ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 281 การต่อสู้อย่างดุเดือดบนเทือกเขา (2)

“พลังที่แท้จริง? บดขยี้?”

หลิ่วหมิงเพิ่งจะโจมตีด้วยพลังทั้งหมด จึงรู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง แต่พอได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกหวาดผวาอย่างอดไม่ได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา

ด้วยระดับสายตาของเขา ย่อมมองออกว่าการโจมตีเมื่อครู่เป็นการใช้พลังเวทย์จนถึงขั้นสุดแล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะชำนาญเคล็ดวิชาร้ายกาจอื่นๆ มิเช่นนั้นคงไม่อาจโจมตีได้รุนแรงกว่าเมื่อครู่

แต่หลิ่วหมิงย่อมไม่ยอมถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวเป็นแน่ เขาระงับความสงสัยไว้และทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งทันที จุดแสงสีฟ้าก่อตัวขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รวมตัวกันเป็นแท่งวารีโปร่งใสแวววาวแท่งหนึ่ง ตอนแรกมันยาวไม่ถึงฉื่อกว่าๆ แต่ครู่เดียวก็มีขนาดครึ่งจั้ง

ดวงตาหลิ่วหมิงเปล่งประกายเยือกเย็น มือที่ทำท่ามือกระแทกใส่แท่งวารีตรงหน้าอย่างรวดเร็ว พอแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมา แท่งวารีก็พุ่งออกไปทันที

ในขณะเดียวกัน ก็มีแสงสีเขียวเปล่งประกายบนมืออีกข้าง มันก่อตัวเป็นคมวายุยักษ์ที่ยาวหลายฉื่อ และพอสะบัดข้อมือมันก็กระพริบหายไป

จากนั้นหลิ่วหมิงก็กระทืบเท้าแล้วพุ่งออกไปฝั่งตรงข้ามราวกับลูกธนู

มนุษย์เกราะทองคำรู้สึกแค่ว่ามีคลื่นสั่นสะเทือนตรงหน้า จากนั้นคมวายุก็พุ่งเข้ามาถึง

ขณะเดียวกันแท่งวารีสีฟ้าก็อยู่ห่างจากตรงหน้าไม่ไกล ก็ม้วนตัวเข้ามาพร้อมไอเย็นสะท้าน

มนุษย์เกราะทองคำทำเสียงฮึดฮัด อักขระเปล่งประกายออกจากแขนข้างหนึ่ง กำปั้นสีทองอร่ามทุบออกไปข้างหน้า คลื่นสั่นสะเทือนสีทองทะลักออกไป

“ตู๊ม!”

พอคลื่นสั่นสะเทือนสีทองม้วนตัวผ่านไป คมวายุสีเขียวกับแท่งวารีก็หยุดชะงัก และระเบิดออกมาอย่างน่าประหลาดใจ

พอคมวายุแตกกระจายออกมา เศษของมันก็กระเด็นไปทั่วทิศ ส่วนแท่งวารียักษ์ก็ปล่อยไอเย็นสะท้านม้วนตัวออกไป

มนุษย์เกราะทองคำรู้สึกว่าร่างกายเย็นสะท้าน และน้ำแข็งชั้นบางๆ ก็เกาะติดตามตัว ทำให้เขาเคลื่อนไหวช้าลงกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง แม้แต่แสงสีทองที่ปกป้องอยู่ก็ไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย

เกือบจะในเวลาเดียวกัน หนามสีเขียวก็พุ่งยิงออกจากเศษคมวายุ มันพุ่งเจาะทะลุระหว่างคิ้วของมนุษย์เกราะทองคำ ทำให้ใบหน้าเขาดำคล้ำขึ้นมา

และในขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงที่กระโจนมาถึง ก็บิดตัวมาด้านหลังมนุษย์เกราะทองคำด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ กำปั้นที่กำมุกพลังวารีไว้ ทุบออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง

“เพล้ง!”

ปราณแกร่งที่ปกป้องมนุษย์เกราะทองคำอยู่ถูกทุบตีจนแตกกระจายราวกับเป็นกระดาษ กำปั้นทุบใส่หลังมนุษย์เกราะทองคำอย่างหนักแน่น และพริบตาเดียวคลื่นสั่นสะเทือนสีดำก็ทะลักออกไป และพุ่งเข้าใส่ร่างตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง

มีเสียงคำรามออกมา!

ร่างมนุษย์เกราะทองคำขยายใหญ่ราวกับลูกโป่งที่ถูกเป่า และระเบิดออกมาในที่สุด

คลื่นอากาศสีทองม้วนตัวออกไปทั่วทิศ

หลิ่วหมิงขยับตัวถอยไปสิบกว่าก้าวด้วยความดีใจ และจ้องมองใจกลางคลื่นอากาศตรงหน้าอย่างไม่กระพริบตา

“ที่แท้ก็เป็นวิธีการที่ไม่เลว มิน่าถึงได้เชื่อมั่นขนาดนี้ แต่ในเมื่อเจ้าลงมือแล้ว ก็เตรียมตัวตายอย่างสบายๆ เถอะ!”

พอกล่าวจบ กลิ่นไออันแข็งแกร่งก็ปรากฏออกมาจากคลื่นอากาศสีทอง และกลายเป็นระลอกคลื่นที่ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ทะลวงระดับของเหลวเข้าสู่ระดับผลึกอย่างน่าตกใจ

ขณะนี้คลื่นอากาศได้แยกตัวออกมา เงาร่างมนุษย์เกราะทองคำปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าเรื่องที่เข็มเงาหยกเจาะทะลุศีรษะกับการระเบิดร่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และกลิ่นไอบนตัวก็เหมือนจะมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสแซ่ลี่เลย

ใจหลิ่วหมิงดิ่งลึกลงไปเมื่อเห็นฉากเช่นนี้

แม้เขาจะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้เคล็ดวิชาอันใด ที่ไม่เพียงแต่จะมีร่างที่ไม่ตาย แต่ยังยกระดับการฝึกฝนถึงระดับผลึกได้ สิ่งนี้มันเหนือความคาดหมายเขามาก และเขาไม่สามารถอาจต้านทานได้ทั้งหมด

หลิ่วหมิงคิดวกไปมาอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาหนักขึ้นมาในฉับพลัน จากนั้นก็พุ่งลงด้านล่างราวกับลูกธนู ขณะเดียวกันยันต์ดำดินสีเหลืองอ่อนผืนหนึ่งก็โผล่ขึ้นในมือ

ภายใต้สถานการณ์ตรงหน้า หากหนีลงใต้ดินอีกครั้ง ถึงเป็นวิธการเดียวที่สามารถเอาชีวิตรอดได้

แต่ขณะนี้ มนุษย์เกราะทองคำที่มีการฝึกฝนระดับผลึกกลับหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น และลงมืออย่างไม่พะว้าพะวัง

เขาแค่ย่อเข่าแบบธรรมดาๆ และขยับไหล่ แขนข้างหนึ่งก็ทุบไปยังหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านล่าง

หลิ่วหมิงแค่รู้สึกว่ามีเสียงระเบิดดังขึ้นตรงหลัง จากนั้นความรู้สึกที่ทำให้เขาขนลุกขนพองก็บังเกิดขึ้น เขารู้สึกเย็นสะท้านในใจ และหันตัวไปหนึ่งร้อยแปดสิบองศาอย่างรวดเร็วจนดูพร่ามัว ขณะเดียวกันก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น

“ฟู่!”

มุกกลมๆ สีดำพุ่งยิงออกไป และขยายใหญ่จนมีขนาดเท่าอ่างล้างหน้า อากาศที่มันพุ่งผ่านมีเสียงดังหวึ่งๆ ออกมา ขณะเดียวกันก็บิดเบี้ยวและพร่ามัว

ประจักษ์ชัดว่าครั้งนี้หลิ่วหมิงกระตุ้นอานุภาพของมุกพลังวารีจนถึงขีดสุดแล้ว

แต่ครู่ต่อมาก็มีเสียง “ตู๊ม!” ดังขึ้นตรงหน้ามุกพลังวารี เสียงมันดังราวกับเสียงฟ้าแลบฟ้าผ่า เงากำปั้นกึ่งโปร่งแสงขนาดใหญ่ราวกับอ่างน้ำปรากฏออกมา และปะทะใส่มุกพลังวารีพอดี

“ฟู่!”

อักขระสั่นไหวบนพื้นผิวมุกสีดำ จากนั้นมันก็คืนสภาพกลับมามีขนาดเท่านิ้วโป้งเช่นเดิมและพุ่งยิงกลับมา ดูเหมือนมันจะเร็วกว่าก่อนหน้านั้นสามเท่า

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ย่อมรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ฝ่ามือสีทองข้างหนึ่งคว้าไปทางมุกพลังวารีที่พุ่งกลับมาอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันก็พยายามกระตุ้นชั้นจำกัดของมุกพลังวารี เพื่อให้มันหยุดการเคลื่อนไหว

แต่ในขณะที่มุกพลังวารีพุ่งกลับมานี้ มันมีพลังอันยิ่งใหญ่แฝงมาด้วย แม้ว่าจะสามารถบังคับชั้นกำจัดภายในได้ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ลดความเร็วของมันลงเล็กน้อยเท่านั้น

หลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้ ยื่นฝ่ามือออกไปอย่างพร่ามัว และคว้าเอามุกพลังวารีไว้ได้

แต่ครู่ต่อมา นิ้วทั้งห้าของหลิ่วหมิงก็รู้สึกร้อนขึ้นมา พลังอันน่ากลัวทะลักออกจากสิ่งที่อยู่ในมืออย่างไม่คาดคิด ดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าพลังของมุกพลังวารีสามเท่าขึ้นไป

สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เขาตะคอกด้วยความโมโห แขนที่คว้าออกไปขยายใหญ่ขึ้นมาหนึ่งเท่า ลำแสงสีทองเปล่งประกายบนผิว จนมองเห็นเส้นเอ็นที่ปูดบวมออกมาได้อย่างลางๆ ขณะเดียวกันพลังมหาศาลก็ทะลักออกจากมือ

“ตู๊ม!” พลังสองสายระเบิดออกจากแขนในพริบตา กลุ่มแสงสีดำกระพริบผ่านไป!

ร่างหลิ่วหมิงสั่นสะท้าน และกระอักเลือดออกมา ขณะเดียวกันก็ร่นถอยไปหลายก้าว แม้ว่ามุกกลมๆ ในมือจะยังไม่หลุดจากมือ แต่ก็มีโลหิตไหลออกมาตรงง่ามระหว่างหัวแม่มือและนิ้วชี้ ขณะเดียวกันก็บังเกิดความรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

ประจักษ์ชัดว่าการโจมตีนี้ ทำให้หลิ่วหมิงได้รับบาดเจ็บไม่เบา

แต่ขณะนั้นเอง เงากำปั้นแวววาวที่อยู่ไม่ไกลก็พร่ามัวมาถึงตรงหน้าหลิ่วหมิงโดยไร้สุ้มเสียง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกตกใจและโมโหมากขึ้นกว่าเดิม พอคิดจะแสดงวิชาอะไรเพื่อหลบหลีก ก็ไม่ทันการเสียแล้ว ทำได้เพียงแต่สะบัดแขนทั้งสองจนกลายเป็นเงากำปั้นสีทองรับมือไว้

ทันใดนั้นกลุ่มแสงสีทองก็ระเบิดออกมากลางอากาศ พลังสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นปฐพี พายุบ้าระห่ำสีทองหมุนวนรอบตัวหลิ่วหมิง คลื่นสั่นสะเทือนอันน่าตกใจม้วนตัวออกไปทั่วทิศ บริเวณที่มันม้วนตัวผ่านก่อให้เกิดเสียงแหลมดังแสบแก้วหูอยู่ไม่หยุด

หลังจากโจมตีออกไปแล้ว สีหน้าของมนุษย์เกราะทองคำก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และไม่ได้มีท่าทีเคลื่อนไหวใดๆ อีก ได้แต่จ้องมองด้านล่างอย่างเงียบๆ

ผ่านไปไม่นาน เมื่อพายุสีทองสลายไปจนหมด และคลื่นสั่นสะเทือนทั้งหลายก็ค่อยๆ หายไปด้วย เหลือไว้เพียงเงาร่างร่างหนึ่งเท่านั้น

มนุษย์เกราะทองคำหรี่ตาทั้งคู่จ้องมองจนเห็นสภาพของหลิ่วหมิงอย่างชัดเจน

ตอนนี้หลิ่วหมิงยังคงตั้งกำปั้นทั้งคู่อยู่ แต่เนื้อหนังบนนั้นปริออกมา แขนทั้งสองเต็มไปด้วยโลหิตสดๆ จนเกือบจะมีสภาพไม่สมบูรณ์ ขณะเดียวกันใบหน้าก็ซีดขาวเป็นอย่างมาก โลหิตไหลออกจากจมูก เกราะป้องกันบริเวณหน้าอกเปิดออกมา เสื้อผ้าส่วนบนขาดรุ่งริ่ง เผยให้เห็นถึงเกราะหนังเกล็ดมังกรที่สวมใส่ และมีรอยกำปั้นลึกหลายชุ่นประทับอยู่

“เป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นต้น ก็สามารถรับการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของผู้ฝึกฝนระดับผลึกอย่างข้าได้ นับว่าข้าเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก แต่ตอนนี้อวัยวะภายในของเจ้าคงถูกพลังกำปั้นของข้าสั่นสะเทือนจนแหลกละเอียดแล้ว ตอนนี้เจ้าก็เหมือนคนตายคนหนึ่ง! สุดท้ายนี้เจ้ามีอะไรอยากสั่งเสียไหม?” มนุษย์เกราะทองคำสังเกตดูหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าซับซ้อน และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรออกมานั้น ผิวหนังทุกส่วนของเขาก็แตกร้าว และโลหิตก็พุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้เขากลายเป็นมนุษย์โลหิตโดยสมบูรณ์

เขาหดแขนทั้งสองเข้ามา เงาร่างโงนเงนสองสามที จากนั้นก็ตกลงบนพื้น

มุกพลังวารีที่กำแน่นก็กลิ้งออกจากนิ้วทั้งห้าไปไกลสามฉื่อกว่าๆ ถึงได้หยุดกลิ้งลง

แต่บนพื้นผิวของมันล้วนเต็มไปด้วยโลหิตสดๆ กับฝุ่นสีเทา

ขณะนี้ มนุษย์เกราะทองคำถึงได้ถอนหายใจยาวๆ ออกมา กลิ่นไอบนตัวก็ลดลงอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็กลับมาสู่ระดับของเหลวขั้นปลายเหมือนเดิม และกล่าวพึมพำออกมา

“คิดไม่ถึงว่ามนุษย์ระดับของเหลวแค่คนเดียว จะบีบข้าจนถึงขั้นนี้ได้ แต่ตอนนี้เวลาแปลงร่างของข้าก็ลดน้อยลงไปมาก จำต้องรีบหาไข่เทพอสูรใบนั้นให้เฒ่าลี่แล้ว”

ขอกล่าวจบ เขาก็กวาดสายตามองดูหลิ่วหมิงที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น และโบกมือไปทางนั้นทันที

“ฟู่!” ยันต์หนาเป็นปึกๆ พุ่งออกจากแขนเสื้อหลิ่วหมิง หลังจากหมุนวนหนึ่งรอบ ยันต์เก็บของหนึ่งในสิบกว่าแผ่น ก็สั่นไหวและพุ่งยิงออกมาเป็นแสงสีเหลือง

แต่ขณะนั้นเอง พลันมีคลื่นสั่นสะเทือนตรงด้านล่าง ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยโลหิตปรากฏออกมา และคว้าเอายันต์เก็บของผืนนั้นไว้

……………………………………….

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset