ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – บทที่ 876 เยี่ยนจ้าวเกอที่มาถึงโลกซ้อนโลกอย่างแท้จริง

เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงด้านหลังของเจิ้งกั๋วกงในชั่วพริบตา ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าจินตนาการของเขา

หอกเผิงยักษ์ในหอกเจ็ดวิหคอันเป็นวรยุทธ์ของเชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง เรียกได้ว่าถนัดในด้านความเร็ว

ขุมกำลังที่เคลื่อนไหวอยู่ในทะเลหวงเจียเมื่อก่อน มีแต่คนในสำนักแสงสว่างที่ฝึกฝนธารแสงพันมายาเท่านั้น จึงจะเทียบความเร็วกับวิชานี้ได้

เจิ้งกั๋วกงในฐานะยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก แม้ว่าจะสู้เสวียนเฉิงอ๋องไม่ได้ ทว่าฝีมือก็ไม่ใช่ธรรมดา

ในยามที่เขาเกิดความคิดหนี ก็ใช้ท่าร่างหอกเผิงยักษ์พาตัวเองลอยไปทันที

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับเร็วกว่าเขา!

“ท่านคือเจิ้งกั๋วกงแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอเคยตรวจสอบโฉมหน้าของยอดฝีมือระดับสูงสุดของราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องผ่านภาพเหมือนเงาแสงมาหมดแล้ว แค่มองแวบเดียวจึงจำอีกฝ่ายได้ทันที

เขาอดยิ้มพลางส่ายหน้าไม่ได้ “ตอนยังอยู่ที่หอสักการะย่อยสำนักความมืดแห่งนั้น พวกเราไม่มีวาสนาพบเจอกัน แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ครานั้นไม่ได้พบกัน ไม่เช่นนั้นข้าเกรงว่าข้าคงมีสภาพย่ำแย่ ตอนนี้ได้มาสนทนากับท่านเช่นนี้แล้ว”

เจิ้งกั๋วกงใบหน้าเขียวคล้ำ นึกว่าเยี่ยนจ้าวเกอกำลังเยาะเย้ยตน

เขากลับไม่ทราบว่าในตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะมาถึงโลกซ้อนโลกเป็นครั้งแรกได้ไม่นาน ผ่านการช่วยเหลือของพัดไม้เจี้ยน อาศัยอยู่ที่หอสักการะย่อยสำนักความมืดแห่งนั้น สุดท้ายหอสักการะย่อยแห่งนั้นก็ประสบการโจมตีจากราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง

และคนที่นำทัพมาบุกหอสักการะย่อยแห่งนั้นก็คือเจิ้งกั๋วกง

เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนั้นยังไม่ได้เลื่อนจากบรรลุธรรมเป็นศักดิ์สิทธิ์ พลังฝึกปรือห่างชั้นจากเจิ้งกั๋วกงอย่างยิ่ง

มาถึงตอนนี้ เจิ้งกั๋วกงยังคงมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอกลับเลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า แม้กระทั่งพลังยิ่งเหนือกว่าอีกฝ่ายไปแล้ว

จะว่าไปเวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอพอนึกถึง ก็ทอดถอนใจอยู่หลายส่วน

เจิ้งกั๋วกงแค่นเสียง “เด็กน้อยตระกูลเยี่ยน เจ้าอย่าทำตัวโอหังนัก!”

“แม้ว่าวันนี้ระดับพลังของเจ้าจะพุ่งทะยาน แต่เจ้าก็ยังไร้เดียงสาเกินไป! เหล่าบรรพบุรุษราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องของข้าในครั้งนี้กลับมายังทะเลหวงเจียพร้อมกัน สภาวะกวาดล้างใต้หล้าไม่อาจป้องกันได้อีกแล้ว!”

เขากล่าวอย่างคับแค้น “แม้ตอนนี้เจ้าจะหันหน้าหนี คิดจะออกจากทะเลหวงเจีย ก็ใช่ว่าจะสมปรารถนา!”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “ท่านกำลังบอกข้าเป็นนัยว่า สังหารท่านไปก็ไร้ประโยชน์ มิสู้ปล่อยท่านไป แล้วรีบหนีเอาชีวิตรอดดีกว่า ประหยัดเวลาสักเล็กน้อย บางทีอาจจะรอดได้นานอีดนิดหน่อยกระมัง”

เจิ้งกั๋วกงถูกเยี่ยนจ้าวเกอพูดเปิดโปง สีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย

ชายหนุ่มส่ายหน้า หุบยิ้ม กล่าวอย่างจริงจัง “ในอีกความหมายหนึ่งก็คือ วันนี้ข้าแซ่เยี่ยนจึงค่อยนับว่ามาถึงโลกซ้อนโลกอย่างแท้จริง”

“การสะสางบุณคุญความแค้นระหว่างข้ากับราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋องของท่าน ถือเป็นสงครามแรกหลังจากได้มาถึงโลกซ้อนโลกของข้าแซ่เยี่ยน”

เขามองเจิ้งกั๋วกง กล่าวอย่างเฉื่อยชา “เริ่มจากท่านเป็นคนแรก”

พูดจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็ยกมือขึ้น ก่อนจะพลิกฝ่ามือแล้วฟาดใส่ศีรษะของเจิ้งกั๋วกงทันที!

เจิ้งกั๋วกงตวาดขึ้น ไหนเลยจะงอมือรอความตาย โต้ตอบทันที

แต่หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอยกฝ่ามือขึ้นแล้วฟาดลง เจิ้งกั๋วกงก็รู้สึกได้แค่ว่า ท้องนภาตรงหน้าพังทลายลง ฟ้าดินกลับตาลปัตร

พลังงานอันน่ากลัวที่กลับเปลี่ยนทิศทางนี้ กดอัดเขาไว้กับที่จนไม่อาจเคลื่อนไหวร่างได้โดยสิ้นเชิง

ญาณจริงแท้กลายเป็นเปลวเพลิงลุกโชนพุ่งสู่ท้องฟ้า ทว่าพริบตาถัดมาก็ดับมอดไปในทันที

ฟ้าดินยังคงเอียงคว่ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเปลวเพลิงไม่กี่สายระหว่างฟ้าดินเหล่านี้

เจิ้งกั๋วกงถลึงตา เห็นเยี่ยนจ้าวเกอลดฝ่ามือลง ตนกลับไม่อาจใช้พลัง หรือแม้กระทั่งหลบหลีก

ถ้าหากบอกว่าคู่ต่อสู้มากมายที่เผชิญกับรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอก่อนหน้านี้ จิตใจเจอกับความสั่นสะเทือนจากจิตหมัดของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว

เช่นนั้นเจิ้งกั๋วกงในตอนนี้ก็เหมือนกับภัยพิบัติอันน่าพรั่นพรึงที่ทิศทางพลิกเอียงคว่ำ ฟ้าดินพลิกเปลี่ยนที่แท้จริง

ไม่ว่าเขาจะต้านทานอย่างไร หลบหลีกอย่างไร ก็ไม่อาจหลบฝ่ามือนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอได้!

เสียงตูมดังขึ้น เมื่อเยี่ยนจ้าวเกอฟาดฝ่ามือลง

เจิ้งกั๋วกงถึงขั้นไม่ทันใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นต่ำที่พกติดตัว ก็ถูกฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอกระแทกกระโหลกจนกลายเป็นผุยผง!

เยี่ยนจ้าวเกอหลังจากสังหารอีกฝ่ายด้วยหนึ่งฝ่ามือ ก็ไม่ได้แหลบเแลอีก เพียงแค่เก็บของวิเศษบนตัวเจิ้งกั๋วกง จากนั้นก็โยนเข้าไปในเตาสามขาสองเตาที่ยึดติดกันอยู่

ต่อมาเขาก็ก้าวเท้าออก มุ่งหน้าไปยังเขากว่างเฉิงบนดินแดนจิตคุณธรรม ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

เขามีความเร็วสูงยิ่ง ข้ามมหาสมุทรไร้ขอบเขตในชั่วอึดใจ

หลังจากเดินทางได้สักระยะหนึ่ง ชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกหวั่นใจ จึงมองไปยังสถานที่ซึ่งไกลออกไป

เขาเห็นประกายกระบี่สายหนึ่งที่ฝั่งตรงข้ามห่างออกไป ฟันมาใส่ตัวเอง!

ประกายกระบี่เหมือนกับกระแสเวลาสายหนึ่ง ทรงพลังยิ่งใหญ่ เคลื่อนไหวตลอดกาล

แสงไม่ได้สว่างไสวละลานตา กลับบริสุทธิ์ราวกลับน้ำ

ทว่าไม่ว่าประกายกระบี่ไปถึงที่ใด ที่นั่นล้วนกลายเป็นซีดขาว พร่าเลือนไม่ชัดเจน

เสียงของผู้มาแฝงความเคียดแค้นไร้สิ้นสุด ดังขึ้นทีละคำ

“เยี่ยน! จ้าว เกอ!”

เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้นก็หัวเราะฮ่าๆ “คังผิง ท่านมาได้พอดีเลย!”

ผู้มาคือผู้นำของสิบกระบี่ผู้วิเศษแห่งราชวงศ์ต้าเสวียนอ๋อง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทะเลหวงเจียในอดีต ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธฺ์ขั้นเจ็ด คังผิง!

เนื่องจากความตายของคังฮูหยินจึงกลายเป็นความแค้นเป็นตาย ภายหลังถูกเยี่ยนจ้าวเกอกระแทกเข้าไปในหุบเหวหลุมดำที่เกิดจากซากของเทาเที่ยที่ใต้ก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์

หลายปีผ่านไป ในที่สุดก็หลุดออกมาได้

ความเคียดแค้นชิงชังทั้งหมด ในตอนนี้ล้วนกลายเป็นจิตสังหารที่สั่นสะท้านเด็ดขาด!

คังผิงใบหน้าไร้อารามณ์ ไม่เห็นโทสะแม้แต่น้อย กระนั้นน้ำเสียงกลับทำให้จิตใจของผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บ “เยี่ยนจ้าวเกอ ครั้งนี้ไม่มีหลินฮั่นหัวคอยคุ้มครองเจ้าแล้ว”

“ในตอนนั้นแม้หลินภูผาเงาไม่ลงมือ ท่านก็จัดการข้าไม่ได้อยู่ดี” เยี่ยนจ้าวเกอสบตากับคังผิง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “กลับเป็นวันนี้ ไม่ทราบว่ามีคนคอยคุ้มครองท่านหรือไม่”

“ในตอนที่บิดาข้าลอยมายังโลกซ้อนโลกเป็นครั้งแรก ได้กล่าวว่า เพิ่งมาถึงดินแดนใหม่ ได้ยอดฝีมือสังเวยดาบ เป็นเรื่องน่ายินดีของชีวิต”

“ในจุดนี้ ข้ากับบิดาของข้ามีความเห็นตรงกัน”

เขายืนอยู่กลางอากาศ ขาข้างหนึ่งอยู่หน้างอเข่าเล็กน้อย ไพล่สองมือไว้ด้านหลัง เอียงคอมอคังผิง “อ้อ มีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย บิดาข้าคือสังเวยดาบ ของข้าคือสังเวยกระบี่”

คังผิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่กล่าววาจามากความ แทงกระบี่หนึ่งออกทันที “ข้าจะไม่นำเจ้ามาสังเวยกระบี่ ข้าจะเอาศีรษะเจ้ามาสังเวยฮูหยินของข้า!”

การถูกขังอยู่ในหลุมดีใต้ก้นทะเลของดินแดนสุทธทัศน์เป็นเวลาหลายปี ไม่ทำให้คมกระบี่ของคังผิงเปลี่ยนเป็นทื่อลง

กระบี่กาลเคลื่อนคล้อยของเขา ยังคงมีสภาวะน่าตกตะลึง เจตจำนงกระบี่ดุดัน ดังเช่นในตอนที่ต้องการสังหารเยี่ยนจ้าวเกอเป็นครั้งแรก

ทั้งหมดถึงขั้นเหนือกว่าเดิม!

เยี่ยนจ้าวเกอไม่อำพรางพลังฝึกปรือของตัวเอง

คังผิงพอเห็นดังนั้น ก็มองออกได้อย่างเลือนรางว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ แต่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน

คนหนุ่มที่ในอดีตได้แต่ต้องหนีเอาชีวิตรอดเพราะกระบี่ของตน บัดนี้อยู่ในระดับที่เกือบเทียบเท่าตนแล้ว

และคนหนุ่มซึ่งที่แล้วมาอยู่เหนือคนจำนวนมากผู้นี้ ปัจจุบันจะมีพลังน่ากลัวถึงขนาดไหนกัน

คังผิงมองไม่ออกโดยสิ้นเชิง

แต่แค้นสังหารภรรยา ไม่ว่าใครก็ไม่อาจขัดขวาง

อย่างไรเขาไม่ขออยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเยี่ยนจ้าวเกอ!

ดังนั้น สิ่งที่เขาเลือกก็คือ ลงมือด้วยกำลังทั้งหมดในทันที!

ไม่ใช่แค่พลังทั้งหมดของตัวเองเท่านั้น เขายังได้กระตุ้นกระบี่ประกายฟ้าเมฆาเคลื่อน ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงอีกด้วย!

คังผิงที่เดิมทีมีพลังเลิศล้ำอยู่แล้ว สืบเนื่องจากการเสริมพลังโดยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ การโจมตีสุดกำลังนี้ใกล้เคียงกับผู้วิเศษเซิงผู้เป็นอาจารย์ปู่ของตัวเองแล้ว

ฟ้าดินตรงหน้า กลายเป็นกระแสปั่นป่วนของมิติในทันทีเพราะแค่กระบี่เดียว!

เยี่ยนจ้าวเกอมองศัตรูผู้นี้ ศัตรูที่เคยใช้แค่หมัดเปล่าก็ทำให้ตนไม่มั่นใจว่าจะจัดการได้ แม้นจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีรับมือก็ตาม โดยสภาพจิตใจที่เรียบเฉยยิ่ง

“กระบี่แห่งกาลเวลา…” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ ยิ้มขึ้นแล้วเอ่ยว่า “การไหลของวิเศษ เป็นหนึ่งในสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกจริงๆ สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องราวได้มากมาย”

เตาสามขาสองเตาที่ประกบติดกันโผล่ขึ้นมา

เยี่ยนจ้าวเกอตบเบาๆ เตาผลึกหินชั้นในกับเตาทองคำม่วงเมฆาลี้ลับก็แยกออกจากกัน

ด้านในเตาผลึกหินชั้นในมีแสงสีม่วงหลายสายพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า กระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ไม้ท่อนหนึ่งค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากข้างใน

แบ่งเป็นเจ็ดปล้อง ยาวเจ็ดฉื่อ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset