ซ่อน | รัก | ลับ – ตอนที่ 94 อิจฉาตาร้อน

ฟางลู่เป่ยมาส่งเธอ และก็เดินออกไป

เขาต้องรีบไปที่รีสอร์ทที่เพิ่งเปิดใหม่บนเขาเหยียนจิง

จี้ซูค้อนไปที่รถแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมาคุยกับเหอเจิงว่า “พี่สะใภ้ พี่ลู่เป่ยเขาจะไปที่ไหนเหรอ?”

“ไปเที่ยว ช่วงเทศกาบเขาไม่เคยอยู่บ้านหรอก”

ถ้าจะให้เขาอยู่ดูพวกคุณหญิงคุณนายนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกัน เขาขอออกไปผ่อนคลายข้างนอกดีกว่า ได้ออกไปหาพวกสาวๆแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

เพราะเขาไม่ได้แต่งงาน

ทำให้เขาค่อนข้างที่จะไม่มีอะไรผูกมัดและอิสระ

เหอเจิงนึกขึ้นได้ว่าจี้ซูดูไม่ค่อยสบอารมณ์เมื่อครู่ ก็ถามขึ้นว่า “เป็นอะไร เธอก็อยากไปเที่ยวเล่นเหรอ?”

“ฉันยังไม่เคยไปเที่ยวข้างนอกตอนเทศกาลเลย”

เพราะเธอถูกเลี้ยงดูมาเฉกเช่นไข่ในหิน ครั้งนี้ที่ได้ไปอยู่ที่บ้านฟางได้ เป็นอะไรที่สุดๆสำหรับเธอแล้ว

แต่ที่จริงแล้ว เธอก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน

เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงที่บ้านจี้ ก็เห็นว่าจี้ผิงโจวไม่อยู่

พวกเธอจึงไปทักทายกับจี้เหยียนเซียงที่ตึกใต้น้อยก่อน ด้านนอกมีหิมะตกเล็กน้อย เมื่อมาถึง ป้าแม่บ้านก็เรียกจี้ซูเดินเข้าไปก่อน จากนั้นก็หันมาพูดกับเหอเจิงว่า

“คุณหนูฟาง รอสักครู่นะคะ เสี่ยวซูออกมาแล้วคุณค่อยเข้าไป”

จี้เหยียนเซียงมักจะค่อนข้างเพ่งเล็งกับเหอเจิงตลอด

เหอเจิงได้ยินแบบนั้น ก็ทำได้แค่พยักหน้า และยืนรออยู่ด้านนอก

หิมะก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จากที่เป็นชั้นบางๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นหิมะชั้นหนาขึ้น หนาขึ้น

เหอเจิงรู้สึกหนาวจนเท้าแทบไม่มีความรู้สึกแล้ว แต่จี้ซูก็ยังไม่ออกมา

ตอนที่พวกเธอถึงเป็นตอนเช้า รอมาสองชั่วโมงแล้วจี้เหยียนเซียงก็ยังไม่เรียกเธอเข้าไป แต่เพราะต้องรักษามารยาท เหอเจิงจึงทำได้แค่รออยู่อย่างนั้น รอจนถึงเวลาทานอาหารเที่ยง พี่สาวเฉินเดินผ่านตึกใต้น้อยพอดี ก็เห็นเหอเจิงยืนอยู่

เธอจึงส่งโคมไฟที่ถือมาให้คนอื่น และถือร่มไปหาเหอเจิง “เหอเจิง ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะคะ?”

เหอเจิงยืนรออยู่ท่ามกลางอากาศหนาว จนทำให้ตาของเธอแห้งและแดง เธอรู้ว่านี่เป็นการแสดงอำนาจของจี้เหยียนเซียง เธอส่ายหน้าเรียกสติเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ฉันรอเสี่ยวซูค่ะ แต่ช่างเถอะ ฉันกลับก่อนดีกว่า”

“หนาวแบบนี้ ฉันไปส่งดีกว่าค่ะ ฉันกำลังจะกลับพอดี”

ระหว่างทางจากตึกใต้น้อยไปตึกเหนือ เหอเจิงรู้สึกหนาวมากจนตัวสั่นระริก พอเข้าไปในตึก พี่สาวเฉินก็เอาชาร้อนมาให้เธอ เพื่อให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง

“เหยียนเซียงนี่ก็จริงๆเลย ดูสภาพซิ”

ถึงแม้เหอเจิงจะไม่ชอบ แต่เธอก็ยังพอทนได้ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอโดนอะไรแบบนี้ “ไม่เป็นอะไรหรอก ครั้งก่อนฉันด่าเธอไว้ เธอจะทำกับฉันแบบนี้คงไม่แปลก”

พี่สาวเฉินได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา

“คุณขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะค่ะ เปียกไปหมดแล้ว”

จากนั้นเหอเจิงก็ลุกขึ้นยืน

ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าห้องของเธอน่าจะมีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่แล้ว และของๆเธอก็น่าจะโดนคนอื่นใช้ไปแล้วด้วย

พี่สาวเฉินเมื่อเห็นท่าทางลังเลของเหอเจิงก็รู้ดีว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นว่า

“วางใจเถอะค่ะ คุณจ้าวเคยเข้ามาก็จริง แต่ฉันจัดห้องรับแขกไว้ให้ จ้องดูเธอตลอดไม่คลาดสายตา ไม่ให้เธอเข้าห้องคุณค่ะ”

เหอเจิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งอก

แต่เพียงชั่วครู่ก็รู้สึกโหวงๆ

ไม่ช้าก็เร็ว คงจะมีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาอยู่ดีซินะ

จากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อลงมาด้านล่าง พี่สาวเฉินก็ต้มซุปให้เธอรองท้อง พลางบอกแพลนงานคืนนี้กับเธอด้วย

ตอนพลบค่ำ พวกเพื่อนสนิทของจี้ผิงโจวจะมาถึง และบางคนจะพาลูกๆมาด้วย ตอนนั้นก็ต้องให้แอปเปิ้ลให้พวกเขา

เวลาที่พวกเขามาไม่นานมากนัก ปกติแล้วจะมานั่งดื่มชาด้วยกันสักพักเท่านั้น

เหอเจิงรู้และเข้าใจดี

แถมยังรู้อีกว่าคนที่จะมามีใครบ้าง และปีนี้น่าจะมีเจิ้งหลางกับคู่หมั้นเขามาด้วย

เพราะหิมะตกตลอด ทำให้ฟ้ามืดค่อนข้างเร็ว

เวลาประมาณสี่ห้าโมงเย็น ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว

ขณะที่ไฟในสวนซางยังไม่สว่าง จี้ผิงโจวก็รีบกลับมาบ้าน

เขาเห็นเหอเจิงยืนอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ มือข้างหนึ่งของเธอถือร่มอยู่ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็กำลังถือสายโคมไฟระโยงระยางอยู่

เธอพยายามยื่นมือออกไปพันสายไฟ จนในที่สุดก็จัดการกับสายไฟเหล่านั้นได้

โดยมีพี่สาวเฉินเองยืนรอเธออยู่ด้านล่าง

เมื่อเห็นเหอเจิงพันสายไฟเสร็จ ก็ยื่นมือออกไปเพื่อจะรับเธอ แต่เหอเจิงไม่รีรอ เธอกระโดดลงมาทันที และพูดว่า “อีกสักพักตอนเปิดไฟ ไฟดวงข้างบนต้องสว่างที่สุด จะได้สวยๆ”

“ยังดีที่มีคุณอยู่” พี่สาวเฉินกล่าว “พวกภรรยาคนอื่นๆ ไม่ค่อยเข้าใจอะไรพวกนี้เท่าไหร่”

“จริงๆแล้วก็ไม่อะไรมาก แต่ถ้าเด็กๆจะถ่ายรูป ก็อยากให้สวยสักหน่อย”

เธอเป็นคนที่ค่อนข้างใส่ใจรายละเอียด มีบางอย่างหรือบางเรื่องที่พี่สาวเฉินนึกไม่ถึง ก็จะมีเหอเจิงนี่แหละที่คอยใส่ใจ

จากนั้นพี่สาวเฉินก็กางร่ม และหันไปมองทางจี้ผิงโจวพอดี “อ่าโจวโจวกลับมาแล้ว”

เป๋ยเจี่ยนเองก็กำลังถือของออกมาจากรถ

เวลานี้ คนจากตึกใต้น้อยต่างก็พากันออกมารับของขวัญกันแล้ว และเมื่อได้ยินว่าจี้ผิงโจวกลับมาถึงแล้ว จี้ซูก็รีบวิ่งไปหยิบเลโก้ออกมาจากหลังรถ

ผ่านมาหลายวันแล้ว ทำให้อารมณ์โกรธตอนนั้นก็หายไปหมดแล้วด้วยเหมือนกัน

จี้ซูยิ้มชอบอกชอบใจ และพูดขึ้นว่า “พี่สาวบอกว่าอีกสักพักจะไปทานข้าวที่ตึกใต้น้อย ก็เลยไม่มาที่นี่รอพวกเขาแล้ว”

“เข้าไปได้แล้ว” จี้ผิงโจวกล่าวเสียงเรียบ “วันนี้ดูพี่สาวให้ดี”

ประโยคนี้เหมือนมีความนัยน์แฝงอยู่

และจี้ซูเองก็ฟังออก เธอหันไปมองทางเหอเจิง ก่อนจะหันมาตอบว่า “สบายใจได้ วันนี้จะไม่ให้พี่สาวมาทำให้พี่สะใภ้ลำบากใจแน่นอน”

คนรับใช้เมื่อได้ของขวัญแล้วก็ต่างพากันแยกย้าย

เหลือแค่เหอเจิงและคนรับใช้อีกจำนวนหนึ่งที่กำลังจัดสถานที่อยู่ ขณะที่เหอเจิงกำลังยื่นมือไปดึงสายหลอดไฟอยู่นั้น จี้ผิงโจวก็เดินถือร่มไปด้านหลังเธอ และดึงคอเสื้อเธอเข้ามาหาตัวเอง

“คนเยอะขนาดยังไม่พอใช้อีกเหรอไง?” น้ำเสียงเขาฟังดูเรียบๆ “เข้าไป”

และเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการทะเลาะกัน

เหอเจิงจึงทำได้แค่ทำตามคำสั่งเขา ระหว่างทางที่เดินไปตึกหลัก เธอไม่ได้พูดอะไรกับจี้ผิงโจวสักคำ เธอคิดแค่ว่าเธออยากจะผ่านคืนนี้ไปให้ดีที่สุด เพราะคงไม่มีโอกาสได้กลับมาอีกสักเท่าไหร่

เมื่อมาถึง

บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างอบอุ่น

ทุกคนต่างก็พากันหาที่นั่งของตัวเอง และที่ว่างเว้นไว้ก็เป็นที่นั่งสำหรับแขกที่จะใช้ในอีกไม่ช้า

ทั้งถาดแอปเปิ้ล และของขวัญต่างๆ ก็ถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว

จี้ผิงโจวเดินมานั่งข้างๆเหอเจิง จากนั้นก็หยิบของในกระเป๋าเสื้อออกมาและยื่นให้เธอ “เลือกมาให้เธอ”

“ขอบคุณค่ะ”

เหอเจิงไม่แม้แต่คิดจะเปิดดู

จี้ผิงโจวเองก็ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะบังคับให้เธอเปิดดู เพราะช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้น ของที่ให้เธอต่างก็มีแค่ไม่กี่ประเภท มันจึงไม่น่าตื่นเต้นแล้ว

แต่จริงๆแล้วเขาอยากจะซ่อมสร้อยคอกับสร้อยข้อมือให้เธอ แต่เขาหายังไงก็หาไม่เจอ

“ของฉันล่ะ?”

ทุกๆปีเหอเจิงจะแลกของขวัญกับจี้ซู และทุกๆปีจี้ผิงโจวก็มักจะอิจฉา

“อะไร?” เธอตกใจและงง

“ของขวัญ”

“ไม่มี”

จี้ผิงโจวรู้สึกไม่ค่อยพอใจ เพราะน้อยมากที่เขาจะพูดเอ่ยขอของขวัญกับคนอื่น “เทศกาลสำคัญแท้ๆ ทำไมเธอ…”

ยังไม่ทันที่เขาจะได้ระบายความในใจ

พี่สาวเฉินก็วิ่งเข้ามา และพูดอย่างดีใจว่า “โจวโจว บ้านเฉิงกับบ้านหานมากันแล้วค่ะ”

ซ่อน | รัก | ลับ

ซ่อน | รัก | ลับ

ฟางเหอเจิงแต่งงานกับจี้ผิงโจวในฐานะลูกสาวนอกกฎหมายของตระกูลฟาง เธอถ่อมตัวต่อหน้าเขา เธอเก็บความรู้สึกทุกอย่างได้จนสามารถกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับคนรักของเขาได้ ระยะเวลาสามปีเต็ม ไม่มีใครเคยเห็นฟางเหอเจิงอิจฉาและเสียอารมณ์ จนกระทั้งมีการเปิดเผยข้อตกลงการหย่าร้างต่อสาธารณะ ไม่มีใครรู้เลยว่าฟางเหอเจิงรักใครอีกคน ในคืนแรกของการแต่งงานเธอจูบดวงตาของเขา เรื่องที่ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเขา มีคนถามว่าเธอรัก ฟางเหอเจิงแต่งงานกับเพราะอะไร? เธอตอบว่าเพราะดวงตาเขา เธอรักดวงตาของเขาเท่านั้น ..

Comment

Options

not work with dark mode
Reset