน่าจะช่วยพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ไม่ได้ พระชายาหลิ่วยังอยู่ข้างใน จับข้าไม่ได้ พวกเขาจะต้องจับพระชายาหลิ่วเป็นแน่ ข้าจะต้องไปพร้อมกับพระชายาหลิ่ว”

 

 

“ฮ่องเต้ หนีเอาชีวิตรอดถึงจะสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ พระองค์อย่าเพิ่งสนใจพระชายาหลิ่วเลยพ่ะย่ะค่ะ พระชายาหลิ่วเป็นคนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง มีคนเพิ่มขึ้นเป้าหมายก็เพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง ความอันตรายก็เพิ่มขึ้นพ่ะย่ะค่ะฮ่องเต้” ฮ่องเต้เหลือบมองด้านใน ครุ่นคิดพิจารณาสุดท้ายก็ไม่ได้เรียกให้พระชายาหลิ่วไปด้วยกัน

 

 

พระชายาหลิ่วนอนอยู่ข้างใน ลืมตาทั้งสองข้าง ใบหน้าไม่แสดงสีหน้าอารมณ์ใดๆ ออกมา

 

 

“ผู้ชายที่ไหนก็สู้เจ้าไม่ได้จริงด้วย!” พระชายาหลิ่วทอดถอนออกมา ไม่รู้ว่ากำลังพูดกับใคร

 

 

“เหนียงเหนียง ฮ่องเต้เสด็จไปแล้วเพคะ” มีคนยืนพูดกับพระชายาหลิ่วอยู่นอกประตู

 

 

“รู้แล้ว ออกไปเถิด” นางรู้แล้ว เขาไม่มีทางรอดไปได้

 

 

“ฮ่องเต้ พระองค์เร็วหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีน้อยยังคงดึงฮ่องเต้ให้รีบเดิน ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตูอุโมงค์ลับ ขันทีน้อยก็เปิดประตูอุโมงค์ลับออก

 

 

เมื่อประตูถูกเปิดออก ข้างในมีคนยืนอยู่คนหนึ่ง ซึ่งคืออวี่มั่ว

 

 

“ลูก รีบช่วยพ่อเร็ว ด้านนอกมีคนตั้งทัพก่อกลุ่มแล้ว” ฮ่องเต้ก็รีบร้อนขอความช่วยเหลือไปมั่ว และไม่คิดว่าเหตุใดอวี่มั่วถึงมาอยู่ที่นี่ในเวลาเช่นนี้

 

 

“เสด็จพ่อ เสด็จแม่เล่า” อวี่มั่วพูดออกมาเรียบๆ ประโยคหนึ่ง หลายปีมานี้แม้เขาจะรู้ว่าฮ่องเต้เหมาะสมกับคนประเภทใด แต่จากท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อพระชายาหลิ่ว เขาคิดว่าฮ่องเต้จะปฏิบัติต่อพระชายาหลิ่วไม่เหมือนกับคนอื่น แต่ตอนนี้ดูแล้วคงมิใช่เช่นนั้น พระชายาหลิ่วก็เป็นเพียงพระชายาคนหนึ่งในบรรดาพระชายามากมายเท่านั้นเอง

 

 

เมื่อถูกถามถึงพระชายาหลิ่ว ฮ่องเต้ก็ชะงักไป ไม่รู้จะตอบเช่นไร

 

 

“เสด็จแม่เป็นแค่เพียงหนึ่งในพระชายาของพระองค์เท่านั้น ทั้งๆ ที่นางยังพอมีความหวัง หวังว่านางจะสามารถหาคนที่ดีดั่งคนผู้นั้นพบอีกครั้ง ดูท่าเสด็จแม่ผิดไปแล้ว อย่างไรก็เป็นฮ่องเต้”

 

 

“ข้า แต่เดิมข้าคิดจะออกไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วค่อยกลับมารับเสด็จแม่ของเจ้า ในเมื่อเจ้ามาแล้ว เช่นนั้นก็ไปรับเสด็จแม่ของเจ้าออกไปพร้อมกับพ่อเถิด”

 

 

“พระองค์กลับไปเถิด ไม่ต้องหนีแล้ว พวกเขาไม่อาจทำอะไรท่าน”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 172 บีบบังคับให้สละราชบัลลังก์

 

 

“เจ้าพูดว่าอะไร กลับไป ข้าจะกลับไปที่ใด ที่นั่นมีคนต้องการชีวิตพ่ออยู่นะ” ฮ่องเต้ลนลาน ด้านหน้ามีอวี่มั่วขวางทางไว้ ด้านหลังมีทัพทหารกบฏไล่ตาม

 

 

“เสด็จพ่อ ข้าเรียกท่านว่าเสด็จพ่อ หรือท่านยังไม่เข้าใจอีก ทั้งหมดนี้ถูกวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว ท่านไร้ประโยชน์เฉกเช่นเรื่องที่กล่าวขานกันข้างนอกเลย” อวี่มั่วพูดด้วยความโกรธแค้น

 

 

ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าจำนวนมากดังไล่มา ฮ่องเต้หันกลับไปมอง ที่ปรึกษาแคว้นหลานอวี่นำคนมาถึงแล้ว

 

 

“ฮ่องเต้ พวกเราไม่มีความคิดเป็นอื่น เพียงอยากให้พระองค์สละราชบัลลังก์ ในเมื่อพระองค์ไม่ยอมตั้งตนเป็นศัตรูต่อตระกูลเยี่ย ย่อมมีคนยอม ท่านยอมเป็นไท่ช่างหวังอย่างเชื่อฟัง เสพสุขชีวิตช่วงสุดท้ายเถิด”

 

 

“ไท่ช่างหวัง?” ฮ่องเต้มองหลานอวี่ เข้าใจอะไรบางอย่าง

 

 

“ไม่ ข้าจะตั้งตนเป็นศัตรูกับตระกูลเยี่ย ข้าจะกำจัดคนตระกูลเยี่ยทุกคนตอนนี้ พวกเจ้าอย่าให้ข้าเป็นไท่ช่างหวัง ข้าคือฮ่องเต้”

 

 

“ไม่มีประโยชน์แล้ว ฮ่องเต้ สายเกินไปแล้ว พรุ่งนี้เช้า พระองค์สละตำแหน่งให้กับองค์ชายสอง นับแต่จากนี้ไป พระองค์อยู่ที่จวนของพระองค์ใช้ชีวิตบั้นปลายให้มีความสุขเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“ข้าเลื่อนขั้นเพิ่มยศให้เจ้า เจ้าอยากได้อะไรข้าให้เจ้าทั้งสิ้น อย่าให้ข้าไปเป็นไท่ช่างหวัง ข้าให้เจ้าได้ทั้งหมด เงินทอง สตรีงามอะไรก็ได้”

 

 

“ต่ำช้า” หลังจากอวี่มั่วพูดออกมาสองคำ ก็เดินออกจากอุโมงค์ลับไปด้วยความโกรธ ไปยังพระชายาหลิ่ว

 

 

ฮ่องเต้ถูกคนนำตัวไป แล้วยังติดสินบนหลานอวี่ไปตลอดทาง

 

 

“เสด็จแม่” อวี่มั่วมาถึงหน้าห้องพระชายาหลิ่ว ตะโกนเรียก

 

 

“เข้ามาเถิด” อวี่มั่วเข้าไปข้างใน เห็นพระชายาหลิ่วนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งส่องกระจกมองตัวเอง

 

 

“จัดการทุกอย่างสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวี่มั่วรายงานต่อพระชายาหลิ่ว

 

 

“มั่วเอ๋อร์ เจ้ายินยอมเป็นฮ่องเต้จริงหรือ” พระชายาหลิ่วเอ่ยปากถามอวี่มั่ว

 

 

“ลูกยินยอมทำตามความคิดของเสด็จแม่”

 

 

“เฮ้อออ เจ้าลูกคนนี้ยังคงเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากเรื่องเทียนซี ไม่เคยมีเรื่องใดที่อกตัญญูต่อข้ามาก่อน เจ้ารู้หรือไม่ การบีบบังคับให้สละราชบัลลังก์ครั้งนี้ คนในตระกูลเทียนอาจจะต่อต้าน และอาจเกิดศึกการต่อสู้อีกสนามหนึ่ง

 

 

“เสด็จแม่ไม่ต้องเป็นกังวลพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเหล่านี้ หลานเยี่ยจะจัดการให้เรียบร้อย”

 

 

“ตระกูลเทียนมีใจฝักใฝ่ตระกูลเยี่ย และแม่เป็นคนตระกูลหลาน ท่านยังเป็นคนในราชสำนัก หากตระกูลเยี่ยฉีกหน้าทำความสัมพันธ์แตกร้าวนั่นก็จะเป็นศึกสงครามแห่งใต้หล้า ถึงเวลานั้นหากเป็นเช่นนี้ กับเทียนซีเจ้าคิดจะทำเช่นไร”

 

 

“ตอนนี้เกรงว่าคงฉีกหน้าทำความสัมพันธ์แตกร้าวไปแล้ว เทียนซีข้าจะปกป้องความปลอดภัยของเขา สำหรับตระกูลเทียน เทียนซีออกจากตระกูลเทียนแล้ว แต่อย่างไรตระกูลเทียนก็ยังเป็นบ้านของเทียนซี หากเป็นไปได้ ข้าเองก็คิดจะปกป้องตระกูลเทียนให้ปลอดภัยเช่นกัน”

 

 

“ลำบากเจ้าแล้ว”

 

 

“เสด็จแม่อย่าได้ตรัสเช่นนี้ หลายปีมานี้เป็นเสด็จแม่ที่ต้องลำบากแล้วพ่ะย่ะค่ะ รอวันพรุ่งนี้จบลง พระองค์ก็พักผ่อนเสียเถิด เรื่องในใต้หล้า หลังจากนี้ข้าจะเล่าให้พระองค์ฟัง”

 

 

“ตอนแรก เขาเองก็พูดเช่นนี้กับข้า บอกว่า ‘เรื่องในใต้หล้าข้าจะมาเล่าให้เจ้าฟัง เจ้าพักผ่อนก็พอ’ แต่หลังจากนั้น เขากลับจากไปแม่น้ำเหลือง ไม่กลับมาอีกตลอดไป

 

 

ตอนแรกที่แม่รับปากเรื่องเจ้าและเทียนซี ก็เพราะจะไม่ให้เจ้าต้องมาถลำเข้าไปในความผิดพลาดเดิมเช่นแม่อีก ในเมื่อครองรักกัน ก็ครองคู่หนึ่งคนไปตลอดชีวิต อย่าได้ก้าวพลาด อย่าได้เป็นเหมือนแม่ โดดเดี่ยวจนแก่ชรา”

 

 

“ไม่มีทางเสด็จแม่ พระองค์ยังมีลูก ลูกจะอยู่กับพระองค์ตลอดไปพ่ะย่ะค่ะ”

 

 

“พรุ่งนี้เป็นต้นไป อย่าเรียกว่าเสด็จแม่อีก ผ่านค่ำคืนนี้ไป ความรับผิดชอบของเจ้าจะหนักขึ้น องค์ชายรัชทายาทไปไม่กลับ องค์ชายอื่นก็ไม่เอาความ เรื่องทั้งหมดต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว ไปพักผ่อนเถิด ไม่ต้องสนใจข้า”

 

 

“ลูกขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” อวี่มั่วถอยออกจากห้อง พระชายาหลิ่วถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง

 

 

ในตอนนี้เองภายในพระราชวัง การศึกสงครามสนามหนึ่งกำลังดำเนินขึ้น

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

Author:
ความลับมากมายเวียนวนอยู่รอบตัว หลานเยี่ย มาโดยตลอด ความลับที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ทั้งบุรุษในความฝันที่เขามักจะได้พบอยู่ทุกค่ำคืน ทั้งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่าที่แม้ชื่อเขาก็ไม่เคยยินมาก่อน…ยังมีความลับอีกมากเท่าไรหลบซ่อนตัวอยู่ในความทรงจำที่ขาดหาย หรือ หลานเฟิง องครักษ์หน้านิ่งที่เขาหลงรักผู้นี้เองก็เก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้เช่นกัน ถึงไม่เคยตอบรับรักเขาเลยสักที… หนึ่งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่า เชื่อมโยงสองดวงวิญญาณที่ถูกปิดผนึก และความทรงจำอันทุกข์ระทมที่มิอาจหวนนึกถึง ความลับอะไรกันแน่ที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ม่านรัตติกาลนี้ ใต้หล้านี้ดูเหมือนจะสงบสุข แต่ลับหลังนั้นมีเรื่องวุ่นวายมากเพียงใด ความสงบสุขกว่าพันปีจะต้องถูกทำลายลงอีกครั้งจริงหรือ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset