(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล – ตอนที่ 187 ส่วนในตระกูลลึกลับ / ตอนที่ 188 เกี่ยวข้องกับเจ้า

ตอนที่ 187 ส่วนในตระกูลลึกลับ 

 

 

หลังจากฟังสิ่งที่เจียงหลิงบรรยายออกมา หลานเยี่ยและหลานเฟิงลงมาจากต้นไม้ จากนั้นตามเจียงหลิงไป เมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่ต่ำที่ถูกกำหนดไว้ หลานเยี่ยมองพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวขึ้นไปข้างหน้าสองก้าว ลืมตาขึ้น สิ่งที่เห็นไม่ใช่ผืนหญ้าเขียว ยังคงเป็นป่าไผ่ผืนหนึ่งเช่นเดิม 

 

 

เมื่อหันกลับไปมองข้างหลังอีกครั้งกลับไม่เห็นคนอื่นแล้ว หลานเฟิงก็ไม่ได้เข้ามา หลานเฟิงไม่เคยอยู่ห่างข้างกายตนเองมาก่อน ตอนนี้ไม่ได้ตามเข้ามา นั่นหมายความว่าหลานเฟิงเข้ามาไม่ได้ แล้วเหตุใดตนสามารถเข้ามาได้เล่า 

 

 

เพื่อที่จะไม่ทำให้หลานเฟิงเป็นกังวล หลานเยี่ยเดินออกไป ตามที่คิดไว้เขาเห็นหลานเฟิงสีหน้าร้อนรนลองทดสอบกับเขตม่านพลังไม่หยุด เมื่อเห็นหลานเฟิงเดินออกมาถึงได้ผ่อนลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง 

 

 

“ข้างในมีสภาพเช่นไร” 

 

 

“ข้างในยังคงเป็นป่าไผ่ ไม่เหมือนว่ามีอันตรายอะไร เจียงหลิงเจ้าพาคนไปเสาะหาต่อ พวกข้าสองคนก็พอแล้ว” 

 

 

“ขอรับ” เจียงหลิงนำคนออกไป ตอนนี้เหลือเพียงเขาและหลานเฟิงสองคน หลานเยี่ยพิจารณาทั้งสองคนอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรแตกต่างกัน หลังจากการค้นหาไม่มีผลลัพธ์ หลานเยี่ยจับมือหลานเฟิงเอาไว้ พาเขาเข้าไปในเขตม่านพลังพร้อมกัน 

 

 

เข้าไปในเขตม่านพลังยังคงเป็นป่าไผ่ผืนหนึ่ง สภาพแวดล้อมสีเขียวชอุ่มทำให้คนจิตใจเบิกบานแจ่มใส เมื่อก้าวเดินไปข้างหน้าสองก้าว ทางเดินก็เริ่มกลายเป็นทางลาดชัน หลานเยี่ยจับมือหลานเฟิงวิ่งลงไปช้าๆ ความรู้สึกที่ถูกลมตีหน้าช่างดีเสียเหลือเกิน 

 

 

เมื่อมาถึงปลายทางซึ่งคือทะเลสาบแห่งหนึ่ง ทะเลสาบมีขนาดเล็กมาก มีระยะห่างเพียงหนึ่งร้อยก้าวเท่านั้น เส้นทางเดินเล็กเมื่อมาถึงทะเลสาบก็แบ่งออกเป็นสองสายโดยทันใด เมื่อผ่านทะเลสาบไปแล้วก็กลับมารวมกันใหม่ 

 

 

ข้างทะเลสาบมีต้นหลิ่วคล้อยอยู่เต็มไปหมด น้ำภายในทะเลสาบใสเป็นอย่างมาก ดอกบัวหลายดอกลอยอยู่ในทะเลสาบ ส่งกลิ่นหอมลอยออกมา แล้วยังสามารถมองเห็นเหล่าปลาที่แหวกว่ายไปมาอยู่ภายใน 

 

 

หลานเฟิงและหลานเยี่ยเดินตรงต่อไป ทางเดินเล็กคดเคี้ยวมาทางซ้าย หลานเยี่ยเห็นที่นามากมายมีข้าวปลูกอยู่เต็ม มีคนสองคนคอยดูแลรวงข้าว เมื่อเห็นว่าพวกเขามาก็ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นรีบวิ่งออกมาจากนาข้า ไม่รู้ว่าไปที่ใด 

 

 

หลานเยี่ยและหลานเฟิงเดินตรงไปข้างหน้าต่อ แล้วถึงค่อยๆ ปรากฏบ้านคนขึ้นมาให้เห็น แต่จำนวนบ้านก็ดูน้อยนิดอย่างมาก มีเพียงสามสี่หลังเท่านั้นเอง ทำให้หลานเยี่ยเกิดรู้สึกอยู่ในดินแดนสุขาวดี 

 

 

สังเกตเห็นด้านข้างมีป้ายหินสลักอยู่อันหนึ่ง ข้างบนมีตัวหนังสือถูกสลักไว้ แต่หลานเยี่ยอ่านไม่ออก แต่เมื่อดูลายเส้นตัวหนังสือ กลับแลดูเหมือนเกิดจากฝีมือคนเดียวกันกับที่เขียนตัวหนังสือในอุโมงค์ลับเขาเทียนปี้ 

 

 

ท้องฟ้าที่นี่สีฟ้าแจ่มใสอย่างมาก ไม่ได้มีความแตกต่างมากมายจากโลกภายนอก เสียงน้ำไหล เสียงนกร้อง กลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ล้วนมีครบสมบูรณ์ ธรรมชาติไม่เคยตระหนี่ ดอกไม้ ใบหญ้ามาเติมเต็มโลกใบนี้ ที่นี่ยิ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจน 

 

 

หลานเยี่ยคิดจะไปยังสอบถามคนทางนั้นว่าสถานที่แห่งนี้คือที่ใด เหตุใดจึงมีสถานที่เช่นนี้ แต่เมื่อหลานเยี่ยลองเคาะประตูบ้านสองสามหลังดูล้วนไม่มีใครเปิดประตูออกมา ดูท่าเหมือนไม่มีใครอยู่ 

 

 

เมื่อมาถึงหลังสุดท้าย หลานเยี่ยพบว่าภายในมีผู้คนรวมตัวกันมากมาย คนที่เจอในนาข้าวเมื่อครู่นี้ก็อยู่ที่นี่ ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็กล้วนมีความคล้ายคลึงกัน หลานเยี่ยแปลกใจอย่างมาก 

 

 

ประตูไม่ได้ปิด หลานเยี่ยเคาะประตูสองสามที ผู้ใหญ่ไม่ได้ตอบรับเขา กลับเป็นเด็กๆ ที่แอบชำเลืองมองเขาทีหนึ่ง แต่ก็หันหน้าหนีกลับในทันใด 

 

 

หลานเยี่ยเหลือบมองร่างกายตนเองทีหนึ่ง ไม่พบว่ามีอะไรที่ไม่เหมาะสม มองร่างกายของหลานเฟิงทีหนึ่ง ก็ไม่มีอะไร 

 

 

ตรงกลางห้องมีผู้เฒ่าผมขาวโพลนถูกล้อมรอบไว้ ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาขุ่นมัวภายในเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่โชกโชน มองหลานเยี่ยและหลานเฟิง 

 

 

“ท่านประมุขตระกูลหลาน ท่านมาแล้ว” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 188 เกี่ยวข้องกับเจ้า  

 

 

ได้ยินผู้เฒ่าเอ่ยปาก หลานเยี่ยก้าวข้ามคานประตู เดินก้าวใหญ่ตรงไปข้างใน หลานเฟิงตามไปข้างหลั งเมื่อมาถึงภายในห้อง หลานเยี่ยทำท่าแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าผู้นั้น 

 

 

“ท่านรู้ตัวตนของข้าได้อย่างไร” หลานเยี่ยเอ่ยปากสอบถาม สายตาของผู้เฒ่าผู้นั้นทอดมองอยู่บนตราหยกตรงเอวของหลานเยี่ย 

 

 

“ตราหยกประมุขตระกูลนี้หลายปีมาแล้วที่ไม่ได้พบ” ​หลานเยี่ยมองช่วงเอวของตนเองก็เข้าใจในทันที 

 

 

“ตามปกติแล้ว ข้าควรต้องทำความเคารพท่านถึงจะถูก ข้าถือเป็นคนตระกูลหลาน แต่เพราะไม่สะดวกขยับเคลื่อนกาย ขอให้ท่านประมุขให้อภัยด้วยเถิด” 

 

 

“ท่านเป็นคนตระกูลหลานอย่างนั้นหรือ” หลานเยี่ยยังคงใช้คำสุภาพ เช่นนี้ทำให้คนเกิดความรู้สึกชื่นชมขึ้นมา ให้คนข้างๆ หาเก้าอี้มาให้หลานเยี่ย คนข้างๆ ไปย้ายเก้าอี้มาสองตัว หลานเยี่ยนั่งลง หลานเฟิงนั่งอยู่ข้างหลานเยี่ย 

 

 

“ท่านผู้นี้คือคนตระกูลเยี่ยกระมัง หากพ่อเฒ่าเดาไม่ผิด ตอนนี้น่าจะเป็นประมุขตระกูลเยี่ย” ผู้เฒ่าพูดออกมาเช่นนี้ 

 

 

“เพราะเหตุบางประการ ตอนนี้ข้าเป็นองครักษ์ของท่านประมุขตระกูลหลาน” หลานเฟิงตั้งแต่เข้ามาไม่ได้ดลความหวาดระแวงลง แต่ประโยคเดียวของผู้เฒ่าทำให้เขาสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย 

 

 

“ถึงแก่เวลาแล้วจริงด้วย ใต้หล้าวุ่นวาย หากเจ้าและประมุขตระกูลหลานไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน ก็หมายความว่ายังไม่ถึงแก่เวลา ตอนนี้ดูแล้วคงจะถึงแล้ว” ผู้เฒ่าพูดบางอย่างออกมา ทำให้หลานเยี่ยไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก 

 

 

“ท่านอาวุโสหมายถึงอะไรหรือ” 

 

 

“พวกเราครอบครัวนี้ เมื่อพันปีก่อนได้ย้ายจากตระกูลหลานมาอยู่ที่นี่ นายท่านหลานเจ๋อตั้งเขตม่านพลังด้วยตนเอง” 

 

 

“ท่านพูดถึงหลานเจ๋อหรือ ประมุขตระกูลหลานเมื่อพันปีก่อน” 

 

 

“ใช่ ในเมื่อพวกเจ้าหาที่นี่พบ เรื่องบางอย่างข้าจะบอกพวกเจ้าก็แล้วกัน” ผู้เฒ่าหลับตาลง เหมือนกำลังหวนคิดเรื่องอะไรบางอย่าง  

 

 

“บรรพชนของครอบครัวนี้คือคนสนิทของท่านประมุขหลานเจ๋อ ตอนนั้นมุกหลิววั่งสะกดผนึกชิวจือเว่ยและหลานเซียวไว้ ท่านประมุขและนายท่านชังหลานจึงไม่อาจครองคู่กันไปกันตลอด 

 

 

แต่ท่านประมุขก็ปล่อยวางนายท่านชังหลานไม่ได้ ตอนนั้นจึงเดินทางไปทั่วใต้หล้า ค้นหาวิธีให้ตกทอดกันมาถึงอนาคต ในที่สุดท่านประมุขก็หาจนพบ 

 

 

ท่านประมุขนำวิญญาณของตนเองสะกดอยู่ภายในของสิ่งนั้น จากนั้นก็เพิ่มเขตม่านพลัง ให้นายท่านชังหลานไม่อาจสัมผัสการดำรงอยู่ของเขาได้ เพราะพันปีก่อนหน้านี้มีเรื่องมากมายที่ยังไม่มีจุดจบถูกทิ้งเอาไว้ จำต้องจัดการ 

 

 

เขาถือตนเองให้เป็นจุดเปลี่ยน ดึงดูดให้คนในอนาคตวาดจุดจบให้กับเรื่องเมื่อพันปีก่อน หลังจากท่านประมุขผนึกตนเองเอาไว้ในของชิ้นนั้นแล้ว คนตระกูลหลายจึงมีพลังวิญญาณอีกหนึ่งชนิดเพิ่มขึ้น ซึ่งคือ แหล่งพลังวิญญาณเดิม 

 

 

ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเลว พลังวิญญาณเดิมสามารถเป็นอาวุธชนิดหนึ่ง แต่หลังจากใช้หมดแล้วกลับกลายเป็นฆาตกรที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตชนิดหนึ่ง” พูดถึงตรงนี้ผู้เฒ่าเหลือบมองหลานเยี่ยทีหนึ่ง 

 

 

หลานเยี่ยรู้สึกได้ถึงสายตาของผู้เฒ่า เขาขับเอาพลังวิญญาณดั้งเดิมของตนเองออกมา พลังวิญญาณสีฟ้าเข้มเหลือเพียงหนึ่งในสามเท่านั้น หากใช้อีกครั้งหนึ่งก็อยู่ห่างจากความตายไม่มากแล้ว 

 

 

“เมื่อถึงยามที่อายุขัยของท่านประมุขใกล้หมดลง ท่านประมุขสั่งให้ข้ารอ นำเอาความลับนี้รักษาไว้ต่อไป ฉะนั้นข้าจึงมารอที่นี่ เมื่อรอก็คือเวลาหนึ่งพันปี 

 

 

ท่านประมุขได้ให้วิชาลับประเภทหนึ่งกับพวกเราเอาไว้ ทำให้ความทรงจำของพวกเราถ่ายทอดจากรุ่นไปสู่รุ่น ฉะนั้นที่จริงแล้วตอนนี้ข้าจึงมีความทรงจำเกือบหนึ่งพันปี ช่วงเวลาหนึ่งพันปียาวนานเกินไป ทำให้ข้ารอไม่ไหวอีกต่อไป โชคดี พวกเจ้ามาแล้ว” 

 

 

“เพียงแค่หาของชิ้นนั้นพบก็สามารถเรียกท่านประมุขหลานเจ๋อกลับมาได้แล้วใช่หรือไม่ สามารถกำจัดขีดจำกัดของพลังวิญญาณเดิมได้ใช่หรือไม่” ผู้เฒ่าพูดจบ หลานเยี่ยก็ถามออกมาด้วยความร้อนรน 

 

 

“โปรดบอกข้า ของสิ่งนั้นคืออะไร” 

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

Author:
ความลับมากมายเวียนวนอยู่รอบตัว หลานเยี่ย มาโดยตลอด ความลับที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ทั้งบุรุษในความฝันที่เขามักจะได้พบอยู่ทุกค่ำคืน ทั้งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่าที่แม้ชื่อเขาก็ไม่เคยยินมาก่อน…ยังมีความลับอีกมากเท่าไรหลบซ่อนตัวอยู่ในความทรงจำที่ขาดหาย หรือ หลานเฟิง องครักษ์หน้านิ่งที่เขาหลงรักผู้นี้เองก็เก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้เช่นกัน ถึงไม่เคยตอบรับรักเขาเลยสักที… หนึ่งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่า เชื่อมโยงสองดวงวิญญาณที่ถูกปิดผนึก และความทรงจำอันทุกข์ระทมที่มิอาจหวนนึกถึง ความลับอะไรกันแน่ที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ม่านรัตติกาลนี้ ใต้หล้านี้ดูเหมือนจะสงบสุข แต่ลับหลังนั้นมีเรื่องวุ่นวายมากเพียงใด ความสงบสุขกว่าพันปีจะต้องถูกทำลายลงอีกครั้งจริงหรือ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset