คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 149 ฟ้าดินดับสูญ

“ที่แท้ง่ายดายขนาดนี้ ความหมายคือข้าเพียงแค่ปล่อยไฟนรกออกมาอย่างต่อเนื่องก็พอ?” เดิมทีจินเฟยเหยาคิดจะรับฟังอย่างละเอียดว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร ไหนเลยจะรู้ว่าหลังจากฟังเขาพูดจบ จึงพบว่าง่ายดายขนาดนี้ และไม่จำเป็นต้องระวังเลยสักนิด

“แต่ข้ามาถึงที่นี่ก็ควบคุมไฟนรกไม่ได้ จะนำไฟนรกออกมาได้อย่างไร” จินเฟยเหยาพลันนึกถึงเรื่องสำคัญที่สุดขึ้นมาได้ จึงลูบศีรษะพลางเอ่ย

บุรุษเผ่ามารเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าวางใจ ข้าจะช่วยเจ้าชักนำไฟนรกออกมา เจ้าเพียงแค่รักษาสติให้แจ่มใสก็พอ”

“อืม ได้ แต่เจ้าให้มัดจำข้ามานิดหนึ่งก่อนได้หรือไม่?” จินเฟยเหยายืนมองเขาอย่างจริงจังอยู่ข้างสระโลหิต

บุรุษเผ่ามารมองจินเฟยเหยาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก สายตาแหลมคมราวกับจะทิ่มแทงร่างนางให้เป็นรูหลายสิบรู ทำให้นางเบนศีรษะไปด้านข้างไม่กล้าสบสายตากับเขา

“ข้าจะมอบเคล็ดวิชาสร้างร่างมารให้เจ้าก่อน ถึงเวลาจิตใจเจ้าจะได้ใช้การได้ ไม่กระทบถึงการกระทำในอีกสักครู่” ในที่สุดบุรุษเผ่ามารก็รั้งสายตากลับ เอ่ยอย่างเย็นชา

จินเฟยเหยาถูมือ เอ่ยอย่างขัดเขินนิดหน่อย “ขอบคุณเจ้ามาก ขอโทษด้วยจริงๆ”

สำหรับนางที่ปากกับใจไม่ตรงกัน บุรุษเผ่ามารไม่คิดจะเอาเรื่องมากนัก เห็นเขามองในสระโลหิตแวบหนึ่ง สิ่งของที่เปียกโลหิตชิ้นหนึ่งก็ลอยออกมาจากในนั้นพุ่งตรงเข้าหาจินเฟยเหยา

จินเฟยเหยายื่นมือมารับสิ่งของชิ้นนี้ มองดูอย่างละเอียด ที่แท้เป็นหนังที่เปื้อนโลหิตสดเต็มไปหมดชิ้นหนึ่ง คุณสมบัติของหนังยังไม่เลว ถือไว้ในมือรู้สึกอ่อนนุ่ม นางเช็ดโลหิตสดบนนั้นทิ้งด้วยการเช็ดบนต้นหญ้า เผยให้เห็นสีพื้นที่ค่อนข้างขาวด้านล่าง

บนหนังชิ้นนี้เขียนอักษรสีแดงไว้จำนวนไม่น้อย จินเฟยเหยาแยกแยะอย่างละเอียด เนื้อหาด้านในลึกซึ้ง เป็นเคล็ดวิชาชั้นสูงจริงๆ ด้วย

เห็นจินเฟยเหยาขมวดคิ้ว จ้องมองเนื้อหาบนหนังด้วยสีหน้าครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง บุรุษเผ่ามารจึงเอ่ยถาม “เจ้าอ่านภาษาเผ่ามารออกหรือ?”

“…”

จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นมองเขาราวกับเคียดแค้น จากนั้นหิ้วหนังผืนนี้ขึ้นแล้วเอ่ยว่า “เจ้าไม่มีสิ่งของที่สะอาดหน่อยบันทึกเคล็ดวิชาหรือ? ข้าเอาแผ่นหยกให้เจ้าใช้อักษรเผ่ามนุษย์เขียนอีกรอบดีกว่า ของสิ่งนี้เปื้อนโลหิต คนที่ไม่รู้อาจนึกว่าข้าถลกหนังใครมา?”

“เจ้าตาบอดหรือ? ถ้าข้าสามารถควบคุมการรับรู้จดบันทึกสิ่งของบนแผ่นหยกได้อย่างอิสระ ข้ายังต้องตามหาเจ้าหรือ?” บุรุษเผ่ามารเอ่ยตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ดังเดิม ในคำพูดไร้ความอดทนอยู่บ้าง จินเฟยเหยายกหนังชิ้นนี้ขึ้น มองในสระโลหิตอย่างไม่ยินยอม สงสัยว่าด้านในใช่ซ่อนสิ่งของดีๆ ไว้มากมายหรือไม่

“สิ่งที่เจ้าถืออยู่ในมือคือหนังมนุษย์ชิ้นหนึ่ง ข้าถลกออกมาจากร่างผู้บำเพ็ญเซียนที่ทำให้ข้าไม่พอใจเหล่านั้น ใช้จดบันทึกได้ไม่เลว สะดวกกว่าแผ่นหยกมากนักเพียงใช้ความคิดควบคุมโลหิตสดก็สามารถเขียนลงไปได้ ไม่ต้องสิ้นเปลืองการรับรู้ ถ้าเจ้ายังอยากได้ ข้ายังสามารถมอบเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่ของเผ่ามารให้เจ้าเปล่าๆ ฉบับหนึ่ง ถ้าเจ้าอ่านอักษรเผ่ามารไม่ออก ข้าสามารถจับมือสอนอธิบายเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่ให้เจ้าฟัง” ราวกับมองทะลุความคิดนาง บุรุษเผ่ามารหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เริ่มขยะแขยงนางอย่างกะทันหัน

ฟังคำพูดของเขา แม้แต่มองจินเฟยเหยาก็ไม่มองเคล็ดวิชาหนังมนุษย์ในมือของเขาอีก สะบัดมือโยนเข้าไปในถุงเฉียนคุนทันที จากนั้นเบ้ปากเอ่ยว่า “เมื่อครู่เจ้าเพิ่งบอกว่าหน้าตาอย่างข้ายังไม่มีคุณสมบัติล้างเท้าให้เจ้า เหตุใดตอนนี้จึงคิดจะเอาเปรียบข้า? เคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่เผ่ามารอะไร เป็นเคล็ดวิชาดึงพลังหยางสินะ เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ ข้าไม่สนใจ ข้าไม่ใช่คนที่หนังมนุษย์แผ่นหนึ่งสามารถขู่ขวัญได้ เจ้าอย่ายุ่งดีกว่า”

“ฮึ” บุรุษเผ่ามารส่งเสียงอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไรอีก ทว่าเตือนให้นางอย่าเอ่ยวาจาไร้สาระ ทำเรื่องโง่งมให้น้อยๆ หน่อย และเริ่มทำเรื่องสำคัญได้แล้ว

ได้พบกับคนที่เลือดเย็นไร้หัวใจ พลังการบำเพ็ญเพียรก็สูงส่งเหนือธรรมดาเช่นนี้ จินเฟยเหยาก็ไม่กล้าเสียดสีเขา นางจึงทำท่าทางจริงจัง

นางนั่งขัดสมาธิข้างสระโลหิตแต่โดยดี จากนั้นได้ยินเขาสั่งกำชับให้เข้าสู่สภาวะการฝึกบำเพ็ญในยามปกติ เพื่อให้สามารถเรียกไฟนรกที่ถูกสะกดไว้ออกมาได้อย่างราบรื่น ต้องอยู่ใกล้บุรุษเผ่ามารแบบยิ่งใกล้ยิ่งดี

นางอยากได้เงินแบบไม่รักชีวิตชัดๆ เรื่องที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ยังกล้าทำ แม้แต่ตัวจินเฟยเหยาก็ยังทอดถอนใจชื่นชมในความกล้าของตนเอง เผ่ามารก็คือเผ่ามาร มอบผลประโยชน์ให้เพียงเล็กน้อยก็สามารถคว้าจุดอ่อนของเจ้าได้ทันที นี่เป็นสิ่งที่จินเฟยเหยาทอดถอนใจที่สุดในยามนี้ คนตายเพราะสมบัติ นกตายเพราะอาหาร ต้องมีสักวันที่ตนเองเสียเปรียบเพราะเรื่องนี้

บังคับดึงไฟนรกออกมาตามที่บุรุษเผ่ามารบอกไม่มีอุปสรรคอะไร เพียงแค่สติพร่าเลือนอยู่บ้าง รักษาสติแจ่มใสไว้ก็พอ ดังนั้นจินเฟยเหยาจึงไม่กังวลเลยสักนิด เชื่อมั่นว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ตนเองรับมือไหว

หลังจากจินเฟยเหยานั่งลง ก็มองตรงไปยังบุรุษเผ่ามารในสระโลหิต ดวงตาจ้องมองกล้ามเนื้อบนร่างของเขา อดครุ่นคิดถึงผิวของเขาไม่ได้ สีผิวของเขาไม่ใช่แบบที่จินเฟยเหยาชอบ ที่นางชอบที่สุดคือสีเป็ดย่าง ทว่าสีผิวของบุรุษเผ่ามารผู้นี้ขาวซีดเกินไป เนื้อไก่สีขาวแล่บางๆ[1] ไม่ใช่อาหารที่จินเฟยเหยาชอบมาตลอด ดูแล้วมันเลี่ยนไม่พอ

ในขณะที่นางครุ่นคิดวุ่นวาย ก็เห็นอะไรบางอย่างยื่นออกมาจากในโลหิตสีแดงใต้เอวของบุรุษเผ่ามาร หยาบหนาและยาวอย่างยิ่ง

จินเฟยเหยาจ้องมองอย่างแปลกใจ หลังมองดูอย่างละเอียด อดด่าทอในใจประโยคหนึ่งไม่ได้ “ทำอะไรน่ะ ที่แท้เป็นหาง ข้านึกว่าอะไรเสียอีก คนเผ่ามารมีหางงอกด้วย ที่แท้แตกต่างจากเผ่ามนุษย์มาก”

หางที่ยาวและเต็มไปด้วยเกล็ดแข็งเหมือนจระเข้ยื่นออกมาจากสระโลหิต ยาวถึงห้าหกฉื่อเต็มๆ บนเกล็ดแข็งยังมีหนามแหลมสั้นๆ สีดำเป็นประกายจำนวนนับไม่ถ้วน

ไม่รู้ว่าเขายื่นหางออกมาคิดจะทำอะไร แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยสั่งกำชับไว้ว่าห้ามจินเฟยเหยาขยับตัวเด็ดขาด ดังนั้นนางจึงเพียงแค่เบิกตามองอย่างประหลาดใจ

เสียงดังฟุ่บ หางของเขาพลันผ่านเบื้องหน้าจินเฟยเหยาไปอย่างรวดเร็ว บนหน้าผากของนางปรากฏรูเล็กๆ ขึ้นในพริบตา โจมตีอย่างรวดเร็วยิ่ง ตรงบาดแผลไม่มีแม้แต่โลหิตไหลออกมา

จากนั้นเห็นบุรุษเผ่ามารตวาดดังลั่น สองตาปรากฏแสงสว่าง จินเฟยเหยาก็หมดสติไปอย่างงดงามอีกครั้ง จากนั้นไฟนรกสีฟ้าดำขนาดเท่ากำปั้นดวงหนึ่งลอยออกมาจากบาดแผลบนหน้าผากของนาง

ในชั่วพริบตาที่ไฟนรกปรากฏขึ้น ภูเขาเห็ดสั่นสะเทือน ปิศาจโลหิตทั้งหมดพุ่งขึ้นสู่ยอดเขาราวกับบ้าคลั่ง เปลี่ยนไปจากสภาพหลบหลีกเมื่อครู่

น้ำโลหิตในสระโลหิตที่สงบนิ่งมาตลอดปั่นป่วนขึ้นมา พบว่ามีเสียงดังชี่ๆ ครู่หนึ่งทั้งหมดก็กลายเป็นไอน้ำ เผยให้เห็นกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก้นสระ

ภายใต้การควบคุมของบุรุษเผ่ามาร ไฟนรกแบ่งเป็นหลายส่วนอย่างรวดเร็ว ร่วงลงบนตะขอด้านหลังตัวเขา ได้ยินเสียงปริแตกหลายครั้ง นอกจากตะขอขนาดใหญ่สองชิ้นบนกระดูกสะบัก ตะขอขนาดเล็กอื่นๆ ล้วนหลุดร่วงลงมาหมด

รวมไฟนรกเป็นส่วนเดียวอีกครั้ง พอรวมแล้วก็เผาหินผลึกสีดำเหนือศีรษะ บุรุษเผ่ามารเริ่มเคลื่อนไหวสองมือที่ไม่ได้เคลื่อนไหวมานานหลายพันปี นิ้วมือถูกเขากดจนดังกร๊อบๆ กดพลางแย้มยิ้มชั่วร้ายขึ้น มองปิศาจโลหิตด้านล่างภูเขาที่พุ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

ปิศาจโลหิตใกล้เข้ามาทุกที ขาดอีกเพียงแท่นเดียวก็จะพุ่งมาถึงยอดเขา ในขณะที่ปิศาจโลหิตหลายสิบตัวกระโดดขึ้นแท่นราบ หินผลึกสีดำเหนือศีรษะบุรุษเผ่ามารก็ส่งเสียงปริแตก

พริบตา บนยอดภูเขาเห็ดก็มีพลังมารอันแข็งแกร่งจนทำให้คนหายใจไม่ออกแผ่กระจายออกมา ร่างปิศาจโลหิตที่มาเป็นโขยงทั้งหมดหยุดนิ่ง

“ฟ้าดินดับสูญ!”

บุรุษเผ่ามารไม่มองเหนือศีรษะเลยสักนิด ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาพลางตวาดลั่น เงาดำแผ่ขยายยออกมาจากใต้เท้าของเขาอย่างรวดเร็ว ปิศาจโลหิตที่เข้ามาในวงล้อมเงาดำถูกเงามือสีดำที่ยื่นออกมาจากในเงาดำลากและจมลงในเงาดำในพริบตา ปิศาจโลหิตแต่ละตัวไม่มีโอกาสดิ้นรนเลยสักนิดก็หายไปในความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุด

ปิศาจโลหิตหายไปอย่างรวดเร็วตามเงาดำที่แผ่กระจายไปทั่วภูเขาเห็ด สุดท้ายพื้นที่ทั้งหมดก็ถูกเงาดำของบุรุษเผ่ามารแผ่ปกคลุม ปิศาจโลหิตทั้งหมดออกจากรัง ปริมาณมากถึงเกือบหนึ่งแสนตัว สามารถยืนอยู่เต็มพื้นที่ทั้งหมด ยามนี้เพียงแค่ถูกเงาดำกวาดผ่านแม้แต่เศษโลหิตก็ยังไม่เหลือสักหยด

ปิศาจโลหิตทั้งหมดถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยงเกลา เงาดำล่าถอยกลับไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง สถานที่ซึ่งเงาดำล่าถอยไปคือทุ่งหญ้าที่เปื้อนโลหิตสดเต็มไปหมดก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นสะอาดสดชื่น บนพื้นไม่มีซากของผู้บำเพ็ญเซียน หญ้าวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนกลางทุ่งหญ้างอกขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบเห็นได้ด้วยตาเปล่า

น่าเสียดายที่จินเฟยเหยาหมดสติราวกับตายไปแล้ว ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจฉากนี้

เมื่อบุรุษเผ่ามารนำตะขอบนสะบักออก ก็ชี้หินผลึกสีดำที่ปริแตกซึ่งถูกไฟนรกของจินเฟยเหยาเผาไหม้อยู่ บนนิ้วของเขาปรากฏไฟนรกสีดำบริสุทธิ์ดวงหนึ่ง ในเปลวไฟมีแสงสว่างดวงเล็กๆ กระพริบวิบวับ งดงามอย่างยิ่งราวกับดวงดาราในราตรีอันมืดมิด

ไฟนรกสีดำบริสุทธิ์ดวงนี้บินไปหาหินผลึกสีดำที่ปริแตก ส่วนไฟนรกของจินเฟยเหยาถูกบุรุษเผ่ามารเรียกกลับมาดีดเข้าไปในหว่างคิ้วของนางเบาๆ

พอหินผลึกสีดำถูกไฟนรกของบุรุษเผ่ามารสัมผัส จากปริแตกก็ถูกเผาจนกลายเป็นความว่างเปล่าในพริบตา ตามการดับสูญของหินผลึกสีดำ ดวงตะวันสีโลหิตบนฟากฟ้าก็คลายจากสีโลหิตเปลี่ยนกลับเป็นรูปโฉมเดิม

เห็นพื้นที่กลับคืนเป็นดังเดิม บุรุษเผ่ามารก็เงยหน้าหัวเราะลั่น ปากยังใช้ภาษามารสาปแช่ง หลังจากด่าทอพอแล้ว เขาจึงใช้มืออุ้มจินเฟยเหยาที่ยังหมดสติอยู่บนพื้น แล้วหายวับไปจากยอดภูเขาเห็ด

เพียงพริบตา พวกเขาสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นบนแนวปะการังในตอนแรก ซากของมังกรเกล็ดนิลยังนอนอยู่บนแนวปะการัง ตรงปากแผลบนซากศพยังมีโลหิตมังกรหยดลงในอ่างเรียกทรัพย์ หมอกขาวผืนนั้นสลายไปนานแล้ว ทุกอย่างดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แค่คนหายไปสี่คนเท่านั้น

บุรุษเผ่ามารใช้การรับรู้กวาดมองรอบด้าน ไม่พบว่ามีคนเข้ามาใกล้ ทว่าในชั่วพริบตาที่เขาปรากฏตัวขึ้น สัตว์ปิศาจทั้งหมดภายในรัศมีร้อยหลี่ต่างรีบหลบหนีไปอย่างลนลาน

ใต้เท้าคือน้ำทะเลที่ท่วมเลยเข่า เขามองดูแล้วไม่เหมาะที่จะวางจินเฟยเหยาลง จึงโยนนางไว้บนซากมังกรเกล็ดนิล จากนั้นยื่นมือมาตบบ้องหูนางหลายครั้ง นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ทำให้คนฟื้นจริงๆ หลังตบนางไปหลายที จินเฟยเหยาก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา

จินเฟยเหยานั่งอยู่บนซากมังกรเกล็ดนิลอย่างงุนงง ราวกับไม่ค่อยเข้าใจสภาพแวดล้อมรอบกายอยู่บ้าง หลังจากมองเห็นรอบด้านชัดเจน จินเฟยเหยาก็ตะโกนอย่างยินดี “พวกเราออกมาแล้ว? ดียิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าจะทำสำเร็จแล้ว”

จากนั้นจินเฟยเหยาก็ลูบใบหน้า รู้สึกบวมพองอยู่บ้าง จึงเอ่ยถามอย่างสงสัย “น่าแปลก เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าหน้าบวมนิดๆ?”

มองใบหน้าที่ถูกตบจนบวมของจินเฟยเหยา บุรุษเผ่ามารก็เอ่ยเสียงเย็นชา “นี่เป็นความรู้สึกหลอนของเจ้า เจ้าสลบไปนานมาก ดังนั้นจึงบวมน้ำเล็กน้อย”

“อ้อ…” หลังจินเฟยเหยาได้ฟังก็ลูบใบหน้าราวกับครุ่นคิดอะไรแล้วพยักหน้า

………………………………….

[1] เนื้อไก่สีขาวแล่บางๆ เป็นอาหารของจีนทางตอนใต้ ทำโดยใช้เนื้อไก่หมักเกลือต้มรวมกับผัก เช่น ต้นหอม ผักชี และขิง เนื้อไก่จึงยังมีสีขาวนุ่มลื่น หั่นสไลส์เสิร์ฟกับผักกวางตุ้งราดน้ำปรุง

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset