เยี่ยนจ้าวเกอสู้กับลิ่นเชียนเฉิงและฟางข่านชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอยู่ด้านนอก แต่ก็พยายามไม่เปิดเผยว่าตนมีความเกี่ยวข้องกับสวีเฟยและสือจวิน เพราะกลัวว่าพวกเขาจะโดนลูกหลงไปด้วย
โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ทราบว่าสือจวินออกไปด้านนอกตั้งนานแล้ว หลังจากมาถึงเขาหงส์วิเศษ เยี่ยนจ้าวเกอก็โล่งใจที่ตนเองระมัดระวังตัวก่อนหน้า
ข้อบกพร่องของเคล็ดวิชามารเงาลวงของลิ่นเชียนเฉิงถูกเปิดเผย ในตอนนี้เป็นเป็นเวลาที่ต้องหลบเลี่ยงมรสุม เพื่อไม่ให้ถูกผู้คนรุมสังหาร
ผู้ปกครองเกาะจิตประสานฟางข่านถูกสังหาร ถึงแม้ว่าจะมียอดฝีมือมากมาย แต่ว่าสายน้ำหยดพิรุณที่เยี่ยนจ้าวเกอเหลือไว้ ทำให้เกิดข้อถกเถียงระหว่างพวกเขากับสำนักคืนวิญญาณ ทำให้ในช่วงสั้นๆ นี้ไม่มีเวลาว่างเพราะความสับสนวุ่นวาย
แต่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้ลืมว่า บนโลกผืนสมุทรยังมีขุมกำลังระดับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่มีความแค้นกับตนอยู่ นั่นก็คือสำนักตาข่ายปีศาจซึ่งเป็นหนึ่งในหกพรรคมาร
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งซึ่งเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณแห่งสำนักตาข่ายปีศาจ ‘วิหคปีศาจ’ เจียงสยง และมหาปรมาจารย์อีกหลายคน ล้วนถูกเยี่ยนจ้าวเกอฆ่าทิ้งที่ทะเลรางเลือน
เกาะจิตประสานเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปจนทุกคนทราบโดยทั่วกัน
ในการต่อสู้ที่ระเบียงสมุทร ครั้นสำนักตาข่ายปีศาจทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวขึ้นก็รีบไปทันที แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคดีหรือไม่ เขาจึงไปสายก้าวหนึ่ง
ครั้นเจ้าสำนักตาข่ายปีศาจไปถึง การต่อสู้ที่ระเบียงสมุทรก็ปรากฏผลลัพธ์กระจ่าง เยี่ยนจ้าวเกอต่อสู้อย่างน่าทึ่ง และจากไปด้วยความสง่างาม
เมื่อมีร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอยู่ด้วย เจ้าสำนักตาข่ายปีศาจจึงไม่กล้าไล่ล่าเยี่ยนจ้าวเกอคนเดียว ได้แต่ยอมปล่อยไปด้วยความคับแค้น
ก่อนหน้านี้เยี่ยนจ้าวเกอยังมีความกังวลเล็กน้อย ถ้าหากคนของสำนักตาข่ายปีศาจทราบว่าตนมีความสัมพันธ์กับสวีเฟยและสือจวิน ก็อาจจะสร้างความลำบากให้พวกเขาก็ได้
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่า ข่าวที่ส่งกลับมาจะมิได้มีความเกี่ยวข้องกับสำนักตาข่ายปีศาจ กลับเป็นสือจวินลักพาตัวลูกศิษย์หญิงของสำนักมังกรโลหิตผู้หนึ่ง แล้วหายตัวไปพร้อมกัน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” เยี่ยนจ้าวเกออ้าปากตาค้าง ด้วยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี “มิใช่หนีตามกันหรอกกระมัง? เด็กน้อยผู้นี้ใช้ได้ทีเดียว ข้าถูกใจนัก”
ไป๋จิ่งคังที่มาแจ้งเขากลับยิ้มไม่ออก “คนที่หายตัวไปคือเฉินอิ๋ง ซึ่งเป็นธิดาเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักมังกรโลหิต
“ข่าวที่สำนักมังกรโลหิตส่งมา…คือหลานสือจวินคิดทำมิดีมิร้ายเฉินอิ๋ง มีลูกศิษย์สำนักมังกรโลหิตคิดขัดขวาง สุดท้ายถูกสือจวินสังหารทิ้งสองคน ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคน จากนั้นเขาก็ชิงตัวเฉินอิ๋งไป ตอนนี้ไม่ทราบว่าไปยังที่ใดแล้ว”
สวีเฟยขมวดคิ้ว “เป็นไปได้อย่างไร?”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตัวเอง มองไปยังสวีเฟย “ตามการบรรยายของศิษย์พี่สวีในหลายวันมานี้ คิดว่าไม่เหมือนเขาจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้”
ตามคำบอกเล่าของสวีเฟย การเติบโตของสือจวิน จะมากจะน้อยก็ยังได้รับอิทธิพลจากสือซงเทาที่เป็นบิดาของเขาอยู่บ้าง
นั่นไม่ได้หมายความว่านิสัยยิ่งมายิ่งเหมือนกับสือซงเทา แต่สือจวินคล้ายตั้งใจจะแบ่งแยกกับบิดา
สะท้อนให้เห็นว่า สือจวินไม่ยอมอดกลั้นต่อเรื่องเลวทราม เกลียดชังความชั่วร้าย
…เหมือนกำลังพิสูจน์ว่าตนแตกต่างกับสือซงเทา
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ อิทธิพลนี้ยังอยู่ในขอบเขตที่พอรับได้ แต่ว่าจำเป็นต้องระมัดระวัง
สือจวินมีนิสัยเปราะบางและเป็นผู้ใหญ่เร็ว เรื่องราวในอดีตทำให้เขามีความปรารถนาที่จะพิสูจน์ตัวเอง
ดีที่หลายปีมานี้สวีเฟยตั้งใจสั่งสอน นอกจากจะมีนิสัยใจร้อนไปเล็กน้อย แต่ก็รักความถูกต้อง ในช่วงที่รอเยี่ยนจ้าวเกออยู่ที่เขาหงส์วิเศษ จอมยุทธ์เขาหงส์วิเศษก็ชื่นชมเขาไม่น้อย
คนที่ทราบว่าเยี่ยนจ้าวเกอเกี่ยวข้องกับสือจวินมีอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นการวิจารณ์นี้จึงพอเชื่อถือได้
เยี่ยนจ้าวเกอมองไป๋จิ่งคัง “ตามที่ข้าทราบ สำนักมังกรโลหิตกับเขาหงส์วิเศษมิได้มีความสัมพันธ์ปรองดองมากนัก”
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้จักไป๋จิ่งคังสองสามีภรรยา เขาเห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาและจอมยุทธ์สำนักมังกรโลหิต อีกฝ่ายคิดจะลงมือสังหาร ทั้งยังกำหนดสถานที่ตายให้พวกเขา
ไป๋จิ่งคังพยักหน้าอย่างเคร่งขนรึม “ถูกต้อง บางทีในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมะ ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักเรากับสำนักมังกรโลหิตนับว่าย่ำแย่ที่สุด”
ถ้าหากไม่พูดถึงการต่อสู้ระหว่างธรรมะและมาร เช่นนั้นสองสำนักที่มีความสัมพันธ์เลวร้ายที่สุดบนโลกผืนสมุทรก็คือสำนักมังกรโลหิตและสำนักตาข่ายปีศาจ
แทบจะถือได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาต
หลายปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะมีหกพรรคมารเป็นศัตรูร่วมกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักมังกรโลหิตและเขาหงส์วิเศษคงจะเลวร้ายกว่านี้
เยี่ยนจ้าวเกอแบมือ “ดังนั้นเราไม่อาจเชื่อการสรุปฝ่ายเดียวของสำนักมังกรโลหิตได้ ไม่แน่ว่าพวกเขาคิดอาศัยข้ออ้างนี้เพื่อหาเรื่องก็เป็นได้”
เขาหรี่ตาลง สาดประกายเย็นเยียบออกมา “สิ่งที่ข้าสนใจคือ ศิษย์หลานของข้าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน”
สวีเฟยพูดอย่างเชื่องช้า “ดีหรือร้ายไม่อาจคาดการณ์ได้ ต้องตามหาเสี่ยวจวินเอ๋อร์ก่อน ดูว่าเขาจะบอกอย่างไร”
ไป๋จิ่งคังยิ้มด้วยความขื่นขม “ตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ ยังหาที่อยู่ของหลานสือจวินไม่เจอ”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอกับสวีเฟย มีคำพูดแต่ไม่ได้กล่าวออกมา
ความเป็นไปได้ตามที่เยี่ยนจ้าวเกอพูด เขาหงส์วิเศษเองก็กังขาเช่นกัน ถ้าหากว่าคิดในแง่ร้ายที่สุด สือจวินอาจจะประสบอันตรายแต่แรกแล้ว ตอนนี้สำนักมังกรโลหิตทำตัวเป็นขโมยที่ตะโกนให้จับขโมยอีกที
“บางทีอาจไม่ทราบว่าข้ากับศิษย์พี่สวีมีความสัมพันธ์กับเสี่ยวจวินเอ๋รอ์ แต่สำนักมังกรโลหิตจะต้องรู้แน่ว่าข้าอยู่ที่เขาหงส์วิเศษ” สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่ง พูดพลางครุ่นคิด “สำนักมังกรโลหิตกล้ามากล่าวโทษกันแบบนี้ จะต้องมีอะไรสนับสนุนแน่นอน”
“ถึงอย่างไรเขาหงส์วิเศษของพวกท่านกับวังผลึกวารีก็มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดี”
“ถ้าพวกเขามีหลักฐานจริงๆ อยู่ในมือ เช่นนั้น…” เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดเล็กน้อย “พวกท่านระวังทิศทางของบ่อหมื่นกระบี่ไว้ให้ดี”
ไป๋จิ่งคังพยักหน้าช้าๆ
เยี่ยนจ้าวเกออยู่ฝ่ายเดียวกันกับเขาหงส์วิเศษ ก็เท่ากับว่าวังผลึกวารีมีผู้ช่วยที่เข้มแข็งเพิ่มขึ้น
การร่วมมือระหว่างสำนักมังกรโลหิตกับบ่อหมื่นกระบี่จะแน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิมเพื่อเตรียมตัวรับมือ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่พันธมิตรของบ่อหมื่นกระบี่กับเกาะจิตประสานถูกลดทอนพลังลง
เยี่ยนจ้าวเกอมองไป๋จิ่งคัง “เบาะแสสุดท้ายของเสี่ยวจวินเอ๋อร์อยู่ที่ใด”
ขอแค่คนยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้จะไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ก็ใช่ว่าจะไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง
ส่วนความเป็นไปได้ที่สือจวินจะเกิดเรื่องนั้น เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดมาก่อน แต่ขอแค่ยังมีความหวัง เขาย่อมไม่ยอมละทิ้ง
ไป๋จิ่งคังเล่าว่า “อยู่ที่ทะเลตาข่ายดาว ข่าวมาจากสำนักมังกรโลหิต”
ขณะที่พูด เขาก็หยิบเครื่องรางหยกชิ้นหนึ่งออกมา ก่อนจะใส่ญาณจริงแท้ลงไป แสงสว่างที่สาดออกมาจากเครื่องรางหยก รวมตัวกันกลายเป็นภาพมายาเงาแสง
ในภาพเงาแสง เห็นคนกลุ่มคนสองสองกลุ่มนั่งประจัญหน้ากันอยู่ในโถงใหญ่แห่งหนึ่ง บรรยากาศตึงเครียดยิ่ง
ผู้อาวุโสเขาหงส์วิเศษคนหนึ่งกล่าวเสียงทุ้ม “ถึงแม้สือจวินจะมิใช่ลูกศิษย์เขาหงส์วิเศษ แต่ก็โตขึ้นบนเขาหงส์วิเศษตั้งแต่เด็ก ข้ารู้จักนิสัยของเขาดี เขาไม่มีทางเป็นคนทำเรื่องผิดประเวณีเด็ดขาด”
กลุ่มคนที่อยู่ตรงกันข้ามย่อมเป็นคนของสำนักมังกรโลหิต ชายชราที่เป็นผู้นำโมโห “พวกเดรัจฉาน พวกเจ้ายังจะปกป้องเขาอีกหรือ?”
ชายชราผู้นี้หยิบเครื่องรางหยกชิ้นหนึ่งออกมา บนเครื่องรางหยกชิ้นนี้ปรากฏภาพมายาเงาแสงเช่นกัน คล้ายกับเป็นร่องรอยของเหตุการณ์ที่เหลืออยู่ในตอนนั้น
ในภาพนั้นมีชายหนุ่มผู้หนึ่งถือกระบี่ไว้ในมือขวา แทงคนผู้หนึ่งด้วยความอำมหิต
เขาโอบประคองผู้หนึ่งไว้ เป็นสตรีนางหนึ่ง
หลังจากแทงอีกฝ่ายตาย ก็มีคนล้อมเขามากว่าเดิม ชายหนุ่มผู้นี้พาสตรีนางนั้นกระโดดเข้าไปในน้ำวน หายไปในพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอมองเงาแสงที่อยู่ในเงาแสงอีกที เหตุการณ์จึงดูขาดความสมจริงเล็กน้อย
“ศิษย์พี่สวี?” เยี่ยนจ้าวเกอหันไปหาสวีเฟย ผู้เป็นศิษย์พี่พยักหน้า “เป็นจวินเอ๋อร์”