ตอนที่ 181 โลกไร้ซึ่งความเมตตา
“ไม่ ปล่อยข้า ปล่อยข้า…” หลานเยี่ยที่หลงอยู่ในความฝันจู่ๆ ก็พูดละเมอเพ้อพกขึ้นมา น้ำตาไหลออกอย่างห้ามไม่ได้ มือทั้งสองข้างพยายามปกป้องร่างกายตนเองเอาไว้ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้
หลานเฟิงตื่นขึ้น เห็นหลานเยี่ยมีท่าทีเช่นนี้ ก็เกิดรู้สึกเรื่องแย่แล้วขึ้นมาในทันใด
“เสี่ยวเยี่ยๆ ตื่นๆ เสี่ยวเยี่ย” หลานเฟิงเขย่าตัวหลานเยี่ย หลานเยี่ยลืมตาขึ้น เห็นหลานเฟิงอยู่เบื้องหน้า ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงดัง หลานเยี่ยเขยิบตัวขึ้นไปกอดหลานเฟิงแน่น
“ชิวเย่ว์ อย่าจากข้าไป ชิวเย่ว์ เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้” หลานเยี่ยพูดจาเพ้อพก หลังจากหลานเฟิงได้ยินสรรพนามนี้แล้วก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำการคาดเดาของตนเอง
“เสี่ยวเยี่ย ไม่มีอะไรแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว” หลานเฟิงตบหลังหลานเยี่ยเบาๆ พยายามทำให้เขาใจเย็นลง
“อย่าจากข้าไปๆ” ได้ยินคำพูดของหลานเฟิง หลานเยี่ยไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น ยังคงหวาดกลัวอยู่เหมือนเดิม ร้องไห้อยู่เหมือนเดิม
หลานเฟิงนั่งลง สองมือประคองใบหน้าของหลานเยี่ยเอาไว้ ให้เขามองตนเอง ใบหน้าของหลานเยี่ยเปรอะเปื้อนด้วยหยาดน้ำตา ยังคงร่ำไห้ไม่หยุด
“เสี่ยวเยี่ย มองข้า มองข้า!” ตอนแรกหลานเยี่ยยังคงไม่ฟัง หลังจากหลานเฟิงพูดเสียงดังไปทีหนึ่งหลานเยี่ยถึงหยุดและมองหลานเฟิง
“เสี่ยวเยี่ย ฟังข้าพูด ข้ารู้ว่าเจ้าจำเรื่องในอดีตช่วงนั้นขึ้นมาได้ ช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิตของเจ้า เป็นเพราะโลกไร้ซึ่งความเมตตา ทำให้เจ้าต้องเผชิญครั้งหนึ่งแล้ว กลับยังต้องมาประสบพบพานอีกสองครั้ง และเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ดี ทำให้เจ้าต้องมาพบเจอกับความทรงจำเหล่านี้ที่แต่เดิมสมควรถูกปิดผนึกไปแล้วอยู่สองครั้งสองครา
แต่เสี่ยวเยี่ย เจ้าจำเอาไว้ เรื่องเหล่านั้นล้วนผ่านไปแล้ว ความเจ็บปวดบนร่างกายและจิตวิญญาณที่คนผู้นั้นนำมาล้วนกลายเป็นความยึดมั่นที่แข็งแกร่งของเจ้า ทำให้เจ้ากล้าหาญมากกว่าเดิม
เจ้าเข้มแข็งมากพอที่จะยอมรับอดีตช่วงนั้น แต่เมื่อถูกพลิกกลับมาอีกครั้งหนึ่งยิ่งทำให้ชัดเจนอย่างไม่มีที่เปรียบ ทำให้เจ้าอดนึกคิดผิดไปว่าเจ้ายังไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้า
หากเจ้าคิดถึงเรื่องต่อจากนั้นขึ้นมาได้ คิดถึงชีวิตสวยงามที่เขาหลานวั่งของพวกเรา เจ้าจะแจ่มใสขึ้นมาโดยมิต้องลังเล เรื่องหลังจากนั้นถึงเป็นสิ่งสำคัญ ชีวิตที่สวยงามถึงจะสำคัญ
หลังจากนี้ ข้าจะอยู่ข้างกายเจ้า เกิดไม่พร้อมกันตายพร้อมกัน เชื่อมั่นในตนเอง และเชื่อมั่นในตัวข้า เพื่ออนาคตของพวกเรา เพื่อตระกูลหลาน เพื่อคนที่สำคัญที่สุดของเจ้า สงบลงเถิด หลานเยี่ย!”
หลานเฟิงพูดจบ ผ่านไปนานหลานเยี่ยยังคงไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ แต่น้ำตาค่อยๆ หยุดไหลลง ไม่ได้สูญสิ้นสัมปชัญญะเหมือนแต่ก่อนอีก
“หลานเฟิง ข้าเชื่อเจ้าได้ใช่หรือไม่” หลานเยี่ยดวงตาแดงก่ำ ถามหลานเฟิงออกมาประโยคหนึ่ง ทำให้ใจของหลานเฟิงเจ็บปวดอย่างมาก
“ได้ ข้าจะกลายเป็นคนที่ทำให้เจ้าเชื่อมั่น ฉะนั้นขอให้เชื่อข้า” หลานเฟิงประคองใบหน้าหลานเยี่ย จ้องดวงตาของเขา พูดออกมาอย่างหนักแน่น
“หลานเฟิง ท่านแม่ ท่านพ่อ ข้าคิดถึงพวกเขาเหลือเกิน” หลานเยี่ยเอนพิงหน้าอกหลานเฟิง กลั้นน้ำตา
“รอเวลาผ่านไปช่วงหนึ่ง พวกเราก็ไปหาพวกเขา ดีหรือไม่”
“อืม” หลานเยี่ยพยักหน้า
“หลังจากนี้ชีวิตของพวกเราจะเติมเต็มไปด้วยอีกฝ่าย หลานเฟิง ข้าจะแข็งแกร่งขึ้น แม้สิ่งที่จำขึ้นมาได้จะไม่เยอะ แต่ก็มากพอที่จะสนับสนุนให้ข้าเดินได้ไกลกว่าเดิม เดินไปแข็งแกร่งกว่าเดิม ไม่สับสน ยึดมั่นในความคิด”
“อืม ไม่สับสน ยึดมั่นในความคิด นอนเถิด พรุ่งนี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
หลานเฟิงกล่อมหลานเยี่ยให้นานหลับลง หางตาของหลานเยี่ยยังคงมีคราบน้ำตาให้ได้เห็น เช็ดออกให้เขาเบาๆ หลานเฟิงสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย มองท้องฟ้าด้านนอก เป็นเวลาเที่ยงยามพอดี
หลานเฟิงอุ้มหลานเยี่ยขึ้นมา สวมชุดให้เขาชุดหนึ่ง จากนั้นก็อุ้มเขาไว้พุ่งตรงไปยังทิศซีเชวีย
ตอนที่ 182 ปลายทางก็เป็นจุดเริ่มต้น
อากาศเริ่มเย็นลง ได้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เส้นทางไปซีเชวียแม้จะยาวไกล แต่เพื่อที่จะไม่รบกวนปลุกหลานเยี่ยให้ตื่น หลานเฟิงจึงอุ้มเขาไว้ใช้พลังกระแสวิญญาณในการเดินทาง อีกทั้งยังใช้พลังกระแสวิญญาณในการกีดกั้นเสียงลมจากรอบข้าง
กำลังแขนของหลานเฟิงมั่นคงเป็นอย่างมาก ต่อให้กำลังเร่งเดินทาง หลานเยี่ยเองก็ไม่ได้มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา คำพูดของหลานเฟิงน่าจะเป็นการให้ยาสงบใจเม็ดหนึ่งแก่หลานเยี่ย ในความฝันบางทียังคงต่อสู้ แต่ก็น่าจะกำชัยชนะแล้ว
มีบางครั้งที่ไม่ได้ฝันเป็นเรื่องโศกสลด สร้างรังกระต่ายน้อยหนึ่งรังไว้ที่เขาหลานวั่งกับหลานเฟิง ทุกวันยามพระอาทิตย์ขึ้นจะนำหญ้าเขียวไปวางไว้หนึ่งกำ ยามอาทิตย์ตกนำเอาหญ้าแห้งไปวางไว้หนึ่งกำ ตกดึกก็ไม่หนาวเย็นจนเกินไป
หลานเฟิงก้มมองหลานเยี่ยที่อยู่ในอ้อมกอด ดวงตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู ต้นเฟิงสองข้างทางกลายเป็นสีแดงหมดแล้ว หากหลานเยี่ยตื่นขึ้นมาจะต้องเอ่ยชื่นชมเป็นอย่างแน่ หลังจากนี้ไปจะต้องดูเจ้าสวมใส่เสื้อผ้าสีแดง เหยียบย่ำเดินกรายอยู่ท่ามกลางป่าต้นเฟิง เพลิดเพลินไปกับสายลมและแสงอาทิตย์ในทุกๆ วันเป็นแน่
ยามที่ท้องฟ้าเริ่มสว่างหลานเฟิงพาหลานเยี่ยมาถึงขอบชายแดนซีเชวีย
ทหารพลังบริเวณชายขอบเห็นหลานเฟิงมาถึงก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ไปเรียกเจียงหลิง ตอนแรกที่เจียงหลิงถูกจับไปเป็นเชลย หลานเฟิงถูกกักบริเวณ หลานเยี่ยหายสาบสูญ สิทธิ์สั่งการล้วนอยู่ในมือของหลานเม่ยและหลานอี แต่เจียงหลิงรู้สำนึกผิดจากใจจริง จึงไม่ได้เอาเรื่องลงโทษเขา ให้เขาเฝ้าดูชายขอบซีเชวียอยู่เช่นเดิม
เจียงหลิงได้ยินคำรายงานของลูกน้องก็รีบเร่งมาพบหลานเฟิง หลานเฟิงเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าจุดพักพอดี เห็นหลานเยี่ยที่อยู่ในอ้อมกอดของหลานเฟิง เจียงหลิงเพียงทำความเคารพ ไม่ได้ส่งเสียงดัง จากนั้นก็พาพวกเขาไปยังจุดพื้นที่พักผ่อน
หลานเฟิงวางหลานเยี่ยลงบนเตียง จากนั้นก็ออกไปปรึกษาหารือกับเจียงหลิงข้างนอก ไม่นึกคิดว่ามือของหลานเยี่ยจะจับอกเสื้อของหลานเฟิงเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“มีข้าอยู่ ไม่ต้องกลัว อีกครู่ข้าจะกลับมา” หลานเฟิงกระซิบเบาๆ ข้างหูหลานเยี่ย มือของหลานเยี่ยถึงได้ปล่อยออก เจียงหลิงมองเห็นภาพนี้ในดวงตามีความอิจฉาสะท้อนอยู่
รอจนหลานเฟิงมั่นใจว่าหลานเยี่ยหลับแล้ว ถึงได้ออกไปพูดคุยกับเจียงหลิง
“นายท่าน เตรียมพร้อมหมดแล้วขอรับ”
“ดี นี่คือแผนการ” หลานเฟิงมอบม้วนหนังหนึ่งม้วนให้เขา เจียงหลิงเปิดออกดู ตื่นตะลึงไปกับแผนการที่สมบูรณ์และมีกำลังคุกคามอย่างเต็มที่
“หลังจากนี้ครึ่งชั่วยาม บุกโจมตี”
“ขอรับ”
ตอนนี้เจียงหลิงลดความหยิ่งทะนงและใจร้อนลงไปมาก มีความสุขุมเพิ่มขึ้น มีท่าทางกระทำการใหญ่สำเร็จ ทำให้หลานเฟิงวางใจเป็นอย่างมาก
หลานเฟิงกลับเข้ามาในห้อง มองดูหลานเยี่ย ไม่นานก็ออกจากห้องไปอีกครั้ง ตอนที่กลับมาในมือมีกล่องใส่อาหารเพิ่มขึ้นสองสามอย่าง แล้วยังมีขนมอบสับปะรดอีกหนึ่งจาน บริเวณชายแดนขาดแคลนวัตถุดิบทำขนมอบสับปะรด หลานเฟิงนั้นเตรียมติดตัวมาโดยตลอด เพราะหลานเยี่ยชอบกิน ฉะนั้นไม่เวลาเมื่อไรก็ไม่อาจขาดได้
ประสบพบพานเรื่องมากมายเช่นนี้ หลานเฟิงเองก็เติบโตขึ้น ทำให้เขายิ่งมีความต้องการที่จะปกป้องหลานเยี่ยให้ดี ความใจร้อนคึกคะนองก่อนหน้านี้ ตอนนี้ถูกย่อยสลายกลายเป็นความรักที่มีต่อหลานเยี่ยและท่าทางสุขุมนุ่มลึก และพละกำลังที่พลิกฟื้นกลับคืนมา
“เสี่ยวเยี่ย ตื่นได้แล้ว” หลานเฟิงนำขนมอบสับปะรดวางไว้หัวเตียง หลานเยี่ยที่ได้กลิ่นหอมค่อยๆ ตื่นขึ้นมา ดวงตายังคงบวมแดง หลานเฟิงหยิบผ้าเปียกผืนหนึ่งขึ้นมา ช่วยประคบให้หลานเยี่ย
“หลานเฟิง” หลานเยี่ยลุกขึ้นกอดหลานเฟิงไว้ ความรู้สึกที่ทำให้คนรู้สึกสบายใจดี ทำให้รู้สึกหลงใหลยิ่งนัก
“หลานเฟิง อ้อมกอดของเจ้ามักทำให้สบายใจนัก”
“เช่นนั้นก็อย่าได้ออกมาตลอดชีวิต” หลานเฟิงหัวเราะพลางพูด
“เอาเถิด ชีวิตนี้เจ้าไม่อนุญาตให้ปล่อยข้า แม้เกิดไม่พร้อมกันแต่ตายหลุมเดียวกัน รับปากข้าซิ”
“อืม ไม่ปล่อยไปตลอดชีวิต”
เมื่อปล่อยหลานเฟิง หลานเยี่ยกวาดตามองสภาพแวดล้อมรอบข้างทีหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ ให้หลานเฟิง
ที่นี่ปลายทางก็เป็นจุดเริ่มต้น