คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ – ตอนที่ 635 อดีตในตอนนั้น บั่นทอนคุณค่าในตัวเอง

ตอนที่ 635 อดีตในตอนนั้น บั่นทอนคุณค่าในตัวเอง

เซ่าอวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนทันที พูดเสียงเย็นชา “คุณแม่จะทำเกินไปแล้วนะครับ”

พลเมืองชั้นสามของเมืองแห่งโลกจะต่างอะไรกับทาส

ถึงแม้เทคโนโลยีของเมืองแห่งโลกจะเจริญก้าวหน้า แต่ระบบชนชั้นเข้มงวดยิ่งกว่ายุคราชวงศ์

คนที่มีบรรดาศักดิ์หรือได้ประดับยศจะเป็นชนชั้นหนึ่ง ชาวบ้านธรรมดาเป็นชนชั้นสอง ทาสเป็นชนชั้นสาม

ชาวเมืองระดับสูงสามารถจัดการพลเมืองชั้นต่ำกว่ายังไงก็ได้

ลูกชายของเขากับฟู่หลิวอิ๋งจะให้เป็นพลเมืองชั้นสามได้ยังไง

“ฉันทำเกินไปงั้นเหรอ” คุณนายผู้เฒ่าอวี้วางลูกประคำกระแทกโต๊ะ พูดด้วยความโมโห “ผู้หญิงคนนั้นทำแกหมดสติไปนานเท่าไร สามปีเชียวนะ!”

“ถ้าไม่ได้สำนักผู้วิเศษออกโรงด้วยตัวเอง แกยังจะอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้เหรอ”

เซ่าอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึก “คุณแม่ครับ ผมเคยบอกคุณแม่แล้ว ต่อให้เธอฆ่าผม ผมก็ไม่โทษเธอ”

แม้ตอนนั้นก่อนเขาจะหลับตาลงได้เห็นฟู่หลิวอิ๋งเดินจากไป

เรื่องหลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้แล้ว เพราะเขานอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงถึงสามปี

ทางโรงพยาบาลยืนยันว่าเขาสมองตาย

สมองตายก็คือ การทำงานทุกอย่างของสมอง รวมถึงก้านสมองได้เสียหายจนไม่อาจคืนกลับมาได้แล้ว

วินิจฉัยว่าสมองตายก็เท่ากับประกาศว่าคนคนนั้นตายไปแล้ว

วิชาเล่นแร่แปรธาตุก็ช่วยกลับมาไม่ได้

ต่อมาผู้วิเศษคนหนึ่งของสำนักผู้วิเศษได้ใช้ความสามารถพิเศษ ถึงทำให้เซ่าอวิ๋นฟื้นขึ้นมาได้

แต่พอเขาฟื้นมาฟู่หลิวอิ๋งก็ไม่อยู่แล้ว

เวลาผ่านไปแล้วสามปี

คุณนายผู้เฒ่าอวี้บอกว่าฟู่หลิวอิ๋งหักหลังเขา ไปจากเมืองแห่งโลกแล้ว

เซ่าอวิ๋นไม่เชื่อ

เขาอยากออกจากเมือง

แต่หลายปีมานี้ผู้เฒ่าอวี้กับคุณนายผู้เฒ่าคอยจับตาดูเขารอบด้าน อย่าว่าแต่ออกจากเมืองแห่งโลกเลย แม้แต่สี่ทางออกเขาก็เข้าไปใกล้ไม่ได้

ถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อเกี่ยวดอง ถูกบีบบังคับให้สืบทอดตระกูลอวี้

ถูกบีบให้กุมอำนาจทีละขั้น ฆ่าฟันแก่งแย่งชิงดี

จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว ผู้เฒ่าอวี้เสียชีวิต

เขาเอาชนะผู้ชิงตำแหน่งในรุ่นเดียวกันคนสุดท้ายได้ ถึงได้ขึ้นนั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูล ในที่สุดก็ไม่มีใครขวางเขาได้แล้ว

แต่เรื่องที่เซ่าอวิ๋นคาดไม่ถึงก็คือ เมื่อเขาไปถึงบ้านเกิดที่ฟู่หลิวอิ๋งเคยบอก เมืองฮู่เฉิงประเทศจีน

เขาก็หาตัวเธอไม่เจอ เจอแต่หลุมศพ

มีเพียงเถ้ากระดูก

ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

และก็เป็นเพราะการออกจากเมืองครั้งนั้น เซ่าอวิ๋นถึงได้รู้ว่าฟู่หลิวอิ๋งได้ทิ้งลูกชายไว้หนึ่งคน

แต่อยู่ที่ประเทศจีนหนึ่งเดือน เขาก็ยังตามหาตัวฟู๋อวิ๋นเซินไม่เจอ รู้เพียงว่าเขาเป็นประธานของเครือบริษัท

โดดเด่นมาก คล้ายฟู่หลิวอิ๋งมาก

เนื่องจากในห้วงมิติที่เมืองแห่งโลกตั้งอยู่แตกต่างจากเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร ทางเข้าไม่ได้แน่นอนเหมือนโลกจอมยุทธ์

ดังนั้นออกจากเมืองง่ายแต่เข้าเมืองยาก

การเข้าสู่เมืองแห่งโลกจากบนโลกมีอยู่สองช่วงเวลาในแต่ละปี

ไม่มีเวลาแล้ว เซ่าอวิ๋นจึงต้องกลับเข้าเมืองก่อน

ครั้งนี้หลังจากจัดการเรื่องในตระกูลเสร็จหมด เขาเตรียมจะออกไปอีกครั้ง

“คุณแม่ครับ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องหารือกันอีก” เซ่าอวิ๋นพูดเสียงเย็นชา “ไม่เพียงแต่ผมจะรับเขากลับมา ผมยังจะอบรมเขาให้ดีด้วย”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้โมโหสุดขีด “แกยังอยากให้เขาเป็นผู้สืบทอดด้วยเหรอ ฉันขอบอกแกเลยนะ ตราบใดที่ฉันยังไม่ตาย เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้!”

“ขอโทษด้วยครับ” เซ่าอวิ๋นแค่เม้มริมฝีปาก

เขากวักมือ เรียกทีมอารักขามาหนึ่งทีม “เฝ้าคุณนายผู้เฒ่าไว้ให้ดี”

คุณนายผู้เฒ่าอวี้โมโหตะโกนเสียงดัง “อวี้เซ่าอวิ๋น!”

เธอเห็นอวี้เซ่าอวิ๋นหลังจากฟื้นขึ้นมาก็ไม่เคยเอ่ยถึงฟู่หลิวอิ๋ง คิดว่าเขาคงเจ็บจนจำแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะแค่เก็บซ่อนไว้

พอได้นั่งตำแหน่งหัวหน้าตระกูลก็แทบอยากจะเปิดเผยตัวตนชนิดที่ทนรอไม่ไหว

ช่างเป็นลูกชายที่ดีของเธอเสียจริง

เก็บซ่อนไว้ลึกมาก

แต่คำสั่งของหัวหน้าตระกูลก็คือคำเด็ดขาด แม้คุณนายผู้เฒ่าอวี้จะเป็นผู้อาวุโสก็คัดค้านไม่ได้

คนคุ้มกันจัดการล็อกที่พักของคุณนายผู้เฒ่าอวี้

เซ่าอวิ๋นออกจากระเบียงดาดฟ้าแล้วลงไป

เจอกับกลุ่มคน

ผู้หญิงหน้าตางดงามเดินนำมา ทำความเคารพเขา ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “ท่านหัวหน้าตระกูล”

เซ่าอวิ๋นแค่พยักหน้าให้อย่างเย็นชาแล้วเดินออกไป

มือของเธอชะงัก แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ยิ้มอีกครั้ง “น้อมส่งท่านหัวหน้าตระกูล”

เซ่าอวิ๋นเดินออกไปไกลแล้วพร้อมคนคุ้มกัน

“คุณนายคะ” สาวใช้ที่ตามอยู่ด้านหลังพูดด้วยความไม่พอใจ “คุณนายแต่งเข้ามาอยู่ตระกูลอวี้ได้ยี่สิบปีแล้ว ทั้งยังมีทายาทสืบสกุลให้ท่านหัวหน้าตระกูล แต่ท่านหัวหน้าตระกูลกลับยังเอาแต่คิดถึงผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนั้น”

“ตอนนั้นที่ท่านหัวหน้าตระกูลฟื้นขึ้นมาได้ก็เป็นเพราะคุณนายไปขอความช่วยเหลือจากสำนักผู้วิเศษ ทำไมท่านหัวหน้าตระกูลถึงทำแบบนี้”

ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ

คุณนายอวี้แค่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ท่าทางเหมือนไม่แคร์ “ช่างเถอะ พวกเราไปดูคุณนายผู้เฒ่าเถอะ”

ยุโรป

กระแสข่าวซื้อขายบทความได้สะเทือนไปทั้งวงการวิชาการ

นอกจากศูนย์ฟิสิกส์สากลแล้ว องค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวงการวิชาการก็ถูกล้างบางครั้งใหญ่ตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่าง

ไม่ตรวจค้นยังไม่เท่าไร แต่พอตรวจขึ้นมาก็สร้างความตกตะลึง

เชื่อมโยงไปถึงอิทธิพลจำนวนไม่น้อย สี่ตระกูลมหาเศรษฐีแห่งยุโรปเกี่ยวพันมากบ้างน้อยบ้าง

แต่เรื่องนี้ก็ให้วีนัสกรุ๊ปรับผิดชอบไป

อิ๋งจื่อจินตอบรับคำเชิญของเกอร์เวนไปศูนย์ทดลองที่สร้างขึ้นใหม่

ศูนย์ทดลองแห่งนี้ใหญ่มาก แต่นักวิจัยที่ทำการทดลองในตอนนี้กลับมีอยู่ไม่ถึงแปดสิบคน

หลังจากเดินชมทั่วทั้งศูนย์ทดลองแล้ว ภายในห้องทำงาน

“อิ๋ง พอผมตาย ศูนย์ทดลองแห่งนี้ก็ต้องพึ่งคุณแล้ว” เกอร์เวนตบบ่าอิ๋งจื่อจิน “นี่เป็นสงครามระยะยาว”

แววตาของอิ๋งจื่อจินวูบไหวเล็กน้อย “ศาสตราจารย์คะ อย่าคิดในแง่ร้ายแบบนั้น”

ซีนายที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น “สาวน้อย ฉันว่าไม่ว่ายังไงก็ต้องวิจัยถึงร้อยปี”

ไปอีกกาแล็กซีหนึ่งกับไปอีกจักรวาลหนึ่งมันคนละเรื่องกัน

ด้วยเทคโนโลยีของเมืองแห่งโลก ยานอวกาศได้แค่เหาะออกจากกาแล็กซีทางช้างเผือก

ส่วนจักรวาลก็กว้างใหญ่ถึงขนาดที่บรรจุไว้นับแสนล้านกาแล็กซี

“จริงสิคะศาสตราจารย์” อิ๋งจื่อจินเหลือบมองซีนาย “อย่าเห็นว่าเธอยังเด็ก แต่เธอสนใจด้านฟิสิกส์มาก ประกอบนาฬิกาอัจฉริยะขึ้นมาเองด้วยค่ะ”

เกอร์เวนได้ฟังก็รู้สึกสนใจ “นาฬิกาอัจฉริยะเหรอ ขอดูหน่อยสิ”

ซีนายโชว์สารพัดฟังก์ชันของนาฬิกาข้อมืออย่างสนุกสนาน

เกอร์เวนอ้าปากค้าง “สุดยอด! สุดยอดมาก! คุณต้องเก่งฟิสิกส์มากแน่ๆ มา ผมอยากหารือด้วยหน่อย”

รอยยิ้มของซีนายหายไปทันที “ฉันไม่ชอบฟิสิกส์”

“ไม่ชอบฟิสิกส์เหรอ คุณจะไม่ชอบฟิสิกส์ได้ยังไง” เกอร์เวนไม่เห็นด้วย “ฟิสิกส์คือการตกผลึกทางภูมิปัญญาของมวลมนุษยชาติ มันทั้งน่ารักทั้งสวยงาม!”

ซีนาย “…”

เธอส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากอิ๋งจื่อจิน

อิ๋งจื่อจินแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

เธอกำลังอ่านข้อมูลพวกอิทธิพลใหญ่ในเมืองแห่งโลก ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ข้อมูลระบุว่า อวี้เซ่าอวิ๋นแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งของสำนักผู้วิเศษ อีกทั้งยังมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน

ลูกชายของพวกเขาตอนนี้อายุสิบแปดปี เป็นหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลรุ่นต่อไป

เด็กกว่าฟู่อวิ๋นเซินแค่ห้าปี

เมืองแห่งโลกอันตรายจริงๆ

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้

“ศาสตราจารย์ครับ” ผู้ช่วยวิ่งเข้ามากระซิบ “คุณเอลิซาเบธจากตระกูลลอเรนท์มาอีกแล้วครับ”

เกอร์เวนส่ายมือ “บอกให้ไสหัวกลับไป”

แต่ไหนแต่ไรมาเกอร์เวนเป็นคนไม่พูดจาหยาบคาย นี่ก็แสดงให้เห็นว่าครั้งนี้เขาโกรธมากขนาดไหน

ผู้ช่วยรับทราบ ถอยออกไป พอไปถึงประตูก็พูดขึ้น “คุณเอลิซาเบธครับ ครั้งสุดท้ายแล้วนะครับ ศาสตราจารย์ไม่มีทางเปลี่ยนใจ อย่าทำให้คุณค่าของตัวเองลดลงเลยครับ”

เอลิซาเบธหน้าซีด “คือฉัน…”

ผู้ช่วยปิดประตูใส่ดัง “ปัง”

เอลิซาเบธโมโหจนตัวสั่น “นังคนจีนนั่น! ก็แค่บทความเดียวไม่ใช่เหรอ ใช่ว่าจะเขียนใหม่ไม่ได้สักหน่อย”

ถอยกันคนละก้าวมีอะไรไม่ดี จำเป็นต้องไล่บี้เอาให้ตายเลยเหรอ

บรูเออร์ที่มากับเธอด้วยก็ไม่พอใจมาก เขาพูด “เอลิซาเบธ พวกเราไปหาพ่อบ้านจ็อบ ขอพบนายท่านเถอะ”

“พบนายท่านเหรอคะ” เอลิซาเบธดวงตาแดงก่ำ “พ่อคะ นายท่านไม่มีทางสนใจ”

“สนใจสิ พอถึงตอนนั้นพ่อจะบอกว่าพ่อเป็นคนซื้อบทความนี้มาให้ลูก ลูกไม่รู้เรื่องด้วย” บรูเออร์ครุ่นคิดชั่วครู่แล้วพูดอย่างแน่วแน่ “ไม่ว่ายังไง ผลงานกับเกียรติยศที่ลูกเคยได้รับจะไม่มีทางถูกลบหาย”

คำพูดนี้ก็ถูกต้อง

ถ้าความสามารถของเอลิซาเบธด้อยกว่านี้หน่อย ตอนนั้นซีซาร์คงไม่มีทางเลือกประวัติของเธอออกมาจากตัวเลือกสิบกว่าคน

บรูเออร์เองก็นึกเสียใจ

ถ้ารู้ว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลซื้อบทความแล้ว

แต่คุณหนูคุณชายในรุ่นเดียวกันของตระกูลลอเรนท์ก็ความสามารถไม่ด้อย จ้องตำแหน่งกันตาเป็นมัน

แต่ไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยเอลิซาเบธก็นามสกุลลอเรนท์

คนเรามักเข้าข้างคนในครอบครัวเดียวกัน

เอลิซาเบธเม้มริมฝีปาก

ก็จริง ตอนนี้มีแค่วิธีนี้แล้ว

ทั้งสองคนนั่งเครื่องบินกลับฟลอเรนซ์อีกครั้ง ไปหาจ็อบ

“คือแบบนี้ครับคุณจ็อบ” บรูเออร์พูดด้วยความสำนึกผิด “ผมไม่เข้าใจวงการวิชาการ ก็เลยทำอะไรบุ่มบ่ามซื้อบทความให้เอลิซาเบธ นึกไม่ถึงว่ากลับจะเป็นการทำลายอนาคตของเธอ”

จ็อบขมวดคิ้ว “ซื้อบทความเหรอครับ นี่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย”

“คุณจ็อบครับ เป็นความผิดของผมทั้งหมดครับ” บรูเออร์ยิ้มเป็นเชิงขอโทษ “ผมคิดว่ามันจะเป็นการช่วยลูกสาวได้ คุณจ็อบช่วยไปบอกนายท่านให้หน่อยได้ไหมครับว่า ช่วยกรุณาติดต่อนักวิจัยอันดับหนึ่งของโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลให้อีกสักครั้ง”

อิ๋งจื่อจินรู้จักกับเกอร์เวน แต่ยังจะสนิทสนมกับนักวิจัยอันดับหนึ่งคนนี้ได้อีกเหรอ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ

Status: Ongoing
อ่านนิยาย คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ‘จื่อจิน ถึงเธอจะเป็นลูกสาวของพวกเรา แต่พวกเราเลี้ยงเสี่ยวเซวียนมาสิบห้าปี ผูกพันกับเสี่ยวเซวียนมาก เสี่ยวเซวียนถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนู ไม่เหมือนเธอที่ทนความลำบากที่บ้านนอกมาตลอด ดังนั้นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอิ๋งก็ยังคงเป็นเสี่ยวเซวียน’ ‘เธอคงจะน้อยใจ แต่เธอจิตใจดีขนาดนี้ แม่รู้ว่าเธอไม่มีทางถือสาแน่นอน วางใจนะ อะไรที่เธอควรได้ก็จะไม่มีทางน้อยหน้า’ ‘อะไรนะ เธอเองก็อยากไปด้วยล้อเล่นหรือเปล่า ทางนั้นเขาต้องการคุณหนูไฮโซ เธอน่ะ แม้แต่เล่นเปียโนสักเพลงก็ยังไม่เป็น จะไปเล่าอะไรให้เขาฟังมีแต่จะทำขายหน้า’ ภายในความฝันเป็นเงาคนเต็มไปหมดกับคำพูดที่ตีกันยุ่งเหยิง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset