คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย – ตอนที่ 198 ผลอายุยืนสีแดง

เสียงดังแกร่ก ประตูถูกจินเฟยเหยาเคาะจนเปิดออก

จอมมารหลงเปิดประตู มองจินเฟยเหยาที่น่าสงสาร ชูกระดาษยันต์ใบหนึ่งในมือแล้วเอ่ยถาม “ในนี้เขียนอะไร?”

“เจ้ามิใช่ไม่รู้จักอักษรเผ่ามนุษย์ แน่นอนว่าเป็นเคล็ดวิชาสร้างร่างมารที่เจ้าให้ข้า ข้าอาศัยการเรียนรู้ด้วยตนเองเรียนภาษามารจนเป็น นี่คือเนื้อหาหลังจากข้าแปล” จินเฟยเหยาเอ่ยอย่างแค้นเคือง ดวงตากลับมองไปในกระท่อม

การมองครั้งนี้ทำให้นางมีโทสะแทบตาย แตกต่างจากกระท่อมติดกันที่ไม่มีอะไรเลย ภายในกระท่อมนี้มีแท่นฝึกบำเพ็ญอันงดงาม เตียงนุ่มๆ และเครื่องเรือนอันวิจิตรมากมาย แน่นอนว่าขาดหมอนอิงอันนุ่มนิ่มไม่ได้ อีกทั้งบนพื้นยังปูพรมขนสัตว์ บนนั้นมีสมบัติในถุงเฉียนคุนของนางกองอยู่ไม่น้อย

หน้าไม่อายเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะหลบอยู่ในห้องรื้อค้นสิ่งของของข้า จินเฟยเหยามองสมบัติที่กองอยู่บนพื้น พบว่าเสื้อผ้าที่ตนเองผลัดเปลี่ยนก็อยู่ด้านล่างกองสมบัติ

“เจ้าเคยฝึกตามสิ่งที่เจ้าเขียนหรือ” จอมมารหลงที่ยังคงพัวพันอยู่กับเคล็ดวิชาสร้างร่างมาร เอ่ยถามอีกรอบ

หลังจินเฟยเหยาถลึงตาใส่เขาจึงเอ่ยว่า “ฮึ เคยฝึก ทว่าฝึกไม่ได้”

“ไม่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกก็ถือว่าเจ้าโชคดีแล้ว สิ่งที่เขียนมันเรื่องไร้สาระอะไรกัน” จอมมารหลงมองเนื้อหาบนนั้น คิ้วใกล้จะผูกเป็นปม

“ไม่ต้องดูแล้ว ขยะของเจ้าข้าจะคืนให้ ข้าเพียงแค่ยืมใช้หญ้าวิญญาณและตานสัตว์ปิศาจ ไม่ต้องถลึงตาใส่ข้า หญ้าวิญญาณเหล่านี้เดิมทีเป็นของข้า ขยะอื่นๆ ข้าไม่ต้องการ วางไว้ตรงนี้ยังเปื้อนพรมของข้าเลย” จอมมารหลงพบว่าจินเฟยเหยาไม่ได้ฟังคำพูดของเขา ทว่ากลับจ้องมองสิ่งของบนพื้นอยู่ตลอด จึงเอ่ยอย่างเย็นชา

จินเฟยเหยาเก็บสายตากลับมาโดยไม่ส่งเสียง ใครให้กำปั้นของผู้อื่นใหญ่กว่าเล่า ต่อไปถ้าข้าร้ายกาจ ข้าจะอัดเจ้าให้หัวปูดเลย นางก้มหน้าเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ธาตุไฟเข้าแทรกแล้วอย่างไร ถึงอย่างไรนี่คือสิ่งที่ท่านมอบให้ ถ้าข้าธาตุไฟเข้าแทรกก็คือท่านให้เคล็ดวิชาปลอม ถึงอย่างไรต่อไปหากมีใครถาม ข้าก็จะบอกว่าท่านให้เคล็ดวิชาปลอมแก่ข้า”

จอมมารหลงมองดูนางอย่างเย็นชา ราวกับคิดถึงเรื่องสนุกอะไรได้ พลันเอ่ยอย่างใจดี “เจ้าออกไปรอก่อน ข้าจะใช้ภาษาเผ่ามนุษย์เขียนให้เจ้าใหม่อีกฉบับ ฉบับที่เจ้าแปลเองใช้ไม่ได้ ถ้าฝึกตามในนั้น เป็นไปได้ว่าจะฝึกบำเพ็ญจนกลายเป็นสัตว์ปิศาจ”

“ท่านใจดีขนาดนี้เลย?” จินเฟยเหยามองจอมมารหลงอย่างสงสัยอยู่บ้าง เจ้าหมอนี่ไม่เคยทำเรื่องดีงามอะไร เหตุใดจึงใจดีขึ้นมากะทันหัน?

ทว่าหลายวันนี้จินเฟยเหยาเคยทดลองดู นางมั่นใจว่าไม่อาจใช้เวทหลอมนรกกลืนวิญญาณของขั้นหลอมรวมได้ ขณะที่ทดลองใช้แต่ละครั้ง มีความรู้สึกว่ากระดูกทั่วร่างรับแรงกดดันอย่างหนักไม่ไหวและเจ็บปวดจนส่งเสียงดังกรอบแกรบ กล้ามเนื้อก็เช่นเดียวกัน มีความเจ็บปวดมหาศาลที่ถูกการใช้พลังฉีกกระชาก ร่างกายทนรับพลังหลอมนรกกลืนวิญญาณไม่ไหว อีกทั้งเนื้อหาที่นางแปลออกมาเอง ไม่ลื่นไหลอย่างยิ่งจริงๆ อย่างน้อยที่สุดมีครึ่งหนึ่งที่ตัวนางเองอ่านไม่เข้าใจ

ทำได้ชัดๆ กลับใช้ไม่ได้ ความรู้สึกนี้ทำให้คนไม่สบายใจอย่างยิ่ง ถ้าจอมมารหลงเขียนเคล็ดวิชาสร้างร่างมารให้ตนเองจริงๆ คิดจะเอาตานสัตว์ปิศาจขั้นสี่ขั้นห้าเหล่านั้นก็เอาไปเถอะ ตอนนี้เจี๋ยตันแล้ว จะสังหารพวกมันง่ายดุจพลิกฝ่ามือ

“รอก่อน ไม่ต้องตบประตูตะโกนเรียก” จอมมารหลงหิ้วนางไปไว้ด้านนอก ไม่รู้ว่าปิดประตูทำอะไรอยู่ด้านใน

จินเฟยเหยาเดินไปเดินมาอยู่ข้างนอก รอคอยเขาด้วยจิตใจไม่สงบ ผ่านไปหนึ่งชั่วยามยังไม่เห็นจอมมารหลงเปิดประตู

“เขียนเคล็ดวิชายากนักหรือ? ทำไมถึงนานขนาดนี้” จินเฟยเหยารู้สึกงุนงง แค่สิบกว่าประโยค ตนเองพลิกตำราแปลออกมายังใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเลย ถึงจะใช้ไม่ได้ ทว่าก็ถือว่าแปลออกมาได้ เขาโง่หรือ เหตุใดจึงเขียนช้าขนาดนี้

รออีกหนึ่งชั่วยาม รวมทั้งหมดเป็นสองชั่วยามจึงเห็นจอมมารหลงเปิดประตูเดินออกมา

จอมมารหลงก็คิดไม่ถึงว่าตนเองเกือบจะจำเคล็ดวิชาทงเสินไม่ได้ เดิมทีก็จำได้ไม่ชัดเจน ทั้งยังต้องใส่ในเคล็ดวิชาสร้างร่างมารอย่างไม่กระโตกกระตาก ทำความดีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“ให้เจ้า ตั้งแต่บัดนี้ไปเจ้าสามารถฝึกได้แล้ว” จอมมารหลงมอบป้ายหยกให้จินเฟยเหยา จินเฟยเหยารับป้ายหยกมาอ่านอย่างละเอียด เนื้อหาในนั้นราบรื่นขึ้นมากจริงๆ ส่วนที่อ่านไม่เข้าใจหลายแห่งก่อนหน้านี้สามารถอ่านเข้าใจแล้ว เพียงแต่อ่านป้ายหยกทั้งแผ่น นางพบว่าดูเหมือนจะมีอักษรเพิ่มขึ้น

นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ผู้อาวุโส ในภาษามารมีเพียงสิบกว่าบรรทัด ในนี้มีอักษรถึงสามสิบกว่าบรรทัด ท่านคงไม่ได้เพิ่มอะไรลงไปในนี้นะ?”

“เจ้านึกว่าข้าว่างงานไม่มีอะไรทำหรือ ภาษามารหนึ่งประโยคเท่ากับภาษามนุษย์สองสามประโยค อีกทั้งข้ายังกลัวว่าเจ้าจะโง่เกินไปอ่านไม่เข้าใจ ดังนั้นจึงเขียนค่อนข้างละเอียด” จอมมารหลงส่งเสียงขึ้นจมูก มองความผิดปกติบนใบหน้าไม่ออก

ในขณะที่จินเฟยเหยาถือป้ายหยกอยู่และยังตัดสินใจไม่ได้ ก็ได้ยินจอมมารหลงเอ่ยว่า “ข้าไม่ใช้สิ่งของของเจ้าเปล่าๆ หรอก รอจนข้ารักษาอาการบาดเจ็บหายดีและไปจากบริเวณฮุ่นตุ้น จะมอบเกาะลอยได้เล็กๆ แห่งนี้ให้เจ้า”

“หา!” จินเฟยเหยาเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อคำพูดของเจ้าหมอนี่ ในเมื่อเดิมทีคิดจะใช้เกาะลอยได้แลกสิ่งของ ก่อนหน้านี้เหตุใดต้องจงใจปล้นชิงถุงเฉียนคุนของข้าด้วย ทั้งยังทุบตีข้ายกหนึ่งเนื่องจากข้าต่อต้าน เจ้าหมอนี่น่าเบื่อหน่ายเกินไปแล้ว ไม่ทำตามหลักการที่ถูกต้อง จงใจทำให้ข้ามีโทสะ นี่ถือว่าตบทีหนึ่งแล้วให้ลูกอมกินเม็ดหนึ่งหรือ?

แต่ถึงจะมีโทสะ ทว่าโดนทุบตียกหนึ่งสามารถแลกพื้นที่มิติได้ชิ้นหนึ่ง ยังถือว่าคุ้มค่าสุดๆ ถ้าทุบตีครั้งหนึ่งสามารถแลกได้พื้นที่มิติชิ้นหนึ่งก็อัดแล้วไม่ค่อยเจ็บเท่าใด ไม่รู้ว่าในตัวจอมมารหลงมีพื้นที่มิติที่สามารถแลกเปลี่ยนได้มากเพียงใด

“อย่าคิดไม่ซื่อ ขายขยะทั้งหมดของเจ้าก็ยังซื้อมุมหนึ่งในพื้นที่มิติไม่ได้เลย ได้เปรียบแล้วก็น่าจะซื่อตรงหน่อย ถ้าอยากได้เกาะลอยได้เร็วๆ เจ้าก็ตั้งใจให้ร่วมมือในการรักษาบาดแผล ขอเพียงออกไปจากที่นี่ เกาะลอยได้ก็เป็นของเจ้า” จอมมารหลงมองดวงตาเป็นประกายของจินเฟยเหยา ก็รู้ว่านางต้องกำลังคิดเรื่องละโมบสมบัติอยู่แน่

จินเฟยเหยายิ้มแย้ม ถูมือเอ่ยถามว่า “ความร่วมมือที่ผู้อาวุโสเอ่ยถึงคืออะไร น่าจะไม่ได้เรียกให้ข้าไปอุ่นเตียงหรอกนะ”

สายตาของจอมมารหลงราวกับน้ำแข็ง แทบสามารถขูดเนื้อของนางออกมาได้ หลังจากมองจินเฟยเหยาด้วยสายตาอึมครึมอยู่เนิ่นนาน เขาจึงเอ่ยอย่างเย็นชา “ระหว่างที่ข้ารักษาบาดแผล เจ้าออกไปข้างนอกล่าเอาตานสัตว์ปิศาจของมังกร แต่ละวันอย่างน้อยต้องได้ขั้นหกจำนวนสิบอัน ถ้าเป็นขั้นห้าต้องได้ห้าสิบอัน ข้าคนนี้มีเมตตาเสมอมา วันนี้ช่างมันก่อน เจ้าเริ่มพรุ่งนี้แล้วกัน”

“ผู้อาวุโส มังกรข้างนอก…” คิดไม่ถึงว่าต้องล่ามังกร สัตว์พวกนี้ปรากฏตัวเป็นฝูง อีกทั้งต้องการปริมาณมากขนาดนี้ จะทำสำเร็จได้อย่างไร จินเฟยเหยาคิดจะอธิบายสักหน่อยว่า ตานสัตว์ปิศาจวันละอันก็พอใช่หรือไม่ ยังเอ่ยไม่จบก็ถูกจอมมารหลงตัดบท

“ถ้าเจ้าคิดจะแอบอู้ก็ไม่เป็นไร อายุขัยของข้ายาวนานกว่าเจ้า อยู่สถานที่แห่งหนึ่งหลายร้อยปีก็ไม่มีปัญหา” จอมมารหลงเอ่ยอย่างเบาสบาย

จินเฟยเหยาโง่งมไปทันที “หลายร้อยปี ท่านบาดเจ็บหนักขนาดนั้นเลย? คิดไม่ถึงว่าต้องใช้เวลาหลายร้อยปีรักษาอาการบาดเจ็บ!”

“ข้ายังต้องชดเชยพลังการบำเพ็ญเพียรที่สูญเสียไปตอนถูกกักขังด้วย เห็นเจ้าไม่ยอมอยู่กับข้า ดังนั้นจึงต้องทุ่มเทหน่อย ปริมาณตามที่ข้าบอกไม่กี่เดือนก็สามารถออกไปได้ ดังนั้น เจ้าพยายามเข้าเถอะ” จอมมารหลงเสยผม เดินกลับกระท่อมอย่างสง่างาม

ส่วนจินเฟยเหยาได้แต่นั่งอยู่บนพื้น เริ่มครุ่นคิดว่าต่อไปต้องทำอย่างไร ครู่หนึ่งจอมมารหลงก็นำถุงเฉียนคุนของนางกลับมา เพียงแต่หญ้าวิญญาณและตานสัตว์ปิศาจด้านในไม่เหลือหลอ สิ่งของอื่นๆ จอมมารหลงไม่ได้หยิบไป อ่างมายาจิ่งเทียนก็ไม่แตะ ศิลาวิญญาณลึกเกินเข่าเหล่านี้ยังไม่เพียงพอให้จอมมารหลงซื้อวัตถุดิบหลอมรองเท้าคู่หนึ่งเลย ผู้อื่นไม่สนใจเลยสักนิด

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดรีบสังหารมังกรให้ได้ตานสัตว์ปิศาจมากพอ จะได้ออกไปจากบริเวณฮุ่นตุ้นเร็วหน่อย จินเฟยเหยาลุกขึ้ และตะโกนอย่างกระตือรือร้น “พั่งจื่อ รีบเตรียมตัว ครั้งนี้ได้เวลาแสดงความสามารถอันโดดเด่นของเจ้าแล้ว!”

“หืม? หนีไปที่ใด รีบออกมาเร็ว!” พั่งจื่อไม่ตอบนาง เกาะลอยได้มีพื้นที่เพียงสิบหมู่ ใช้ตากวาดดูก็มองเห็นหมด ทว่าหลังจากค้นหารอบหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะไม่พบพั่งจื่อ แม้แต่ต้านิวก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“ผลอายุยืนสีแดงอายุไม่ถึงร้อยปีเป็นเพียงผลไม้ที่แฝงพลังวิญญาณนิดหน่อย แต่ถ้าอายุเกินร้อยปี พวกมันจะเป็นเครื่องจักรสังหารที่เปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณอันเข้มข้น คนที่มีพลังการบำเพ็ญเพียรไม่พอกินเข้าไปจะเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งทันที จนกระทั่งใช้พลังวิญญาณในผลอายุยืนสีแดงหมดเกลี้ยงจึงคืนสู่สภาพเดิมได้ แน่นอนว่าสำหรับสัตว์ภูติก็มีฤทธิ์เช่นเดียวกัน” คำพูดอันเย็นชาของจอมมารหลงดังมาจากในกระท่อมที่ปิดสนิท

“บ้าคลั่ง?” จินเฟยเหยาตะลึงงัน เงยหน้าขึ้นก็เห็นพั่งจื่อเปลี่ยนร่างจนมีขนาดสูงสิบกว่าจั้งพาต้านิวที่สูงเจ็ดแปดจั้งไล่ล่ามังกรหมอกและมังกรอื่นๆ ไปทั่ว

พลังการบำเพ็ญเพียรของมันเพิ่งขั้นสี่ ก่อนหน้านี้ยังจัดการมังกรหมอกเดี่ยวๆ ได้พอดี ตอนนี้ด้านนอกมีมังกรหมอกมากมายปานนั้น พั่งจื่อก็ไม่ใส่ใจ จับมังกรหมอกยัดใส่ปาก มังกรจือโม่สีดำขั้นหก พั่งจื่อก็ไม่ขลาดกลัวเลยสักนิด กินพลางสาดน้ำพิษสะเปะสะปะด้วยดวงตาแดงก่ำ

ต้านิวเพิ่งขั้นหนึ่ง ก่อนหน้านี้จะทำอย่างไรก็เลื่อนขั้นไม่ได้มาตลอด ตอนนี้ภายใต้ฤทธิ์ของผลอายุยืนสีแดงร่างกายขยายใหญ่ถึงเจ็ดแปดจั้ง อีกทั้งมันยังติดตามด้านหลังของพั่งจี่อ แย่งกินเนื้อมังกรที่ถูกพั่งจื่อกัด

บ้าคลั่งเกินไปแล้ว กบสองตัวดวงตาแดงก่ำเห็นสิ่งใดก็กัดสิ่งนั้น จินเฟยเหยาครุ่นคิด ตัดสินใจไม่ออกไป ยืนดูสถานการณ์อยู่ด้านในก่อนแล้วค่อยว่ากัน

จินเฟยเหยายิ่งมองก็ยิ่งสะท้านขวัญ อดยินดีไม่ได้ที่ผลอายุยืนของตนเองถูกจอมมารหลงแย่งไป ไม่เช่นนั้นตอนนี้ตนเองคงบ้าคลั่งอยู่ข้างนอก เอ๋?…ผลอายุยืนสีแดง…เป็นไปไม่ได้ เขาต้องรู้แน่ว่านางอยากกิน จินเฟยเหยารู้สึกว่าความคิดที่เกิดขึ้นของตนเองในยามนี้น่าขำเกินไป จอมมารหลงไม่ใจดีขนาดนี้หรอก

จริงสิ ตานสัตว์ปิศาจ!

จินเฟยเหยาพลันได้สติขึ้นมา พั่งจื่อและต้านิวบ้าคลั่งอยู่ข้างนอก ตนเองสามารถนำตานสัตว์ปิศาจออกมาขณะที่มังกรถูกพวกมันกินได้พอดี

ยามนี้พั่งจื่อกำลังร้องคำราม ใช้ขาฟาดบนร่างมังกรจือโม่ตัวหนึ่งหลายครั้ง จากนั้นก็โอบกอดมันแทะกิน มังกรจือโม่รัดพั่งจื่อแน่นราวกับอสรพิษ ส่วนต้านิวก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอ อ้าปากพุ่งไปกัดหางของมังกรจือโม่

“พวกเจ้าอย่าขยับ ข้าจะเอาตานสัตว์ปิศาจ!” จินเฟยเหยาฉวยโอกาสนี้พุ่งออกจากเกาะลอยได้ ทงเทียนหรูอี้กลายเป็นกระบี่ยาวคิดจะแทงทะลุส่วนหัวของมังกรจือโม่ ต้องชิงตานสัตว์ปิศาจมาก่อนที่มันจะถูกกบสองตัวกิน

“อ๊บ!” ต้านิวพลันคำรามอย่างเดือดดาล ฟาดฝ่ามือใส่จินเฟยเหยา มันลงมืออย่างกะทันหัน อีกทั้งจินเฟยเหยาก็คิดไม่ถึงว่าต้านิวที่แสนเชื่องจะลงมือทุบตีตนเอง ดังนั้นจึงไม่ได้ระวังป้องกันถูกมันตบกลับไปบนเกาะลอยได้ หัวทิ่มลงในแปลงยาสมุนไพร

“เพ้ย! พวกเจ้าสองตัวจะกบฏหรือ!” จินเฟยเหยาลุกขึ้นนั่ง ตะโกนใส่ท้องนภาในสภาพดินเต็มหน้า ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นหลอมรวมถูกสัตว์ภูติขั้นหนึ่งทุบตี ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปยังมีหน้าไปพบเจอผู้คนหรือ!

……………………………..

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตาย

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง คนใสซื่ออย่างข้ามีเมตตาจะตายเวลาเช้าตรู่ บนเส้นทางอันยาวไกลของยอดเขาลั่วซี มีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังแบกถังไม้ขนาดใหญ่สูงเจ็ดฉื่อ[1]เดินไปยังวังอวิ๋นเย่ที่สร้างอยู่กลางยอดเขาด้วยฝีเท้าเบาและรวดเร็ว นางอายุประมาณสิบสองสิบสามปี เกล้าผมเป็นมวยสาวน้อยคู่หนึ่ง บนมวยแต่ละอันมีแถบผ้าสีเขียวพันประดับ บนร่างสวมชุดศิษย์สายนอกสีเทาทั้งตัว บนเข่ามีรอยปะชุนแห่งหนึ่ง หน้าตางดงามน่ารัก รูปร่างพอเหมาะพอดี ทว่ากลับแบกถังไม้ที่สูงกว่านางสองเท่า ก้าวเดินบนบันไดศิลาดุจเหินบิน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset