ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน – ตอนที่ 70 ฉันแต่งงานแล้ว

ตอนที่ 70 ฉันแต่งงานแล้ว

ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง ต่อไปเธอจะต้องระมัดระวังตัวอย่างมาก เหตุการณ์ที่สถานีตำรวจในวันนี้อันตรายเกินไปจริง ๆ

ในสถานการณ์แบบนั้น เธอไม่อยากมีครั้งที่สองอีกแล้ว เพียงแต่เธอรับปากว่าจะทำคดีของคุณชายห้าฉิงให้เสร็จ มีเรื่องบางเรื่องที่จะต้องสืบค้นหลักฐาน ตรวจสอบชัดเจนแล้วก็สามารถให้คำตอบกับคุณชายห้าฉิงได้แล้ว

ผ่านพรุ่งนี้ไปก็จะต้องปล่อยมู่เส้าไป๋ไป ดังนั้นเรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้

กล่อมถังจื่อซีถังจื่อโม่นอนเสร็จ เวินลั่วฉิงหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก

“ฉิงฉิง” โทรศัพท์รับสายอย่างรวดเร็ว ในน้ำเสียงของชายหนุ่มมีความอบอุ่นและรอยยิ้ม “เด็กสองคนนั้นนอนแล้วเหรอ?”

เห็นได้ชัดเจนว่าเขารู้แล้วเรื่องที่เด็กสองคนถึงที่นี่อย่างปลอดภัยแล้ว จากความสามารถของเขาอยากจะรู้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ง่ายมาก

“ค่ะ นอนหมดแล้ว” มุมปากของเวินลั่วฉิงเผยรอยยิ้มอ่อน ๆ หลายปีมานี้โชคดีที่มีรุ่นพี่ดูแล

“โทรหาฉันดึกขนาดนี้มีเรื่องอะไรไหม?” อีกด้านนึงของโทรศัพท์ เสียงของชายหนุ่มดูเหมือนจะอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะมีอารมณ์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย

“เกี่ยวกับเรื่องคดี ฉันอยากจะให้รุ่นพี่ช่วยตรวจสอบบางอย่าง” แต่ว่าเวลานี้เวินลั่วฉิงไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก จิตใจของเธอในตอนนี้อยู่กับคดี

“อ้อ คดีมีปัญหาอะไรเหรอ?” น้ำเสียงของชายหนุ่มลดต่ำลง แต่ไม่ได้เปิดเผยอารมณ์มากเกินไป

“ฉันจำได้ว่าเมื่อสี่สิบสองปีก่อน โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของประเทศ M สำเร็จการผ่าตัดแยกร่างทารกแฝดคู่หนึ่งสำเร็จ เด็กทารกทั้งสองคนรอดชีวิตมาได้ ในตอนนั้นเกิดความฮือฮาในวงการแพทย์ไม่น้อย ฉันอยากได้ข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ทั้งหมด” เธอบังเอิญเห็นข่าวก่อนหน้านี้ เพราะว่าเด็กสองคนนั้นคือคนจีน ดังนั้นเธอจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ

มาตรฐานการบำบัดรักษาในตอนนั้นไม่ได้สูงเหมือนตอนนี้ ในตอนนั้นความสำเร็จนั้นสามารถพูดได้ว่าเป็นสิ่งปาฏิหาริย์ ดังนั้นในตอนนั้นจึงมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย

ในตอนที่เธอได้เจอกับมู่เส้าไป๋ หลังจากสอบปากคำได้สิบนาที เบื้องต้นสามารถมั่นใจได้ว่ามู่เส้าไป๋ไม่ใช่ฆาตรกร เพราะว่าในดวงตาของมู่เส้าป๋ายไม่มีความลุกลี้ลุกลนแม้ต่น้อย และก็ไม่มีความหวาดผวาแม้แต่น้อย การแสดงออกของเขาเฉยชามาก ไร้กังวล ความเฉยชาความไร้กังวลนั้นไม่สามารถเสแสร้งออกมาได้

เธอสังเกตเห็นมู่เส้าไป๋ตอนดูรูปของผู้เคราะห์ร้าย ไม่มีความเครียด ความสับสนความกลัวแม้แต่น้อย แต่ตอนนั้นเธอเห็นความละอายใจลึกลงไปในดวงตาของเขา ใช่แล้ว ความละอายใจ แต่ความละอายใจนั้นไม่ใช่เป็นเพราะเสียใจกับเรื่องที่ตนเองทำ แต่เกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง หรือผิดหวังกับคนบางคน

แน่นอนว่าความแตกต่างที่ละเอียดแบบนี้คนธรรมดาไม่สามารถค้นพบได้ แต่นี่คืออาชีพของเธอ ต่อให้มีความเปลี่ยนไปเล็กน้อยกว่านี้เธอก็ไม่มีพลาด

มีอีกนิดนึง เธอมองเห็นบนร่างกายของเขาแม้กระทั่งในดวงตาก็ไม่มีความโหดร้ายแม้แต่น้อย บนตัวฆาตรกรคนหนึ่งไม่มากก็น้อยจะมีความโหดร้ายอยู่บ้าง แต่มู่เส้าไป๋ไม่มีเลยสักนิด

แต่ว่าDNAของฆาตรกรนั้นดันตรงกับมู่เส้าไป๋

ถ้าหากพูดว่าถูกใส่ร้าย เส้นผมที่พบในที่เกิดเหตุอาจจะถูกใส่ร้ายได้ แต่ของที่อยู่ในเล็บของผู้เคราะห์ร้ายเธอดูรายงานแล้ว รับรองว่าไม่ได้ถูกใส่ร้ายแน่นอน งั้นผู้เคราะห์ร้ายดิ้นรนตอนใกล้ตายน่าจะจับร่างกายของฆาตรกรไว้

ดังนั้นแน่นอนว่าคือฆาตกร

ตอนนั้นเวินลั่วฉิงคิดออกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง โดยปกติแล้วDNAของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่DNAของฝาแฝดที่มีเซลล์ไข่เดียวกันเป็นข้อยกเว้น ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมอยู่บ้างแน่นอน แต่ความเป็นไปได้ที่เหมือนกันก็ยังคงอยู่

เธอจำได้ว่าตอนนั้นทารกฝาแฝดที่ตัวติดกันมีขาเพียงแค่คู่เดียว พูดได้ว่าหลังจากที่แยกจากกันมีคนหนึ่งที่ไม่มีขา แถมผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นก็ถูกตัดขาสองข้างด้วย

ดังนั้นคำถามที่เธอถามมู่เส้าป๋ายในภายหลังเพื่อยืนยันการคาดเดาของเธอในใจ ตอนนั้นเธอตั้งใจถามถึงเรื่องพี่น้องของมู่เส้าไป๋ก็เพื่อสังเกตการตอบสนองของมู่เส้าไป๋

แล้วคำตอบและการตอบสนองของมู่เส้าป๋าทำให้เธอได้รู้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่เธอคาดเดาในใจไม่น่าจะผิดพลาด

แน่นอนว่าความจริงของเรื่องนี้ต้องการหลักฐานที่เพียงพอมายืนยัน ไม่มีหลักฐานการคาดเดาทั้งหมดของเธอก็เป็นศูนย์

เดิมทีเรื่องนี้เธอสามารถสืบค้นเองได้ เพียงแต่ตอนนี้เธออยู่ที่เมือง A ไม่สะดวกขนาดนั้น แถมเธอกลัวว่าถ้าสืบค้นจากทางด้านนี้จะถูกเย่ซือเฉินจับได้ ดังนั้นเธอก็เลยให้รุ่นพี่ช่วยสืบ

เวินลั่วฉิงจะวางสายพอดี รอให้รุ่นพี่ค้นเจอค่อยส่งข้อมูลมาให้เธอก็ได้แล้ว เพียงแต่เธอยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูด เสียงของรุ่นพี่ก็ดังขึ้น “เธออย่าเพิ่งวางสาย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”

เวินลั่วฉิงกระตุกมุมปาก นี่โทรทางไกลระหว่างประเทศ ค่าโทรแพงมาก แต่รุ่นพี่กลับให้เธอรออยู่แบบนี้!

ไม่ว่ายังไงสืบค้นขอมูลพวกนั้นต้องใช้เวลาหน่อยไหม?

เพียงแต่รุ่นพี่ไม่ได้พูดอะไรอีก น่าจะเริ่มค้นหาข้อมูลแล้ว

เวินลั่วฉิงจึงทำได้แค่ถือสายรอ แต่เธอก็สามารถได้ยินเสียงลมหายใจของรุ่นพี่ รุ่นพี่น่าจะใส่หูฟังอยู่ หรือไม่ก็ไม่ได้วางโทรศัพท์ลง

เวินลั่วฉิงขมวดคิ้ว รุ่นพี่ต้องการอะไร? ในเมื่อไม่ได้คุยอะไร ทำไมไม่วางสายไปนะ?

ยังดีที่รุ่นพี่เร็วมาก หลังจากนั้นไม่นานก็ส่งเอกสารทั้งหมดมาให้เธอ

มองดูข้อมูลที่รุ่นพี่ส่งมาให้ เวินลั่วฉิงสายตาเย็นชาขึ้นเล็กน้อย เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ทั้งหมด เพียงแต่คนคนนี้ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ไม่ควรเป็นเพราะตัวเองโชคร้ายก็เลยทำร้ายคนอื่นแบบนี้ไหม?

“รุ่นพี่ฉันจัดระเบียบคดีเรียบร้อยแล้ว ส่งไปให้พี่แล้ว พี่ส่งให้หัวหน้าสำนักงานฉิงเถอะค่ะ” เวินลั่วฉิงคิดได้ว่าเย่ซือเฉินสงสัยเธอแล้ว ถ้าหากเธอส่งข้อมูลไปให้คุณชายห้าฉิง จะต้องถูกเย่ซือเฉินจับได้แน่

เอาข้อมูลนี้ให้คุณชายห้าฉิง คุณชายห้าฉิงเข้าใจได้ตามธรรมชาติแน่ เพียงแต่จะไปตามหาคนคนนั้นได้ยังไง มันก็เรื่องของคุณชายห้าฉิงแล้ว

“ตกลง” ชายหนุ่มที่อยู่อีกสายตอบรับ น้ำเสียงหยุดลงครู่หนึ่ง แล้วจึงถามคำถามที่ฟังดูเหมือนถามเรื่อยเปื่อย “จะพาเด็กสองคนกลับมาเมื่อไหร่?”

“รุ่นพี่ ฉันแต่งงานแล้วค่ะ” เวินลั่วฉิงเม้มปากนิดหน่อย คิดอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับเขา ในเมื่อเธอแต่งงานกับเย่ซือเฉินแล้ว ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้อาจจะไม่มีทางกลับไปแล้ว

เรื่องนี้รุ่นพี่ต้องรู้ไม่ช้าก็เร็ว สู้เธอบอกรุ่นพี่ตรง ๆ ไปเลยดีกว่า

“……” อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์เงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเสียงทุ้มต่ำจึงดังขึ้นมาอีกครั้ง “กับใคร?”

ถ้าหากฟังอย่างละเอียด จะสังเกตได้ถึงน้ำเสียงที่สะกดอารมณ์ของเขาได้

“เย่ซือเฉิน” เวินลั่วฉิงนึกว่าคำถามแบบนี้เขาไม่น่าจะถาม แต่ในเมื่อเขาถามแล้ว เวินลั่วฉิงก็ไม่ปิดบัง

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset