EP 13: จอมใจ จอมอหังการ
ผู้เป็นน้องเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ “หล่อแล้วไง รวยแล้วไง มีเสน่ห์แล้วไง แค่คืนเดียวทุกอย่างก็จบ พี่นินยอมเสียตัวเพื่อคืนเดียวกับผู้ชายคนนี้หรือ ดาว่าคนที่พ่อหาไว้ให้พี่น่ะดีที่สุดแล้ว ถึงจะไม่หล่อขั้นเทพเหมือนตานี่แต่ก็จัดว่าหน้าตาดีเลยทีเดียว ส่วนไอ้เรื่องความรวย… เขาก็สามารถเลี้ยงพี่นินได้ตลอดชีวิตสบายๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วอย่างนี้พี่นินจะยังต้องการอะไรอีก”
“แต่พี่ชอบคุณแดน…”
มุนินเอ่ยจากใจจริงๆ แต่ด้วยความที่เป็นหญิงสาวหัวอ่อน ทำให้หล่อนไม่สามารถที่จะขัดคำสั่งของบิดา รวมถึงคำแนะนำของน้องสาวได้
“พี่ยินดีจะแลกความสุขทั้งชีวิตเพียงเพื่ออยู่บนเตียงกับตาบ้านี่คืนเดียวหรือไง” แม่น้องสาวตัวแสบเริ่มเสียงสูงลิบด้วยความขัดใจอีกครั้ง
“ถ้าพี่ยอมล่ะ…”
“ถึงพี่นินยอม แต่หากพ่อไม่ยอม พี่นินก็ขัดไม่ได้”
“พี่รู้… พี่เข้าใจความหวังดีของทุกคน…” ผู้เป็นพี่สาวถอนใจเฮือกใหญ่ ยอมรับว่าฮัมราลก็หล่อ ก็รวย แม้จะไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเดนิเรลก็ตาม แต่หล่อนกลับไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว คงเป็นเพราะว่าหล่อนปักใจต่อเดนิเรลไปแล้วล่ะมั้ง
“เข้าใจก็ดีแล้วพี่นิน… ความเสียใจมันจะได้อยู่ห่างไกลจากพี่…” ดานีนพูดด้วยความเป็นห่วงอย่างจริงใจ
มุนินพยักหน้ารับน้อยๆ “ขอบใจจ๊ะ แม่น้องสาวคนสวย…”
“ถ้าดาสวยได้สักครึ่งหนึ่งของพี่นิน ดาคงนั่งยิ้มทั้งวัน” คำสบประมาทของเดนิเรลยังก้องอยู่ในหู และนั่นก็ทำให้สาวน้อยขาดความมั่นใจในตัวเองไปมากโขเลยทีเดียว
“ใครว่าน้องพี่ไม่สวยกัน น้องดาของพี่สวยวันสวยคืนเลยนะ ยิ่งโตยิ่งสวย…”
“ค่า ขอบคุณที่ชมจ้า” ดานีนรู้ดีว่าพี่สาวชมปลอบใจเท่านั้น
“เอ่อ แล้ววันนี้พี่ฮัมราลจะมารับพี่นินตอนไหนคะเนี่ย ดาจะได้เตรียมแต่งตัวให้พี่นินถูก”
มุนินระบายยิ้มน้อยๆ “เห็นว่ามาทุ่มตรงจ๊ะ แต่ว่าเรื่องแต่งตัวน่ะพี่แต่งเองได้ น้องดาจัดการตัวเองเถอะ คืนนี้จะได้สวยๆ หรือเผลอๆ อาจจะได้หัวใจของหนุ่มสักคนติดมือกลับบ้านมาก็ได้นะ”
ผู้เป็นน้องสาวหัวเราะร่วน “อย่างดาเนี่ยนะคะ?” ยิ่งพูดก็ยิ่งหัวเราะ หัวเราะจนท้องแข็งก่อนจะพูดต่อ “เป็นพี่นินดาจะไม่ขำเลย”
“อย่าดูถูกตัวเองนักสิ… น้องดาของพี่สวยจะตายไป ไว้ดูคืนนี้ก็แล้วกัน”
ไม่เชื่อคำพูดของพี่สาวเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ไม่อยากจะเถียง จึงทำได้แค่พยักหน้ารับส่งๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจากที่นอนของพี่สาว
“งั้นดาไม่กวนแล้วนะคะ พี่นินจะได้แต่งตัวแต่งหน้าสวยๆ ไว้ทุ่มตรงเจอกันค่ะ” กำลังจะก้าวพ้นประตูห้องแล้วเชียวนะ แต่เสียงของพี่สาวก็ทำให้ดานีนต้องชะงักเท้าชั่วขณะ
“แล้วห้ามหนีไปซุกซนที่ไหนล่ะ ไปให้จาเมลาขัดผิวให้ได้แล้ว”
ดานีนไหวไหล่บอบบางของตัวเองน้อยๆ “ถ้าไม่ลืมนะคะ ไปล่ะ บายๆ”
จบคำพูดนั้น ร่างอรชรของดานีนก็พ้นออกไปจากบานประตูทันที มุนินถอนใจออกมาด้วยความอ่อนอกอ่อนใจกับนิสัยเด็กน้อยของน้องสาว
“เมื่อไหร่จะโตสักทีนะน้องดา…”
ชุดราตรีเกาะอกสีชมพูอ่อนของเวอร์ซาเช่ (Versace) คอลเลคชั่นล่าสุดช่างเหมาะเจาะกับร่างอรชรของรดารักษ์ราวกับว่าดอนน่าเทลล่า เวอร์ซาเช่นั้นออกแบบมาเพื่อสาวน้อยโดยเฉพาะยังไงยังงั้น และมันก็ทำให้สาวน้อยที่เคยสวมแต่ชุดฟอร์มสาวใช้อย่างรดารักษ์ทั้งงดงามประดุจนางพญาหงส์ แถมยังเซ็กซี่บาดใจยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันในบางท่วงท่าก็ทำให้หญิงสาวดูสวยหวานเรียบร้อยได้อย่างไม่น่าเชื่อ
รดารักษ์ยืนตัวสั่นอยู่ที่ลานจอดรถเมื่อเห็นสายตาชื่นชมที่เดนิเรลมองมา เดนิเรลไม่ได้มองหล่อนอย่างหื่นหิวแต่เขากลับมองหล่อนด้วยความชื่มชมจากใจจริง และนั่นก็ทำให้สาวน้อยผ่อนคลายลงได้บ้าง
“สวยมากนะรดา…”
หญิงสาวยกมือขึ้นลูบกระโปรงยาวกรอมเท้าแต่ผ่าสูงถึงต้นขาของตัวเองด้วยความขัดเขิน “รดาอยากเปลี่ยนชุดจังเลยค่ะ มันโป๊จัง…”
“ไม่หรอก ชุดราตรีก็อย่างนี้แหละ ฉันว่าเธอใส่แล้วดูยิ่งกว่านางฟ้าอีกนะ”
“นางมารมากกว่ามั้ง!”
เสียงกระด้างที่บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของคำพูดกำลังอยู่ในอารมณ์ใดทำให้คนทั้งคู่ที่กำลังคุยกันอยู่หุบยิ้มฉับ และหันกลับไปมอง เดนิเรลยิ้มขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเป็นราฟาล แต่รดารักษ์น่ะสิที่ยิ้มไม่ออกแถมยังแทบจะเป็นลมล้มคว่ำลงไปอีกต่างหากเมื่อเห็นสายตาหยาบคายที่ราฟาลซัดใส่หน้ามา
“แหมพี่ราฟก็พูดเกินไป ผมว่ารดาสวยจะตาย…”
“จะไปไหนกัน”
เดนิเรลฉีกยิ้มกว้าง “ผมจะควงรดาไปงานบอลล์คืนนี้ครับ พี่ราฟจะไปด้วยกันก็ได้นะ”
“พี่ไม่ว่าง”
ราฟาลปฏิเสธเสียงกระด้างขณะไล่สายตามองร่างอรชรที่งามผุดผาดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า จ้องมองอย่างละเอียดลออทุกซอกมุม อิ่งอ้อยในบางจุดที่อวบอิ่มจนจนคนถูกมองหน้าร้อนกายร้อนผ่าว
“มองแบบนี้รดาก็เขินแย่สิครับพี่ราฟ มองเหมือนจะกินเลย…”
น้องชายหัวเราะขบขัน แต่ผู้เป็นพี่ชายกลับแสยะยิ้มเหยียดหยันออกมา “พี่เคยกินของเน่าๆ ที่ไหนกันล่ะ”
ราฟาลตอบคำถามน้องชาย แต่สายตาชิงชังกลับจ้องมาที่หล่อนเขม็ง นี่เขาคิดว่าหล่อนจะจับเดนิเรลจริงๆ อย่างนั้นหรือ เขาคิดอย่างนี้ได้ยังไงกัน น้ำตาแทบจะไหลพราก พยายามจะบังคับเท้าให้ขยับหนี แต่ขาเจ้ากรรมดันหมดแรงตายดับไปซะอย่างนั้น
“เอาล่ะ นายจะควงคนใช้ไปงานบอลล์ก็ตามใจเถอะพี่ไม่ห้าม… แต่ตอนนี้ขึ้นไปหาเจ้าลีโอมันก่อน มันบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาย”
คิ้วเข้มยาวเป็นปื้นดกดำของเดนิเรลเลิกขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ “พี่ลีโอนะเหรอครับอยากคุยกับผม”
“ใช่…” ราฟาลพยักหน้ารับ ใบหน้าหล่อเหลายังคงไร้ความรู้สึกไม่เปลี่ยนแปลง
“แต่ว่าเมื่อสิบนาทีที่แล้วผมพึ่งคุยกับพี่ลีโอมานะครับ แล้วมันจะ…” ราฟาลไม่คิดจะรอให้น้องชายพูดจบประโยค เขาแทรกขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“ก็แล้วแต่นายแล้วกัน จะขึ้นไปหาเจ้าลีโอมันหรือเปล่า พี่แค่มาบอกเท่านั้น…” ท่าทางไม่มีพิรุธของราฟาลทำให้เดนิเรลเชื่อสนิทใจ
“ก็ได้ครับ… งั้นผมฝากรดาไว้เดี๋ยวหนึ่งนะครับ แป๊บเดียว…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า…” ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่น้ำเสียงของราฟาลช่างเลือดเย็นเหลือเกิน
“รดาอยู่คนเดียวได้ค่ะ…”
“จะได้ไม่เหงาไง เอาล่ะเดี๋ยวฉันรีบมาก็แล้วกัน…”
พอรู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเสือร้ายอย่างราฟาลตามลำพัง ความหวาดหวั่นในอกก็พุ่งขึ้นสูงทันควัน หญิงสาวหันใบหน้าซีดเผือดของตัวเองไปมองเดนิเรล พยายามขอร้องเขาทั้งแววตาและสีหน้า แต่เดนิเรลคงไม่ทันได้สังเกตมั้ง เพราะหลังจากพี่ชายเขารับปาก เขาก็เดินกลับขึ้นตึกไปอย่างรวดเร็ว หล่อนมองตามร่างสูงใหญ่ของเดนิเรลไปน้ำตาแทบร่วงออกมา
เสมือนถูกแส้เหล็กฟาดลงที่กลางแผ่นหลังเปลือยเปล่าเมื่อสายตาของราฟาลจับจ้องมามองอีกครั้ง เขาขยับเข้ามาใกล้ ขณะที่หล่อนถอยหนีอย่างลนลาน แต่พระเจ้าคงรังเกียจหล่อนมากล่ะมั้งถึงดลบันดาลให้หล่อนถอยหลังไปทางรถสปอร์ตที่อยู่ข้างๆ และแน่นอนว่าพอแผ่นหลังเปลือยสัมผัสกับตัวหล่อนเมื่อไหร่ ทางหนีของหล่อนก็บินหายไปในพริบตาเมื่อนั้น
“เลือกได้แล้วหรือ…”
“เลือก?” แม้จะหวาดกลัวแต่ก็อดถามออกไปไม่ได้
เขาแสยะยิ้มหยันจ้องมองมาด้วยความชิงชัง “ก็ในบรรดาน้องชายของฉันไงล่ะ เธอเลือกเจ้าแดนใช่ไหม?” อยากจะปฏิเสธแต่มั่นใจเลยว่าพ่อเจ้าประคุณที่ยืนหน้าบูดเน่าอยู่ตรงหน้าไม่มีทางเชื่อแน่ๆ สู้ยืนเงียบๆ ปล่อยให้เขาพล่ามสิ่งที่อยากพูดจนจบดีกว่า
“ไม่ตอบแสดงว่าใช่…”