ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 284 หลอมอาวุธเวทย์

ผิวหนังของเขาแตกร้าวอย่างรุนแรง จนกระทั่งเผยให้เห็นกระดูกสีขาวแวววาวที่อยู่ด้านใน

บนผิวกระดูกมีอักขระสีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง และไหมละเอียดสีแดงค่อยๆ โผล่ออกจากในนั้น ทั้งสองพันซ้อนกันไปมา ไม่นานไหมสีแดงก็พร่ามัว และจมหายเข้าไปในกระดูกอย่างน่าอัศจรรย์

ผ่านไปสักพัก โลหิตสีทองจางๆ ที่ไหลออกจากบาดแผลอ ก็หลุดไหลอย่างน่าประหลาดใจ

‘หลิ่วหมิง’ ทำท่ามือกระตุ้นอีกครั้ง เปลวเพลิงสีดำที่ลอยอยู่เหนือกระดูกมังกร ตกลงบนกระดูกมังกรอีกชิ้น

กระดูกมังกรที่ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ถูกหลอมเป็นเม็ดโปร่งใสแวววาวภายในพริบตา และถูกหลิ่วหมิงดูดเข้าไปในปาก

ทันใดนั้น กระดูกภายในร่าง ‘หลิ่วหมิง’ ก็ส่งเสียงดังอีกครั้ง ผิวของเขาแตกออกมาเป็นแผลเล็กๆ ดูจากใบหน้าของเขาแล้ว เหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

มันดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก!

ครึ่งวันผ่านไป โครงกระดูกมังกรทั้งหมดก็ถูกหลอมเป็นเม็ดแวววาว และถูก ‘หลิ่วหมิง’ กลืนลงท้องทีละเม็ด จากนั้นก็ละลายเข้าไปในกระดูกของตนเอง

ตอนนี้ ‘เขา’ รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในร่างที่เปลี่ยนไปราวฟ้ากับดิน เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่ากายเนื้อในก่อนหน้านี้ครึ่งหนึ่งขึ้นไป

แน่นอนว่า ส่วนสำคัญของมังกรแดงที่หลอมออกมา ไม่ได้สกัดออกมาหมดในทีเดียว อย่างน้อยต้องใช้เวลาหลายปี จึงจะดูดรับพลังทั้งหมดได้

เมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ ‘หลิ่วหมิง’ ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ พอกวาดสายตามองดูเปลือกมังกรตรงหน้าแล้ว ก็คว้าเอามาไว้ในมือ

เขาค่อยๆ สะบัดข้อมือ ทันใดนั้นแสงสีดำจางๆ ก็พุ่งออกจากนิ้วทั้งห้า

ฉากอันน่าตกใจได้เกิดขึ้นแล้ว!

ภายใต้การสั่นสะท้านของเปลือกมังกร ทำให้มีเสียง “ฟู่!” “ฟู่!” ดังออกมาติดต่อกัน เกล็ดสีแดงทั้งหมดถูกคลื่นสั่นสะเทือนจนหลุดออกมา และกลายเป็นจุดแสงสีแดงก่อนพุ่งยิงไปทั่วทิศ

‘หลิ่วหมิง’ สะบัดแขนเสื้อ กลุ่มแสงสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกไปห่อหุ้มเกล็ดมังกรทั้งหมดไว้ และถูกดูดกลับมาบนมือเขา

พอเห็นเกล็ดสีแดงหนาๆ จำนวนหลายร้อยแผ่น ‘หลิ่วหมิง’ ก็เผยสีหน้าดีใจออกมา

‘หลิ่วหมิง’ อ้าปากในทันที เกล็ดหลายสิบแผ่นเด้งขึ้นมา และถูกหลิ่วหมิงดูดเข้าไป ภายใต้การสั่นไหว เกล็ดแผ่นอื่นๆ ก็ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

จากนั้น ‘หลิ่วหมิง’ ก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง พอเขาตะโกนคำว่า ‘วิชาหมื่นจิตวิญญาณ’ ออกมา ดวงตาทั้งคู่ก็เปล่งลำแสงสีทอง และสีม่วงออกมาอย่างละข้าง แสงสีดำจางๆ ที่เปล่งประกายอยู่ตามตัวก็กลายเป็นแสงสีม่วงเข้ม และหมุนวนรอบตัวเขาอยู่ไม่หยุด

‘หลิ่วหมิง’ นั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่เริ่มมีเกล็ดสีแดงโผล่ขึ้นบนแขนข้างหนึ่ง

หนึ่งแผ่น สองแผ่น สามแผ่น……

พริบตาเดียว เกล็ดสีแดงทั้งหมดก็โผล่ขึ้นบนแขน แต่ละแผ่นเปล่งลำแสงสีแดงออกมา ราวกับว่ามันมีมาตั้งแต่กำเนิด

ขณะนี้ ‘หลิ่วหมิง’ ถึงได้มีสีหน้าผ่อนคลายลง เขาขยับแขนในฉับพลัน พอม้วนแขนเสื้อขึ้น แขนอัปลักษณ์ที่ถูกห่อหุ้มด้วยเกล็ดมังกรก็ปรากฏออกมา

“ไม่เลว! โชคดีที่ดูดเอาความยอดเยี่ยมของกระดูกมังกรแดงตนนี้มา มิเช่นนั้นด้วยระดับการฝึกฝนของกายเนื้อ ไม่สามารถแสดงวิชาออกมาได้ง่ายดายเช่นนี้”

‘หลิ่วหมิง’ จ้องมองแขนสีแดงตรงหน้า และพูดพึมพำออกมา

หลังจากลำแสงสีทองและสีม่วงเปล่งประกาย เกล็ดสีแดงบนแขนก็เคลื่อนไหวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็จมหายไปในผิวหนังอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้แขนของเขากลับมาขาวหมดจดอีกครั้ง

‘หลิ่วหมิง’ เห็นเช่นนี้ ก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา เขาดึงแขนเสื้อลง และโบกมือไปทางเกล็ดมังกรที่ลอยอยู่กลางอากาศอีกครั้ง ทันใดนั้นเกล็ดหลายสิบแผ่นก็พุ่งยิงเข้ามา และเขาก็อ้าปากดูดมันเข้าไปในท้อง

ฉากแบบเดิมได้เกิดซ้ำอีกครั้ง!

สองชั่วยามผ่านไป เกล็ดกลุ่มสุดท้ายก็ถูกหลิ่วหมิงใช้วิชาลึกลับหลอมมันเข้าไปในร่าง ตอนนี้สายตาเขาตกอยู่บนหนังเกลี้ยงเกลาของมังกรแดง

แม้ว่าความแข็งแกร่งของหนังไม่อาจเทียบได้กับเกล็ดมังกรแดง แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่หนังอสูรทั่วไปจะสามารถเทียบได้

ด้วยเหตุนี้เขาจึงลังเล็กน้อย จากนั้นก็มีเสียงดัง “ฟู่!” ตรงระหว่างคิ้ว เปลวเพลิงสีดำม้วนตัวออกมา พริบตาเดียวก็ห่อหุ้มหนังมังกรไว้

นิ้วทั้งสิบของหลิ่วหมิงดีดไปมาอยู่ไม่หยุด แสงสีดำค่อยๆ ดีดตัวออกมา จากนั้นทั้งหมดก็หายวับไปในเปลวเพลิงสีดำ

หนังมังกรที่เดิมมีสีแดงจางๆ พอถูกเปลวเพลิงสีดำเผาไหม้ก็อ่อนตัวลง ทั้งยังมีควันสีดำๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา และมีกลิ่นเหม็นคาวเป็นอย่างมาก

หนังมังกรดูใสแจ๋วเป็นอย่างมาก ในขณะที่มันอ่อนตัวลงอยู่ตลอดเวลานั้น ขนาดของมันก็ลดลงอย่างรวดเร็ว

พอ ‘หลิ่วหมิง’ เห็นฉากนี้ ดวงตาก็เปล่งประกายอันเยือกเย็นออกมา เขาหยุดทำท่ามือ และพลิกฝ่ามือขึ้น ทันใดนั้นหอยสังข์ย่อส่วนก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

หอยสังข์ย่อส่วนเพียงแค่หมุนติ้วๆ วัสดุที่ใช้หลอมอาวุธต่างๆ ก็ม้วนตัวออกจากในนั้น ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่หลิ่วหมิงได้มาจากการสังหารศัตรูในปีนั้น

พอ ‘หลิ่วหมิง’ สะบัดแขนเสื้อ วัสดุเหล่านี้ต่างก็พากันจมหายเข้าไปในเปลวเพลิงสีดำ พริบตาเดียวก็กลายเป็นของเหลวหลากสี และละลายเข้าไปในหนังมังกร

‘หลิ่วหมิง’ ดีดนิ้วทั้งสิบใส่เปลวเพลิงสีดำ ทำให้หนังมังกรบิดงอตามความต้องการของเขา

ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวผ่านไป เกราะหนังสีแดงที่มีอักขระสีดำไม่ทราบชื่อจำนวนมากประทับอยู่ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

‘หลิ่วหมิง’ โบกมือข้างหนึ่งออกไป ทันใดนั้นเกราะหนังก็ลอยออกจากเปลวเพลิงสีดำทันที ขณะเดียวกันมันก็ส่งเสียงดัง “หวึ่งๆ!” ก่อนที่จะพร่ามัวมาปรากฏอยู่ใต้ชุดคลุม และแนบติดกับตัวของเขา

เขาดึงชุดคลุมลงมา และก้มหน้ามองเกราะหนังบนตัว ทันใดนั้นฝ่ามือข้างหนึ่งก็กดลงบนนั้น

“ตู๊ม!”

เกราะหนังเปล่งแสงสีแดงออกมา ทันใดนั้นค่ายกลอักขระสีแดงอ่อนๆ ก็ปรากฏออกมา ดูเหมือนจะมีราวๆ ยี่สิบหกชั้นจำกัด และค่อยๆ กระพริบหายไป

“อืม! นี่คงนับว่าเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูง ดูท่าวิชาหลอมอาวุธของข้าไม่ได้ด้อยลงไปเลยแม้แต่น้อย เสียดายที่เจ้าเด็กนั่นมีวัสดุดีๆ ไม่เท่าไหร่ หากมีวัสดุเสริมอีกสองสามอย่างล่ะก็ อาจสามารถหลอมเกราะนักรบระดับสุดยอดได้ ตอนนี้คงได้แต่นำมันมาหลอมใช้ไปก่อนเท่านั้น แต่สิ่งของต่อไปจะต้องทุ่มเทในการหลอมให้มากขึ้น” ‘หลิ่วหมิง’ มองดูเกราะหนังบนร่าง และส่ายหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจ

จากนั้นเขาก็สวมเสื้อคลุมตามเดิม และพอคว้ามือข้างหนึ่งไปในอากาศ ก็มีเคลื่อนสั่นสะเทือนขึ้นมา ของเหลวสีทองกับดินเหนียวสีทองอ่อนๆ ก้อนหนึ่งปรากฏบนฝ่ามือ

มันคือทองคำหลอมเหลวกับดินปราณทองคำบริสุทธิ์!

“ช่างโง่จริงๆ คิดไม่ถึงว่าวัสดุดีๆ ระดับทองคำหลอมเหลว จะถูกใช้เป็นวัสดุเสริมง่ายๆ ให้ข้านำมันมาใช้ก่อนเถอะ ส่วนดินปราณทองคำบริสุทธิ์ก้อนนี้ เป็นวัตถุดิบระดับสุดยอดของเตาหลอม แต่ข้าไม่เชี่ยวชาญวิธีปรุงโอสถ เก็บมันไว้จะมีประโยชน์อะไรล่ะ ถ้านำมันมารวมเป็นเนื้อเดียวกับมุกพลังวารี ก็สามารถหลอมอาวุธเวทย์อันนั้นออกมาได้ และไม่เป็นการสิ้นเปลืองของสิ่งนี้ด้วย” ‘หลิ่วหมิง’ จ้องมองสิ่งของทั้งสองอย่าง และหรี่ตากล่าวออกมา

พอเขาสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเขียวกับกลุ่มแสงสีดำก็พุ่งยิงออกไป มันหมุนวนเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นกระบี่บี่สั้นสีเขียวหนึ่งเล่ม กับมุกกลมๆ สีดำหนึ่งเม็ด

มันคือกระบี่จันทราหยกกับมุกพลังวารีนั่นเอง!

“วัสดุที่ใช้ในการหลอมอาวุธเวทย์ทั้งสองนับว่าพอใช้ แต่วิธีการหลอมมีอยู่น้อยมาก แต่ก็ดีเหมือนกัน จะได้ถือโอกาสปรับชั้นจำกัดในนั้นใหม่อีกรอบ”

‘หลิ่วหมิง’ เหลือบตามองกระบี่จันทราหยก และมุกพลังวารีตรงหน้าสองที จากนั้นเปลวเพลิงสีดำบนหน้าผาก ก็พวยพุ่งลงบนสิ่งของทั้งสอง

พริบตาเดี๋ยว เปลวเพลิงอันคุโชนก็ห่อหุ้มทั้งสองสิ่งไว้

เขาชี้แขนข้างหนึ่งออกไปทางอากาศ

“ฟู่!” “ฟู่!” ทองคำหลอมเหลวกับดินปราณทองคำบริสุทธิ์ต่างก็แยกกันตกลงบนตัวกระบี่สั้นสีเขียว กับมุกสีดำ และถูกเปลวเพลิงสีดำห่อหุ้มไว้

สีหน้า ‘หลิ่วหมิง’ ดูเคร่งขรึมขึ้นมาเป็นครั้งแรก นิ้วมือนิ้วหนึ่งวาดไปยังอากาศตรงหน้า ทันใดนั้นอักขระสีดำจำนวนมากก็ปรากฏออกมา และจมหายเข้าไปในอาวุธจิตวิญญาณทั้งสอง

กระบี่สั้นสีเขียวเริ่มส่งเสียงดังกังวานออกมา และมุกสีดำก็ส่งเสียงดัง “หวึ่งๆ!” ออกมา ไอหมอกสีดำทะลักออกมาจากในนั้น

เห็นได้ชัดว่าการปรับแต่งในครั้งนี้ ยาวนานกว่าครั้งก่อนหน้ามาก

พริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน พอเปลวเพลิงสีดำสองกลุ่มตรงหน้าเปล่งประกายออกมา มันก็พุ่งกลับไประหว่างคิ้วของ ‘หลิ่วหมิง’ กระบี่เล็กสีทองที่มีรูปพระจันทร์เสี้ยวสลักอยู่ตรงด้าม และมุกพลังวารีที่มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นเล็กน้อยก็ปรากฏออกมา

ส่วนทองคำหลอมเหลวกับดินปราณทองคำบริสุทธิ์กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

‘หลิ่วหมิง’ เห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะฮ่าๆ! ออกมา มือข้างหนึ่งชี้ไปยังกระบี่เล็กสีทองและมันก็เคลื่อนไหวอย่างพร่ามัวมาอยู่ตรงหน้าเขา

“เฮ่อๆ! ที่แท้ก็เป็นกระบี่จิตวิญญาณระดับสุดยอด! ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เช่นนี้แล้ว มันก็สามารถรองรับจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนที่จะใส่เข้าไปได้ ดูท่ากระบี่บินพลังจิตวิญญาณคงจะหลอมสำเร็จในไม่ช้านี้” ‘หลิ่วหมิง’ ยื่นแขนข้างหนึ่งไปคีบกระบี่เล็กสีทองไว้เบาๆ หลังใช้พลังจิตตรวจสอบดูเล็กน้อยแล้ว เขาก็ต้องเผยรอยยิ้มออกมา

จากนั้น ‘หลิ่วหมิง’ โบกมือไปทางเงากระบี่สีทองที่ถูกเปลวเพลิงสีดำห่อหุ้มอยู่

เปลวเพลิงสีดำที่ปกคลุมเงากระบี่สีทองอยู่ก็ม้วนตัวกลับไประหว่างคิ้วหลิ่วหมิงเช่นกัน และเงากระบี่ก็พร่ามัวมาปรากฏตัวตรงหน้าเขา

‘หลิ่วหมิง’ จ้องมองกระบี่เล็กสีทองตรงหน้ากับจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อน และถอนหายใจออกมา มืออีกข้างยื่นไปคว้าจิตวิญญาณกระบี่ตัวอ่อนไว้ และกดมันลงบนกระบี่เล็กสีทอง

ขณะเดียวกันเปลวเพลิงสีดำระหว่างคิ้วก็หมุนวนเล็กน้อย พลังจิตอันแข็งแกร่งพุ่งออกมา พริบตาเดียวก็กลายเป็นลำแสงแวววาว และจมหายเข้าไปในกระบี่เล็กสีทอง

แต่ขณะนั้นเอง ‘หลิ่วหมิง’ พลันร้องออกมาอย่างเวทนา แสงแวววาวตรงระหว่างคิ้วดับสลายลง กระบี่เล็กสีทองในมือกับเงากระบี่หลุดจากมือพร้อมกัน ร่างของเขาสั่นสะท้านก่อนที่จะล้มลงไป

……………………………………….

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset