ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย – ตอนที่ 39 เฉินฝานซิงคือผู้แพ้ที่น่าสมเพชที่สุดตลอดกาลคนนั้น

ผู้จัดการฝ่ายบุคคลคือชายวัยกลางคนนามว่าหลิวฉี ท่าทางหงุดหงิดมองเธออย่างงงงวยไปครึ่งวินาที ก่อนจะดันเฉินฝานซิงออกไปข้างนอก  

 

 

“อ้ายโหย ลูกสาวฉัน วันนี้เขามีประชุมภายในระดับสูงกัน เดี๋ยวก็จะเริ่มแล้ว เธอจะแจ้นมาที่นี่ทำไม เร็วสิ รีบไปเข้าประชุม”  

 

 

“ผู้จัดการหลิว ฉันมาที่นี่เพราะมีเรื่อง…”  

 

 

“เรื่องอะไรมันจะไปสำคัญกว่าการประชุมครั้งนี้อีกเล่า ไปประชุมก่อน เสร็จแล้วค่อยว่ากัน”  

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้ว แค่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ  

 

 

ก่อนได้รับการตรวจสอบหนังสือลาออก เธอยังคงเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของสกุลซูดังนั้นการเข้าร่วมการประชุมจึงเป็นเรื่องธรรมดา  

 

 

แต่เมื่อเข้าไปพบกับเฉินเชียนโหรว ความหนาวเหน็บก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เย็นชา  

 

 

เฉินเชียนโหรวกลายเป็นผู้บริหารระดับสูงของสกุลซูตั้งแต่เมื่อไหร่  

 

 

และเมื่อเฉินเชียนโหรวมองมาที่เธอ สายตาคู่สวยฉายความยั่วโมโหอย่างที่มีแค่พวกเธอสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ  

 

 

เฉินฝานซิงเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง กวาดมองไปที่น้องสาวด้วยสายตาเย็นชาครั้งหนึ่ง แล้วตรงไปประจำที่ของตัวเอง  

 

 

เพราะก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมประชุมอยู่บ่อยครั้ง เฉินฝานซิงมักจะนั่งที่เดิมมาโดยตลอดนั่นก็คือที่นั่งริมหน้าต่างที่ห่างจากที่นั่งของซูเหิงไม่มาก  

 

 

แรกๆ ก็นั่งตามใจชอบ แม้พอเวลาล่วงเลยไปไม่ว่าคนอื่นๆ จะผลัดเปลี่ยนที่นั่งยังไงแต่ที่นั่งของเธอกลับไม่เคยถูกใครแย่งเลยสักครั้ง  

 

 

เฉินฝานซิงเดินเข้าไปยังที่นั่งด้วยสีหน้าไม่บอกอารมณ์ เมื่อเดินผ่านผู้บริหารระดับสูงคนอื่นๆ ล้วนได้รับคำทักทายจากพวกเขาเหล่านั้น แบบเป็นทางการบ้าง แบบเป็นกันเองบ้าง แต่ก็มีการเคารพกันอย่างไม่ขาดช่วง  

 

 

จริงๆ แล้วตอนที่เฉินฝานซิงเพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ๆ ทุกคนต่างเกิดข้อกังขาและดูถูกในตัวเธอ  

 

 

พวกเขามักจะคิดว่า ในสถานการณ์ที่สกุลซูตกอยู่ในสภาพที่ล่อแหลมเช่นนี้ การนำเฉินฝานซิงเข้ามาเท่ากับว่าทำให้บริษัทมาถึงทางตันโดยการรักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น [1]  

 

 

แต่ไม่นึกเลยว่า สกุลซูจะค่อยๆ กลับมาเข้ารูปเข้ารอยได้จริงๆ  

 

 

พวกเขาจำได้แม่นในวันที่เฉินฝานซิงนั้นก้าวเข้ามาในบริษัทครั้งแรกก็ชักชวนให้ซูเหิงจัดงานแถลงข่าวขอโทษและรับปากต่อสังคมว่าวันหลังจะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดเช่นนี้อีก  

 

 

สกุลซูหวิดจะต้องปิดกิจการไปแล้ว  

 

 

เฉินฝานซิงกลับทำให้บริษัทยืนหยัดขึ้นมาได้  

 

 

ต้องคอยขอโทษและจ่ายค่าชดใช้อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังคอยติดตามประธานซูไปเจรจากับนักลงทุน และสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุนรายใหม่  

 

 

เรื่องเหล่านี้ เสี่ยงเกินไปและยากเย็นเกินไป ไม่มีใครคิดที่จะไปลงมือจริงๆ แม้แต่จะคิดก็ไม่กล้า  

 

 

แต่เฉินฝานซิงกลับทำได้  

 

 

จากนั้นน้ำหอมชั้นนำที่เธอวิจัยและพัฒนาเองอย่าง ‘เว๋ยหนี่’ [2] ก็ได้วางตลาดในนามของสกุลซูจนเป็นกระแสโด่งดังไปทั้งวงการแฟชั่น  

 

 

ตลอดสามปีมานี้ น้ำหอมรุ่นนั้นยังคงเป็นรุ่นที่ครองตำแหน่งรุ่นที่ขายดีที่สุดของสกุลซู  

 

 

ตั้งแต่นั้นมาเรื่องราวมากมายล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถด้านการประชาสัมพันธ์และความเป็นนักปรุงน้ำหอมของเฉินฝานซิง  

 

 

ข้อกังขาและคำหยามเหยียดตั้งแต่ต้นบัดนี้กลับกลายเป็นความเชื่อมั่น เคารพให้เกียรติจากใจจริง  

 

 

เฉินเชียนโหรวที่ยืนอยู่ข้างกายของซูเหิง แรงเกลียดชังและความต่อต้านแผ่ขยายขึ้นจากเบื้องลึก  

 

 

ขบฟันกรอดจนแทบจะแหลกเป็นผุยผง  

 

 

นอกจากความริษยาและต่อต้านในใจของเธอยังตามมาด้วยความลำพองใจ  

 

 

เพราะไม่ว่าเฉินฝานซิงจะเป็นเช่นไรขึ้นมาอีก คนที่หัวเราะที่หลังก็คือเฉินเชียนโหรวเสมอมา  

 

 

ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้!  

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1]  รักษาม้าตายประหนึ่งม้าเป็น  หมายความว่ารักษาทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีทางหาย  

 

 

[2]  เว๋ยหนี่  มาจากอักษรภาษาจีนที่เขียนว่า “维你” มีความหมายว่า “เพียงคุณเท่านั้น”  

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

หลังจากแม่ของเธอจากไป เฉินฝานซิง ก็ถูกพ่อและย่าแท้ๆ ของตัวเองขับไสไล่ส่งไปตายเอาดาบหน้าในประเทศต่างแดนอันแสนทุรกันดาร ทว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงเคี้ยวง่ายอย่างที่คิด ด้วยสมองและสองมือ ในที่สุดเฉินฝานซิงก็หนีกลับมาจากนรกขุมนั้นได้ เธอตัดสินใจแยกตัวออกมาจากครอบครัวสารพัดพิษและใช้ชีวิตอยู่ตามลำพัง คอยทุ่มเทพัฒนาบริษัทของคู่หมั้นที่เกือบจะต้องปิดตัวลงและบริษัทเล็กๆ ที่แม่ของเธอทิ้งไว้ กระนั้นความสัมพันธ์รักแปดปีกลับได้มาแค่ความเชื่อใจที่แสนเปราะบาง เพราะคู่หมั้นกลับไปหลงเชื่อคำโกหกของน้องสาวต่างแม่ที่ชอบตีสองหน้าของเธอเสียได้ ในขณะที่แผลใจจากคนรักเก่ายังไม่ทันหายดี ศรัทธาที่มีในชีวิตคู่ก็เริ่มถดถอย เธอเลือกหันหลังให้กับความรักโดยการขดตัวเป็นตัวเม่นและใช้หนามแหลมๆ นั้นปฏิเสธทุกคนที่เข้าหา ทว่าอยู่มาวันหนึ่ง ป๋อจิ่งชวน ผู้ชายจอมเผด็จการคนนั้นก็ก้าวเข้ามาพร้อมหยิบยื่นความรักครั้งใหม่ให้กับเธอโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ปฏิเสธมันเลยสักนิด! “การตัดสินใจจีบคุณคือเรื่องของผม สุดท้ายแล้วคุณจะปฏิเสธหรือไม่นั่นก็เรื่องของคุณ แต่ผมจะปฏิเสธคำปฏิเสธของคุณ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset