ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 499 เจตนารมณ์ของเนี่ยถิง

เจตนารมณ์ของเนี่ยถิง

 

สำหรับกลุ่มทวยเทพแล้ว การตายของฮิโรโนะไม่ใช่ความผิดของหลี่ว์ซู่แต่กลับเป็นความรับผิดชอบของพวกอนุรักษ์นิยม เพียงแต่แต้มอารมณ์นั้นแสดงผลอีกอย่าง ในความเป็นจริงหลี่ว์ซู่คือผู้ที่ลงมือ ฉะนั้นจริงๆ แล้วมันจึงเป็นความผิดของหลี่ว์ซู่…

 

คืนนี้หลี่ว์ซู่ไม่ได้ปรากฏตัวในการตายของฮิโรโนะ การสัประยุทธ์ระหว่างพวกอนุรักษ์นิยมและพวกลัทธิคลั่งชาติ รวมทั้ง ‘ราชันฟ้าคนที่เก้า’ ที่กำลังก่อให้เกิดความหายนะอยู่นั้นเป็นสองเหตุการณ์ที่แยกออกจากกันในสายตาของทวยเทพ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดคิดว่ายาเอโกะจะดันทุรังทำให้ทั้งสองกรณีมาเกี่ยวโยงกันด้วยอีกต่างหาก แม้แต่หลี่ว์ซู่เองยังประหลาดใจเลย เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะเลิกแผน…

 

หลี่ว์ซู่ปีนขึ้นไปที่ห้องใต้หลังคาพร้อมกับมียาเอโกะอยู่บนหลัง เขาแอบบันไดทั้งหมดในห้องใต้หลังคาเป็นอย่างดี ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ทวยเทพค้นพบห้องใต้หลังคา ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะพบบันไดแล้วเอาเรื่องมาเกี่ยวโยงเข้าด้วยกันได้

 

ความรอบคอบของหลี่ว์ซู่นั้นเกิดจากความเป็นห่วงอย่างแท้จริงว่าจะเอาชิบะมาพัวพันด้วย มันจะไม่มีปัญหาถ้าเขาลงมือเองตามลำพัง เขาก็เพียงแค่เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาและอยู่เงียบๆ หลังจากฆ่าใครไป

 

ตอนนี้ทวยเทพได้มาถึงแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นชิบะอยู่บ้านคนเดียวพวกเขาก็ถามด้วยความไม่แน่ใจนักว่า “ครอบครัวของเธออยู่ที่ไหน”

 

ชิบะตอบด้วยอาการกลัวเล็กน้อย “พ่อของฉันทำงานอยู่ที่โอคายาม่า”

 

บุคคลที่เป็นผู้ขอค้นบ้านชำเลืองไปให้ใครบางคนตรวจสอบประวัติของเธอ ภายในสองนาทีก็มีการยืนยันกลับมา “เธอพูดความจริง”

 

ผู้นำคนนั้นพยักหน้าและบอกว่า “เมื่อกี้มีใครเดินผ่านมาบ้างไหม และมีใครเข้ามาซ่อนอยู่ในบ้านไหม”

 

ชิบะตอบอย่างระมัดระวัง “เมื่อกี้มีการเคลื่อนไหวของคนจำนวนมากที่ปลุกให้ฉันต้องตื่นขึ้นมาและฉันก็มองออกไปนอกหน้าต่าง นอกจากนั้นฉันก็ไม่สังเกตเห็นอะไรอย่างอื่นอีกค่ะ”

 

ครึ่งแรกของเรื่องนั้นเป็นความจริง แต่ครึ่งหลังเป็นเรื่องที่กุขึ้น ชิบะรู้สึกว่าคำพูดของเธอไม่มีข้อบกพร่องเลย

 

แต่ทวยเทพก็ยังต้องทำการค้นบ้าน มีคนสี่คนแยกกันไปตรวจสอบ แม้แต่ตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของ และใต้เตียงยังถูกยกขึ้นตรวจไม่เหลือสักแห่ง นี่คงจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ทวยเทพทำเช่นนั้น การตรวจค้นของพวกเขาละเอียดลออ ตามปกติแล้วไม่มีใครรอดไปได้ถ้าเพียงแค่เข้ามาแอบซ่อนตัว

 

อย่างไรก็ตาม ห้องใต้หลังคาของชิบะนั้นปกปิดมิดชิด หลี่ว์ซู่มองดูรอบๆ ห้องและเจอเงินสดกองอยู่เป็นตั้ง…

 

เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นเงินสด เขาก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด ในที่สุดเขาก็ใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีในการยับยั้งใจตัวเองที่จะยัดเงินทั้งหมดนั่นลงไปในตราแผ่นดิน…เวรแล้ว พ่อแม่ชิบะทำงานอะไรกันแน่ พวกเขาจงใจสร้างห้องลับใต้หลังคาเพื่อหมกเงินสดทั้งหมดนี้หรือเปล่า

 

ธนบัตรสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นที่มูลค่ามากที่สุดคือ ธนบัตรหนึ่งหมื่นเยน บนนั้นจะมีรูปของผู้ชายอยู่บนธนบัตรและหลี่ว์ซู่มีความรู้สึกว่าเขาเป็นอาจารย์

 

ตอนนี้เงินสดทั้งหมดที่กองอยู่ตรงหน้าหลี่ว์ซู่มีใบหน้าของอาจารย์คนที่หลี่ว์ซู่นึกชื่อไม่ออก…

 

ทวยเทพเริ่มค้นตั้งแต่ชั้นล่างสุดและตรวจค้นบ้านทั้งหลังทีละชั้น ทว่าไม่อาจพบอะไรได้เลย ตอนแรกที่พวกเขาเข้ามา พวกเขาหยาบคายและป่าเถื่อน แต่เมื่อพวกเขายืนยันได้แล้วว่าไม่มีใครซ่อนอยู่ในบ้าน พวกเขาก็สุภาพขึ้นมาก

 

ในความเป็นจริง หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องทำเป็นสุภาพตอนที่จะกลับ เนื่องจากพวกเขาได้ทำการตรวจค้นบ้านโดยไม่มีหนังสือยืนยันตัวตนอะไรเลย

 

ทวยเทพเพี้ยนพอที่จะทำอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ ไม่น่าล่ะถึงได้มีข่าวลือว่าทวยเทพกำลังจะเข้าขั้นบ้าแล้ว หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่เครือข่ายฟ้าดินจะตรวจสอบกลุ่มทวยเทพอย่างจริงจัง ใครก็ตามที่มีเพื่อนบ้านแบบนี้ก็คงจะระแวดระวังตัวเช่นเดียวกัน

 

ชิบะรอให้ทุกคนจากไปจนหมดก่อนที่จะเดินขึ้นมาชั้นสองอย่างระมัดระวัง เธอเรียก “คิริฮาระคุง ปลอดภัยแล้ว เธอลงมาได้เลย”

 

หลี่ว์ซู่อุ้มยาเอโกะลงมา ในขณะที่เขาสงบลง จู่ๆ เขาก็ตระหนักว่า…ดูเหมือนยาเอโกะจะไม่สวมใส่อะไรอยู่ข้างในชุดของเธอเลย…

 

ชิบะถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับซากุราอิน่ะ พวกทวยเทพตามหาเธออยู่เหรอ”

 

ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรจากชิบะ เนื่องจากตอนนี้เขาได้เอาชิบะมาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เธอจึงมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากคิดทบทวนดูแล้วหลี่ว์ซู่จึงกล่าวว่า “ฉันฆ่าผู้บริหารระดับสูงของทวยเทพขณะที่ยาเอโกะโดนพวกเขาทำร้ายจนบาดเจ็บ พวกเขาต้องตามหาเราแน่ๆ”

 

ชิบะลังเลก่อนที่จะถามขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเธอกับซากุราอิก็เป็นผู้บำเพ็ญทั้งคู่เลยเหรอ”

 

“ใช่แล้ว” หลี่ว์ซู่พยักหน้าเพื่อยืนยัน “เมื่อกี้เธอบอกว่าเธอปะทุพลัง แล้วเธอได้ปะทุเข้าสู่พลังอะไรเหรอ”

 

“ตอนนั้นที่ฉันหลับสนิทไป มันรู้สึกเหมือนกับได้ร่วงลงไปในบ่อลาวา แต่ลาวาไม่อาจไหม้ตัวฉันได้ ฉันรู้สึกว่ามันใจดีมาก” ในขณะที่ชิบะพูดจบ ฝ่ามือของเธอก็ปะทุเป็นเปลวไฟขึ้นมา

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้า ถ้าเช่นนั้นนี่ก็เป็นผู้มีพลังสายธาตุไฟ เขาบอกเธอ “เธอไม่ควรใช้พลังของเธอเล่นๆ นะ หลังจากปะทุพลังแล้วยังมีขั้นตอนของการปรับตัวอีก เราจะไปหลังจากที่รอต่ออีกนิด อย่าได้บอกใครเด็ดขาดเลยนะว่าเธอช่วยซ่อนตัวพวกเรา”

 

“ฉันเกรงว่าเธอคงจะไปไม่ได้แล้วล่ะ…ดูข้างนอกสิ” ชิบะกล่าว

 

หลี่ว์ซู่เปิดผ้าม่านแล้วมองออกไป เขาพบว่าหลังจากที่พวกทวยเทพตรวจค้นเสร็จ พวกเขาก็ไม่ได้จากไปไหนเลย พวกเขามอบหมายให้มีคนเฝ้ายามซึ่งได้ปิดทางออกของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

 

เสียงต่อสู้กันของโอดะ โทคุมะและคิตะมุระ คิจิโทริด้านนอกค่อยๆ ห่างออกไป จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกได้ถึงเสียงสั่นของโทรศัพท์ของเขา เขาวางยาเอโกะบนโซฟาและเดินออกไปเพื่อดูสายที่โทรเข้ามา

 

หลี่ว์ซู่มีโทรศัพท์สามเครื่องหลังจากมาที่นี่ เครื่องหนึ่งเป็นสมาร์ทโฟน อีกเครื่องเป็นเครื่องที่โยวหมิงอวี่ให้เขามาเพื่อส่งข้อมูลโดยเฉพาะ และเครื่องสุดท้ายเป็นของคิริฮาระ ยูสึเกะ

 

เขาเก็บโทรศัพท์ของเขาเองเอาไว้ในตราแผ่นดินเนื่องจากเขาใช้ซิมการ์ดของเขาที่นี่ไม่ได้ ข้อมูลที่เขาเพิ่งได้รับเมื่อครู่มาจากเครือข่ายฟ้าดิน

 

หลี่ว์ซู่ชำเลืองไปมองและรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาไม่คิดว่าเครือข่ายฟ้าดินจะรู้สถานการณ์ได้เร็วถึงขนาดนี้ และพวกเขายังเตรียมหนทางล่าถอยใหม่ให้เขาอีกด้วย ตัวตนใหม่หรือการล่าถอย

 

ดูเหมือนว่าหากไม่ทานิกุชิ บันได ก็คงมีสายลับสักคนจากทวยเทพที่ติดต่อกับเครือข่ายฟ้าดินได้สำเร็จ หนทางการล่าถอยนี้มาถึงทันเวลาใช้ได้เลย

 

หลี่ว์ซู่ได้รับทางเลือกสองอย่าง ทางหนึ่งคือการเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาและทำธุระของเขาต่อไป

 

อีกทางหนึ่งคือการถอนตัวกลับออกไป เนื่องจากมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างแม้ว่าเขาจะต้องการยอมแพ้ก็ตาม

 

ด้วยเหตุผลบางประการ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้น่ากลัวเท่าที่เขาคิดไว้แต่เดิม เนื่องจากไม่มีการจัดสรรหน้าที่อะไรที่เฉพาะเจาะจงให้เขาทำ เขาจึงทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เขาก็เพียงแค่ถอนตัวออกมาเท่านั้น

 

ในความเป็นจริงแล้ว การฆ่าคนระดับ C สองคนและการเขียนตัวหนังสือ ‘รื้อ’ ทิ้งไว้นั้นจะไม่สร้างความเสียหายร้ายแรงอะไรต่อทวยเทพหรอก แต่ดูเหมือนว่าเนี่ยถิงจะไม่สนใจ

 

ความรู้สึกนี้…คล้ายกับว่าพวกเขากำลังปล่อยให้เขาสร้างชื่อเสียงที่ผิดๆ โดยการส่งเขาไปหากลุ่มทวยเทพ เขาได้รับมอบหมายหน้าที่กับสิ่งที่ต้องทำและถูกส่งไปยังเป้าหมายที่ถูกเกลียดชังโดยทั่วไปในหมู่คนของเครือข่ายฟ้าดินซึ่งได้แก่ กลุ่มทวยเทพ เขาสามารถถอนตัวตราบใดที่เขาได้ใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงนี้แล้ว แน่นอนว่าหากเขาอยากทำธุระของเขาต่อไป เขาก็ทำเช่นนั้นได้อยู่แล้ว

 

อะไรคือเจตนารมณ์ของเนี่ยถิงกันแน่

 

ตั้งแต่โบราณสถานเกาะช้างแล้ว ตอนที่เครือข่ายฟ้าดินส่งเพียงเขาและหลี่อีเสี้ยวไป เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จนกระทั่งถึงภารกิจนี้ หลี่ว์ซู่ก็ยิ่งรู้สึกแบบนั้นมากขึ้นไปอีก

 

หลี่ว์ซู่ยังคิดไม่ตกเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา สัญชาตญาณตามธรรมชาติของเขาคือการไม่คิดถึงมันและแก้ไขปัญหาที่อยู่ตรงหน้าเสียเลย

 

ลมหายใจของยาเอโกะเริ่มสม่ำเสมอขึ้น หลี่ว์ซู่เดาว่าเธอจะได้สติคืนมาในวันรุ่งขึ้น ส่วนชิบะนั้น…หลี่ว์ซู่ไม่รู้จะอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้เธอฟังอย่างไรดี

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset