(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล – ตอนที่ 191 ชาตินี้ไม่เปลี่ยนไป / ตอนที่ 192 สภาพจิตใจ

ตอนที่ 191 ชาตินี้ไม่เปลี่ยนไป

 

 

หลังจากหลานเยี่ยรักษาอาการบาดเจ็บให้อวี่มั่วไปกว่าครึ่ง ก็ไปดูเทียนซี ตอนนี้เทียนซีไม่มีปฏิกิริยาแล้ว นั่งนิ่งๆ อยู่บนพื้นเช่นนี้

 

 

หลานเยี่ยจับข้อมือของเขา พบว่าพลังวิญญาณของเทียนซีไม่มีอีกเหลืออีกแล้ว ลมหายใจวุ่นวายปนเป เหตุเพราะได้รับส่วนผสมยาตั้งแต่เด็ก ชีพจรของเทียนซีจึงไม่เหมือนกับคนทั่วไป

 

 

เลือดร้อนปะทะหัวใจ ลมหายใจไม่เป็นระเบียบ นอกจากสิ่งเหล่านี้อย่างอื่นก็ไม่ได้เป็นปัญหามาก เทียนซียังพอมีสติอยู่เล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองหลานเยี่ยที่อยู่หน้าเขา

 

 

“เจ้ามาทำไม ล้วนเป็นความผิดของเจ้า ตระกูลเทียนถูกขจัด ล้วนเป็นความผิดของเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า พวกเราก็คงอยู่ที่หอต้วนอวิ๋นอย่างมีความสุข เหตุใดเจ้าต้องปรากฏตัวขึ้น” หลานเยี่ยไม่เคยพบเทียนซีที่เป็นเช่นนี้มาก่อน เทียนซีในความทรงจำนั้นอ่อนโยน ไม่ได้เป็นเช่นนี้

 

 

หลานเยี่ยครุ่นคิด ตอนแรกที่หลานชิงเกิดเรื่อง ตนเองมีปฏิกิริยาเช่นไร ช่วงที่นิ่งค้างไปนั้น หลานเฟิงเดินเข้ามาอุ้มหลานเยี่ยออกไป เดินออกไปพลางหันไปรับมือกับเทียนซีที่ซัดพลังวิญญาณมาทางหลานเยี่ย

 

 

หลานเฟิงปกป้องร่างกายของหลานเยี่ยเอาไว้ เทียนซีเริ่มพุ่งเป้าโจมตีหลานเยี่ย จู่ๆ อวี่มั่วก็ใช้แรงทั้งหมดเข้ามากอดเทียนซีเอาไว้จากข้างหน้า พลังวิญญาณของเทียนซีที่เพิ่งซัดออกมาปะทะเข้าร่างอวี่มั่วพอดิบพอดี อวี่มั่วครางออกมาทีหนึ่ง

 

 

เทียนซีเห็นอวี่มั่วกอดเขาเอาไว้ จึงบอกให้เขาออกไป อวี่มั่วกอดเทียนซีเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อยมือ เทียนซีเห็นอวี่มั่วไม่ยอมถอยออก ใบหน้าบิดเบี้ยวตีลงบนหลังอวี่มั่วอย่างแรงไม่หยุด อวี่มั่วเพียงแค่ทนรับไว้

 

 

“เสี่ยวซี ไม่ว่าเจ้าจะฟังหรือไม่ ข้าก็จะพูด” อวี่มั่วพูดไปพลาง รับการโจมตีของเทียนซีไปพลาง

 

 

“ตระกูลเทียนเกิดเรื่อง เป็นความผิดของข้า หากเจ้าคิดว่าข้าสมควรตาย เช่นนั้นก็ฆ่าข้าเถิด ข้าจะไม่มีคำกล่าวโทษแม้แต่ประโยคเดียว

 

 

แต่เทียนซี เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้ อย่าจากข้าไป อย่าไม่สนใจข้า ต่อให้เจ้าตีข้าก็ดี ด่าข้าก็ดี จะฆ่าข้าก็ดี ข้าล้วนไม่พูดอะไรทั้งนั้น

 

 

เสี่ยวซี ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพูดมาก่อนไม่ใช่หรือ พวกเราอยู่ด้วยกัน พ่อแม่ของข้าก็คือพ่อแม่ของเจ้า ตระกูลเทียนถูกกำจัด ความแค้นนี้ข้าจะช่วยเจ้าเรียกร้องกลับมา แต่เจ้าอย่าได้กลัว เจ้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเท่านั้น

 

 

บนโลกใบนี้ไม่ได้เหลือเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น เจ้ายังมีข้า ยังมีเสด็จแม่ เจ้ายังมีผองเพื่อนมากมายจากหอต้วนอวิ๋น เจ้ายังพูดไม่ใช่หรือว่าจะทำให้วังหลังกลายเป็นลักษณะเช่นหอต้วนอวิ๋น

 

 

ข้ากำลังแก้ไขแล้ว รออีกสองวัน พวกเราก็จะเป็นเหมือนหอต้วนอวิ๋น ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สนุก ครึกครื้น เรื่องที่ไม่มีความสุขทั้งหลายล้วนลืมเลือนไป” ตอนที่อวี่มั่วพูดถึงหอต้วนอวิ๋นนั้น เทียนซีก็หยุดการโจมตีที่มีต่อเขาลง แต่น้ำตากลับไหลลงมาไม่หยุด

 

 

“หอต้วนอวิ๋น…” เทียนซีพูดพึมพำ

 

 

“ใช่ หอต้วนอวิ๋น หอต้วนอวิ๋นเองก็เป็นบ้านของเจ้า หลังจากนี้วังหลวงก็เป็นบ้านของเจ้า หากเจ้าอยากไปที่ใด ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่น เสี่ยวซี ข้าคือบ้านของเจ้า เจ้าไม่ได้สูญเสียบ้านไป

 

 

คนตระกูลเทียนย่อมไม่คาดหวังให้เจ้าเสียใจ ย่อมต้องคิดให้เจ้าสบายดี แม้ตอนแรกพวกเขาจะยังไม่ยอม แต่กลับไม่ได้ทำเรื่องอะไร เพื่อคนตระกูลเทียน เจ้าจะต้องมีชีวิตที่ดีต่อไป

 

 

เจ้ารู้หรือไม่ พวกเรายังไม่เคยหมั้นหมายกันอย่างเป็นทางการเลย! ข้ายังไม่ได้ชดเชยของหมั้นร้อยลี้ให้เจ้า ยังไม่ได้อุ้มเจ้าลงมาจากเกี้ยวดอกไม้ ยังไม่ได้กินเหล้าคล้องแขน ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ไม่ได้ทำ ฉะนั้นเสี่ยวซี ลืมเรื่องราวทุกข์ใจเหล่านั้นลงเถิด ข้าจะจัดการแทนเจ้าทั้งหมด เชื่อข้าดีหรือไม่”

 

 

ตอนที่พูดมาครึ่งหนึ่ง เทียนซีก็ได้สติขึ้นมาแล้ว มองดูอวี่มั่วที่บาดเจ็บเพราะตน เทียนซีก็กอดเขาไว้แน่น

 

 

“ขอโทษ อวี่มั่ว ข้าขอโทษ ตระกูลเทียนสำหรับข้าสำคัญมากเกินไป ข้ารับไม่ได้ แต่ข้าก็ไม่คิดจะจากเจ้าไป ข้อขอโทษ ข้าไม่มีตระกูลเทียนแล้ว ไม่อาจไม่มีเจ้าได้อีก” ตอนนี้เทียนซีร้องไห้เหมือนเด็กน้อยขึ้นมา

 

 

“ข้าไม่เป็นอะไร เจ้าอย่าร้องไห้ ไม่น่ามองแล้ว” อวี่มั่วเช็ดน้ำตาให้เขา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 192 สภาพจิตใจ

 

 

หลานเยี่ยเห็นทั้งสองคนสงบลงแล้ว เทียนซีไม่เป็นอะไรแล้ว ฉะนั้นจึงจากออกไปพร้อมหลานเฟิง

 

 

ตอนที่ออกไปนั้นหลานเยี่ยบอกทหารพลังหน้าประตูว่าหลังจากนี้ครึ่งชั่วยามให้เขาเรียกหมอหลวงมา แม้วิชาการแพทย์ของเทียนซีจะดีเป็นอย่างมาก แต่เทียนซีในตอนนี้คาดว่าไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลืออะไรได้

 

 

หลานเยี่ยเดินนำอยู่ข้างหน้าช้าๆ หลานเฟิงเดินตามหลังช้าๆ หลานเฟิงมองออก เรื่องเมื่อครู่นี้ส่งผลกระทบต่อหลานเยี่ยมากเหลือเกิน

 

 

คำพูดเหล่านั้นที่เทียนซีพูด แม้จะพูดออกมาเพราะความโมโห แต่อย่างไรตระกูลเทียนทั้งตระกูลก็ถูกทำลาย ความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ จะรับไหว ปฏิกิริยาของเทียนซีก็ถือเป็นสิ่งที่สมเหตุผล

 

 

“หลานเฟิง” จู่ๆ หลานเยี่ยก็หยุดลง หมุนตัวหันกลับมามองหลานเฟิง หลานเฟิงก็มองเขา

 

 

“หลานเฟิง ข้าจะกำจัดตระกูลเยี่ย เดี๋ยวนี้” หลานเยี่ยพูดประโยคหนึ่งออกมาด้วยความเด็ดเดี่ยว

 

 

“ได้”

 

 

ทั้งสองคนมาถึงพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างจิ่วหลิวและตระกูลเยี่ย ทหารพลังตระกูลหลานในพื้นที่จิ่วหลิวมีการพักปรับระเบียบกันชั่วคราว หลังจากพวกเขาสองคนพบคนเหล่านั้นแล้ว ก็พบว่ามู่หลีและชิวลั่วก็อยู่ด้วย

 

 

“มู่หลี เหตุใดเจ้าจึงกลับมาแล้วเล่า”

 

 

“มาช่วย เจ้าลำบากเช่นนี้ การที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหลาน ข้าจะอยู่เฉยดูเรื่องวุ่นได้อย่างไร”

 

 

“ขอบใจ”​ หลานเยี่ยพูดขอบคุณ

 

 

วันนี้วิ่งไปวิ่งมาทั้งวัน จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว ทหารพลังตื่นตัวเฝ้าสังเกตการณ์ด้านนอกอยู่ตลอดเวลา ป้องกันการลอบโจมตีจากตระกูลเยี่ยกลุ่มจิ้งจอกราตรีที่ไปเขาเทียนปี้เพราะมีหลานเม่ยอยู่ฉะนั้นส่วนใหญ่จึงกลับมาแล้ว จิ้งจอกราตรีที่ไปราชสำนักหลังจากทำภารกิจสำเร็จก็กลับมาแล้วเช่นกัน

 

 

ตอนนี้กลุ่มจิ้งจอกราตรีของตระกูลเยี่ยกลับมาประจำที่ หลังจากนี้จะต้องเป็นศึกหนักอีกสนามอย่างแน่นอน

 

 

“มู่หลี ครั้งนี้พวกเจ้ากลับมาทำอะไร” หลานเยี่ยถามพวกเขา

 

 

“ข้าตั้งใจจะรวบรวมแหล่งข่าวในพื้นที่จิ่วหลิว กำจัดสายสืบจิ้งจอกราตรีในพื้นที่จิ่วหลิวออกไปให้สิ้นซาก

 

 

สถานการณ์ในพื้นที่จิ่วหลิวซับซ้อนเกินไป ก่อนหน้านี้ข้าไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถกำจัดได้หมดสิ้น ครั้งนี้ข้าและชิวลั่วไปมาหลายพื้นที่ เข้าใจเรื่องบางอย่างมากขึ้น และครอบครองข่าวสารของทุกคน

 

 

สถานการณ์ทางด้านตระกูลเยี่ยข้าเองก็รู้ ตระกูลเยี่ยตอนนี้แตกซ่านกระจัดกระจาย แต่ลาที่ผอมแห้งตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า หากสายลับในพื้นที่จิ่วหลิวทั้งหมดเริ่มลงมือพร้อมกันแล้วละก็

 

 

การทำลายล้างจะยิ่งใหญ่อย่างมาก พวกเขากระจายกันไปในหลากหลายอาชีพที่ต่างกัน อาจจะกระทบต่อราชสำนัก เขาเทียนปี้ และตระกูลหลานในเวลาเดียวกัน ก่อนกลางวันพรุ่งนี้ ข้าจะจัดการเรื่องในพื้นที่จิ่วหลิวให้เสร็จ

 

 

ขอแค่ก่อนหน้านั้นเจ้าสามารถรับมือการโจมตีของตระกูลเยี่ยได้ก็พอ”

 

 

“ไม่มีปัญหา ลำบากเจ้าแล้ว” หลานเยี่ยพูดไปพลางมองชิวลั่วที่อยู่ข้างกายมู่หลีไปพลาง หลานเยี่ยพอจำได้ว่าตอนแรกที่ความทรงจำของตนยังไม่กลับมานั้น คนผู้นี้น่าจะอาศัยอยู่ที่หอไป๋ฮวามาโดยตลอด

 

 

มู่หลีเห็นหลานเยี่ยไม่ได้พูดอะไรอีก ก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาทีหนึ่ง กลับพบว่าเขากำลังจ้องเขม็งมองชิวลั่ว

 

 

“ทำอะไรน่ะ” มู่หลีเอ่ยปากถาม หลานเยี่ยได้สติกลับมา

 

 

“ไม่มีอะไร” หลานเยี่ยยิ้มแห้ง บอกปัดลวกๆ

 

 

“ความทรงจำของเจ้าไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมดใช่หรือไม่” แม้ชิวลั่วจะเคยบอกมู่หลีวว่าหลานเยี่ยจำหลานเฟิงได้แล้ว แต่กลับไม่ได้พูดถึงอย่างอื่น บทสนทนาคราวนี้และสายตาที่เขามองชิวลั่วทำให้เขาสงสัยว่าหลานเยี่ยยังไม่ได้ฟื้นความทรงจำทั้งหมด

 

 

“ฟื้นกลับมากว่าครึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าเคยพบเจ้าที่หอไป๋ฮวามาก่อนใช่หรือไม่” ได้ยินคำว่าหอไป๋ฮวาสามคำนี้ หลานเฟิงหันมองหลานเยี่ยในทันที หลานเยี่ยรีบปิดปากในทันใด

 

 

“ท่านไม่ได้จำผิด ข้าเคยอยู่ที่หอไป๋ฮวามาก่อน แล้วยังเคยรับท่านผู้นี้อยู่หลายครั้งด้วย” ชิวลั่วยิ้มหลงชี้ไปที่หลานเฟิง

 

 

คราวนี้ถึงตาหลานเยี่ยจ้องเขาแล้ว หลานเฟิงกลับสีหน้าไม่เปลี่ยน เพียงแค่ถลึงตามองชิวลั่วเท่านั้น

 

 

“พวกเราควรไปแล้ว ทางนี้มีพวกเขาคอยดูอยู่ ไม่ต้องเป็นกังวล” หลานเฟิงเปลี่ยนเรื่องสนทนา

 

 

“ได้” หลานเยี่ยกลับจ้องเขาเขม็ง เหมือนจะมองทะลุผ่านเขาไปเสียอย่างนั้น

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

(Yaoi) ใต้ม่านรัตติกาล

Author:
ความลับมากมายเวียนวนอยู่รอบตัว หลานเยี่ย มาโดยตลอด ความลับที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ ทั้งบุรุษในความฝันที่เขามักจะได้พบอยู่ทุกค่ำคืน ทั้งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่าที่แม้ชื่อเขาก็ไม่เคยยินมาก่อน…ยังมีความลับอีกมากเท่าไรหลบซ่อนตัวอยู่ในความทรงจำที่ขาดหาย หรือ หลานเฟิง องครักษ์หน้านิ่งที่เขาหลงรักผู้นี้เองก็เก็บซ่อนบางอย่างเอาไว้เช่นกัน ถึงไม่เคยตอบรับรักเขาเลยสักที… หนึ่งสมบัติวิเศษแสนล้ำค่า เชื่อมโยงสองดวงวิญญาณที่ถูกปิดผนึก และความทรงจำอันทุกข์ระทมที่มิอาจหวนนึกถึง ความลับอะไรกันแน่ที่แอบซ่อนอยู่ภายใต้ม่านรัตติกาลนี้ ใต้หล้านี้ดูเหมือนจะสงบสุข แต่ลับหลังนั้นมีเรื่องวุ่นวายมากเพียงใด ความสงบสุขกว่าพันปีจะต้องถูกทำลายลงอีกครั้งจริงหรือ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset