ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 60 แมงป่องกระดูกขาว

ตอนที่ 60 แมงป่องกระดูกขาว

หลิ่วหมิงเหาะอยู่สูงจากทรายดำสิบกว่าจั้งอย่างระมัดระวัง และมองดูแผ่นสีเงินในมืออยู่บ่อยครั้ง

ทันใดนั้นเขาหยุดเมฆเทาไปพักหนึ่ง จากนั้นก้มหน้ามองแผ่นเงินในมืออย่างละเอียดแล้วเริ่มร่ายคาถาในทันที มือข้างหนึ่งยกขึ้นแล้วยื่นลงด้านล่าง

ลูกเปลวไฟสีแดงลูกหนึ่งพุ่งยิงลงไป

“ตู้ม!” หลังจากมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เปลวไฟกลิ้งไปยังด้านล่าง ปรากฏหลุมทรายลึกฉื่อกว่าๆ ออกมา ในขณะเดียวกันเศษซากปีศาจชิ้นหนึ่งลอยออกมาจากในนั้น

หลิ่วหมิงก้มหน้าเขม้นตามองสักพักถึงดูออกว่ามันคืออะไร

“ที่แท้ก็คือซากปีศาจปูที่เป็นปีศาจระดับต่ำ ด้วยพลังที่โตเต็มวัยของซากปีศาจก็พอที่จะจัดเป็นปีศาจระดับพลทหารได้แล้ว แต่มันกลับถูกสังหารตายเช่นนี้หรือว่าสถานที่แห่งนี้ยังมีปีศาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า”

หลิ่มหมิงพูดพึมพำไม่กี่ประโยคแล้วก็แสดงสีหน้าตกใจระคนดีใจ

ดีใจ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้มีปีศาจระดับต่ำแน่นอน ตกใจ เพราะว่าบริเวณนี้ยังมีปีศาจที่มีพลังแข็งแกร่งอันน่ากลัวอยู่ตนหนึ่ง ถ้าเขาไม่ระวังก็อาจจะเป็นดังซากปีศาจปูตนนี้

เขาขี่เมฆเหาะวนแถวนี้ไปหนึ่งรอบ และยังคงเหาะไปยังทิศทางเดิมต่อแต่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม

ครึ่งวันผ่านไป หลิ่วหมิงเหาะออกไปได้ไกลหลายสิบลี้ แต่ที่น่าแปลกใจคือนอกจากซากปีศาจปูที่ไม่ครบส่วนตนนั้นแล้วก็ไม่มีปีศาจตนอื่นปรากฏอีกเลย

หลิ่วหมิงรู้สึกมืดบอดกับสถานการณ์เช่นนี้

เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ แสดงปีศาจตนนั้นแข็งแกร่งกว่าที่คาดคิดไว้มาก มิเช่นนั้นคงไม่ครอบครองพื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้

ทันใดนั้น เข็มสีแดงสดในแผ่นสีเงินที่อยู่บนมือก็สั่น และหมุนวนไปหลายรอบอย่างบ้าคลั่ง มันชี้ไปยังทิศทางหนึ่งโดยฉับพลัน และเริ่มกระพริบอยู่ไม่หยุด

หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนทันที เมฆเทาใต้ร่างก็หยุดนิ่งไม่เหาะต่อแล้ว

มือข้างหนึ่งของเขาตบลงไปที่หน้าอกฉับพลัน แสงสีดำสามจุดปรากฏขึ้นบริเวณนั้นแล้วปรากฏเป็นโล่แสงสีดำบังอยู่หน้าตัวเขา

และเกือบจะในขณะเดียวกัน เม็ดทรายด้านล่างก็ส่งเสียงดัง “ซู่!” เส้นสีดำเส้นหนึ่งยิงพุ่งออกมาด้วยความรวดเร็ว แม้แต่สายตาหลิ่วหมิงก็พอจะมองเห็นเป็นแค่เงาลางเลือนเท่านั้น เขาตกใจเป็นอย่างมากคิดที่จะหลบหลีกยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เสียงดัง “เพล้ง!”

เส้นสีดำโจมตีลงบนโล่แสงที่อยู่ด้านหน้า เกิดประกายไฟกระพริบไม่หยุดจนมันเกือบจะแตกร้าว

และปลายเส้นสีดำนี้เป็นตะขอแหลมยาวเพียงไม่กี่ชุ่น ทั้งยังส่งกลิ่นคาวที่ทำให้คนที่ได้กลิ่นอยากจะอาเจียนออกมา

ด้วยเหตุนี้ หลิ่วหมิงจึงถูกแรงมหาศาลโจมตีจนไม่สามารถยืนได้มั่นคง และไม่สามารถประคองวิชาทะยานฟ้าไว้ได้ จนตกลงไปบนพื้นทะเลทราย

ยังดีที่หลิ่วหมิงฝึกเคล็ดวิชากระดูกดำกับใช้น้ำยาล้างไขกระดูกไป ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งกว่าศิษย์จิตวิญญาณทั่วไปเป็นอย่างมาก มิเช่นนั้นถ้าเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นเดียวกัน เกรงว่าคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจนกระอักเลือดออกมาแล้ว

เสียงดัง “ซู่!”

อยู่ๆ ก็มีกองทรายใหญ่นูนขึ้นจากใต้พื้นทราย และเคลื่อนมายังที่หลิ่วหมิงตกลงมาราวกับมีชีวิต

ถึงแม้หลิ่วหมิงยังสะลึมสะลืออยู่ และถูกแรงมหาศาลเมื่อสักครู่สั่นกระเทือนจนหน้ามืดตาลาย แต่พอเห็นฉากเช่นนี้ก็รีบกระตุกแขนเสื้อโดยไม่ต้องคิดอะไรในทันที โซ่ดำเส้นหนึ่งถูกดึงออกมาราวกับสายฟ้าแลบ

บังเกิดเสียงดังขึ้นมา

หลิ่วหมิงอาศัยแรงดีดกลับของโซ่ดำเหวี่ยงตัวพุ่งขึ้นไปบนอากาศ

และในตอนนั้นนั่นเองกองทรายที่เข้ามาใกล้นั้นก็ระเบิดออกมาทันที ไอสีเขียวกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากในนั้นแฉลบผ่านไปยังด้านล่างของหลิ่วหมิง และตกลงบนพื้นทรายอีกฝั่ง

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อสักครู่ หลิ่วหมิงฉุกคิดวิธีการเหวี่ยงตัวขึ้นไปได้ทันท่วงที เกรงว่าคงจะถูกไอเขียวกลุ่มนั้นกระโจนเข้าใส่พอดี

และหลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว หมอกเทาเกาะตัวกันอย่างรวดเร็วใต้ร่างของเขา เขาใช้วิชาทะยานเวหาพุ่งตัวขึ้นไปบนฟ้าจนพุ่งไปได้สูงสามสิบกว่าจั้งแล้ว ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และเขม้นตาจ้องมองลงไปด้านล่าง

ปีศาจที่อยู่ในไอสีเขียวนั้นช่างร้ายกาจยิ่งนักแต่ดูเหมือนมันจะเหาะไม่ได้ ทำให้เขาคลายความหวาดกลัวลงไปบ้าง และก็เกิดความหวังลมๆ ขึ้นมา

มิเช่นนั้นด้วยระดับความร้ายกาจที่มันแสดง เขาคงวิ่งหนีตายไปตั้งนานแล้วไหนเลยจะยังกล้าอยู่ที่นี่

ในที่สุดเขาก็มองเห็นลักษณะของปีศาจที่อยู่ท่ามกลางไอสีเขียวได้อย่างชัดเจน มันเป็นสัตว์ประหลาดแบนราบเรียบยาวสามถึงสี่ฉื่อ ลำตัวทั้งหมดเกิดจากกระดูกสีขาวเทาแต่ละชิ้นต่อเข้าด้วยกัน ส่วนหน้ามีก้ามยักษ์ส่องแสงสีดำมืดสองข้าง ส่วนหลังมีหางที่เป็นตะขอสีดำยกขึ้นสูงอยู่ มีเปลวไฟสีเขียวสองกลุ่มเปล่งประกายอยู่ตรงทั้งสองด้านของกระดูกหัวสีขาวรูปสามเหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มาก ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกหนาวยะเยือกเป็นพิเศษ

แต่ลำตัวด้านหนึ่งของปีศาจกระดูกตนนี้มีรูสีดำสนิทขนาดเท่ากำปั้นอยู่หนึ่งรู และยังมีไอสีดำพันอยู่ดูเหมือนกับว่ามันจะมีบาดแผลบนตัว

“เป็นไปไม่ได้ นี่เหมือนจะเป็นแมงป่องกระดูกที่เป็นปีศาจระดับขุนพล! ไม่สิ! ดูเหมือนจะแตกต่างกับแมงป่องกระดูกขาวสักหน่อยหนึ่ง” หลิ่วหมิงหลุดปากพูดออกมา แต่พอดูอย่างละเอียดแล้วก็แสดงสีหน้าไม่แน่ใจ

แต่ต่อมาเขาก็หยิบคัมภีร์โบราณหนาๆ เล่มหนึ่งออกมาจากอก และพลิกเปิดดูอย่างรวดเร็ว เปิดไปได้สองสามหน้าถึงได้หยุดมือลง

บนหน้าคัมภีร์หน้าหนึ่ง มีรูปแบบปีศาจแมงป่องประทับอยู่ราวกับมีชีวิต และตัวของมันเกิดจากกระดูกแต่ชิ้นต่อกัน แต่สีของมันกลับเป็นสีขาว แม้แต่ก้ามด้านหน้ากับหางตะขอด้านหลังก็เป็นสีเดียวกัน แม้แต่หัวก็เป็นรูปสี่เหลี่ยม หางก็ดูสั้นไปหน่อย ข้างรูปภาพมีข้ความระบุไว้ว่า ‘ปีศาจระดับขุนพล แมงป่องกระดูกขาว’ แต่ด้านล่างยังมีตัวอักษรเล็กๆ หลายแถว อธิบายเกี่ยวกับนิสัยและวิธีการโจมตี เป็นต้น

“หรือว่านี่เป็นแมงป่องกระดูกขาวที่มีการกลายพันธุ์เล็กน้อย หรือว่าจะเป็นแมงป่องที่ยังไม่โตเต็มวัย!” หลิ่วหมิงดูรูปภาพในมือแล้วพินิจดูปีศาจล้านล่างครู่หนึ่ง แล้วก็ได้ข้อสรุปที่ดูเหมือนใช่แต่ก็ไม่ใช่

ตามที่บันทึกในคัมภีร์โบราณ โดยสภาพการณ์ปกติแล้วถึงแม้แมงป่องนี้จะไม่สามารถเหาะได้นาน แต่ก็สามารถทะยานขึ้นบนอากาศได้สักช่วงระยะหนึ่ง ดูท่าตอนนี้จะบาดเจ็บสาหัสจนไม่สามารถเหาะได้ ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ล่ะก็ นับเป็นโอกาสอันดีที่สวรรค์ประทานให้กับเขา

แมงป่องตัวนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยฉลาดมาก แต่บาดเจ็บถึงเพียงนี้ก็ยังโจมตีเขาได้อย่างน่ากลัว ถ้าได้ใช้พลังเต็มที่จะไม่ยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิมหรอกหรือ เกรงว่ามันอาจจะจัดอยู่ในระดับต้นๆ ของปีศาจระดับขุนพล ถ้าหากเขาสามารถปราบมันให้กลายเป็นเป็นปีศาจสื่อสารจิตวิญญาณได้ล่ะก็จะแข็งแกร่งกว่าปีศาจระดับพลทหารไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า

ถึงแม้หลิ่วหมิงจะเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด แต่พอคิดถึงจุดนี้ก็ใจเต้นโครมๆ อย่างอดไม่ได้

และในตอนนั้นเอง แมงป่องกระดูกขาวที่อยู่ท่ามกลางไอเขียวด้านล่างก็ขยับตัว และมุดตัวลงใต้ผืนทราย

หลิ่วหมิงตกใจรีบร่ายคาถาโดยไม่ต้องคิด มือข้างหนึ่งยกขึ้น แสงสีเขียวเปล่งประกายออกมา คมวายุเส้นหนึ่งพุ่งลงไป

เสียงดัง “ฟิ้ว!”

แมงป่องกระดูกขาวด้านล่างหลบคมวายุได้ภายในพริบตา แต่ด้วยความตกใจมันไม่มุดลงไปยังพื้นทรายบริเวณนี้แล้ว มันขยับตัววิ่งหนีไปยังทิศทางอื่นอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย กระตุ้นเมฆเทาตามไปในทันที

อึดใจเดียว แมงป่องกระดูกขาวก็วิ่งไปได้ไกลหลายลี้ แล้วขยับหางมุดลงไปใต้ทรายดำอีกครั้งอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มุดลงไปได้กว่าครึ่งตัว

แต่ในขณะนี้เอง ลูกเปลวไฟสีแดงลูกหนึ่งได้ตกลงมาจากด้านบน

เสียงดัง “ตู้ม!”

เปลวไฟพุ่งกระจัดกระจาย ด้านล่างปรากฏหลุมทรายขนาดใหญ่ขึ้น แมงป่องกระดูกขาวก็ได้รับการกระทบกระเทือนจนล้มลง แต่หลังจากที่มันพลิกตัวได้ก็วิ่งหนีต่ออย่างบ้าคลั่ง

เวลาที่เหลือ หลิ่วหมิงขี่เมฆไล่ตามปีศาจด้านล่างไม่ยอมปล่อย พอมันคิดที่จะมุดลงใต้พื้นทรายก็จะถูกลูกเปลวเพลิง หรือคมวายุทำให้มันวิ่งหนีจนเตลิด

แมงป่องกระดูกขาวตนนี้ถึงแม้จะมีพลังมาก แต่เห็นได้ขัดว่าไม่ค่อยฉลาดมากนัก มันถูกหลิ่วหมิงไล่ตามไปไกลถึงร้อยลี้ด้วยความตกใจ ทั้งยังถูกโจมตีจนร่างกายมีบาดแผลเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ไอสีเขียวที่ล้อมรอบก็ลดลงไปเล็กน้อย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เสียดายที่พลังเวทย์ของเขาก็หมดไปไม่ใช่น้อย นอกจากว่าเจ้าปีศาจตนนี้คิดที่จะมุดลงดินเท่านั้นเขาจะถึงใช้พลังกับมัน มิเช่นนั้นก็ยังคงไม่กล้าใช้วิชาอื่นๆ โจมตีไปมากกว่านี้

เวลานี้หลิ่วหมิงรู้สึกเสียใจที่โซ่ตรวนวิญญาณของตนมีคุณสมบัติต่ำไปหน่อย

ถ้าใช้วิญญาณระดับสูงกว่าหน่อยในหลอมสร้างโซ่ตรวนจิตวิญญาณล่ะก็ คงจะโจมตีได้ไกลกว่านี้ ถ้าเป็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ต้องเกรงกลัวการโจมตีจากหางตะขอของมัน แค่เหาะให้ต่ำกว่าหน่อยแล้วใช้โซ่ดำโจมตีโดยตรงก็ได้แล้ว

ไม่รู้ว่าแมงป่องกระดูกขาวตนนี้น่ากลัว หรือว่าทะเลทรายผืนนี้มีปีศาจไม่ค่อยมากกันแน่

เขาไล่ตามแมงป่องกระดูกขาวมาไกลขนาดนี้ ยังไม่พบเจอกับปีศาจตนอื่นเลย

……

หลังจากผ่านไปอีกครึ่งวัน ในที่สุดแมงป่องกระดูกขาวก็ถูกลูกเปลวไฟที่พุ่งจากด้านบนโจมตีเข้าใส่ จนไอสีเขียวที่ปกคลุมรอบตัวหายไปจนหมดสิ้น แต่เท้าของมันยังไม่ยอมหยุดขยับเลยแม้แต่น้อยยังคงปีนป่ายไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็แสยะปากอย่างห้ามไม่ได้

ตอนนี้เขาเหลือพลังเวทย์ไม่มากแล้ว นอกจากจะประคองวิชาทะยานที่จำเป็นต้องใช้แล้วก็ไม่กล้าใช้วิชาอื่นในการโจมตีหลายครั้ง

“หรือว่าจะต้องละทิ้งไปง่ายๆ แบบนี้!”

สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปมา แล้วก็กัดฟันบังคับเมฆเทาให้ลงไปใกล้อีกนิด แล้วเหาะตามไปติดๆ ในระยะสูงจากพื้นสิบกว่าจั้ง

แต่ตอนที่แมงป่องกระดูกขาวคิดที่จะมุดลงไปอีกครั้ง หลิ่วหมิงก็เข้าพุ่งเข้าไปพร้อมโซ่ตรวนวิญญาณ

เสียงดัง “เพล้ง!”

แมงป่องกระดูกขาวกลิ้งตัวหลบหลีกแล้วรีบก้มหน้าวิ่งหนีต่อ ราวกับว่าไม่คิดที่จะใช้หางตะขอของมันโจมตีกลับเลยแม้แต่น้อย

ฝ่ามือของหลิ่วหมิงที่กดอยู่ตรงหน้าอกชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นจึงได้สติขึ้นมาในทันที

เห็นได้ชัดว่าแมงป่องกระดูกขาวตนนี้ถูกตามไล่มานาน และหนีจนชินเลยลืมเรื่องที่จะต้องโจมตีกลับ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

เวลาต่อมาเขาก็ไม่ใช้วิชาโจมตีอีกแล้ว แต่ใช้โซ่ตรวนวิญญาณตวัดไปยังปีศาจที่อยู่ด้านล่างอย่างต่อเนื่อง ทำให้มันไม่สามารถมุดลงไปใต้พื้นทรายได้

……………………………………….

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset