ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 602 โลกประหลาด

ตอนที่ 602 โลกประหลาด 

 

 

หลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานที่นั่งอยู่บนพื้นกระจกรวมหัวกันคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อดี ไม่ใช่ว่าโลกกระจกแห่งนี้จะไม่มีแรงเสียดทานเลย ไม่อย่างนั้นหลี่ว์ซู่คงจะรักษาสมดุลแล้วยืนได้สบายๆ ตั้งแต่เขาเข้ามาแล้ว 

 

 

เขาอยากใช้พลังน้ำของตัวเองสร้างน้ำแข็งขึ้นมาปกคลุมอีกชั้นหนึ่ง จะได้ไถลกันไปได้ แต่ปัญหาคือมีไอน้ำอยู่ในอากาศมากเกินไป คงต้องใช้เวลานานเหมือนกันกว่าน้ำแข็งจะแข็งตัว 

 

 

เฉินจู่อานคิดแล้วพูดออกไป “ถ้ามันเป็นเหมือนสเกตน้ำแข็งก็คงดีเนอะ เราจะได้ไถลตัวกันไปบนกระจกได้ ฮ่าๆ” 

 

 

หลี่วซู่เหลือบมองแล้วตอบ “จะเล่นสเกตน้ำแข็งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับแรงเสียนทานของน้ำแข็งด้วย ใครบอกสเกตน้ำแข็งไม่ต้องใช้แรงเสียดทานกัน” 

 

 

จะไถลตัวไปบนน้ำแข็งก็ต้องใช้แรงกระทำจากขาไปที่น้ำแข็ง แต่ทำแบบนั้นบนกระจกไม่ได้หรอก 

 

 

“แต่ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลแล้วนี่” เฉินจู่อานหัวเราะ “ตอนแรกผมก็กลัวว่าเราอาจมาช้าไปและไม่ได้อะไรกลับไปเลย แต่พอดูๆ แล้วนักเรียนห้องเต้าหยวนก็คงงงๆ ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันแหละ แค่เดินยังยากเลย นับประสาอะไรกับการไปหาทรัพยากร ผมนึกสภาพออกเลยว่าตอนที่คนอื่นๆ เข้ามาจะเป็นยังไงกัน คงไม่ต่างจากพวกเราหรอก” 

 

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้าเห็นด้วย พวกนั้นคงต้องเผชิญปัญหาแบบเดียวกันกับที่หลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานเจอตอนเข้ามาในนี้ การจะใช้ความสามารถที่มีของผู้บำเพ็ญนั้นยากมาก 

 

 

แต่เขาก็ไม่กังวลหรอกว่าพวกนั้นจะหนีกันออกไปไม่ได้ เพราะสถานที่แปลกๆ แบบนี้คงทำอะไรเฉินไป่หลี่ไม่ได้มาก เขาคงดั้นด้นหาทางจนพบวัตถุเก่าแก่เข้าจนได้แหละ 

 

 

พอเฉินจู่อานคิดอะไรไม่ออกแล้ว หลี่ว์ซู่ก็เอาหอกยาวสองเล่มและพรมออกมาจากไหนไม่ทราบด้วยความเร็ว พรมนี่ค่อนข้างใหญ่และกันน้ำ ซึ่งเป็นของที่ได้มาพร้อมชุดเต็นท์กางกลางแจ้งที่หลี่ว์ซู่ซื้อไว้ 

 

 

เฉินจู่อานตาวาว “พี่ซู่ นี่พี่มีที่เก็บของแบบล่องหนจริงๆ ด้วย!” ในตอนนั้นที่หลี่ว์ซู่เอาหอกยาวออกมาเพื่อฆ่ากิ้งก่ากินคน ทุกคนที่นั่นก็สงสัยกันแล้วว่าหลี่ว์ซู่น่าจะมีที่เก็บของแบบล่องหน แต่ก็ไม่มีใครยืนยันความสงสัยนี้ได้ มีคนเดาว่าหลี่ว์ซู่อาจจะเก็บอาวุธไว้ใต้เสื้อผ้าก็ได้ แต่พรมกันน้ำนี่ไม่ใช่อาวุธ มันต้องเอาออกมาจากที่เก็บของแบบล่องหนแน่ๆ ล่ะ 

 

 

เฉินจู่อานยิ่งตะลึงหนัก เขารู้ว่ามีแต่ราชันฟ้าที่ต้องเดินทางข้ามประเทศไปมาเท่านั้นถึงจะมีกี่เก็บของแบบนี้ไว้ครอบครอง ว่ากันว่าในเครือข่ายฟ้าไม่ค่อยมีของแบบนี้เหลืออยู่แล้ว 

 

 

“เลิกพูดไร้สาระแล้วมานี่” หลี่ว์ซู่พูดขณะก้าวขึ้นไปบนพรมแล้วนั่งลง 

 

 

เฉินจู่อานเข้าใจทันทีว่าหลี่ว์ซู่อยากจะให้ทำอะไร เขาจะใช้หอกกับกระจกซึ่งก็ดีกว่าการต่อยกระจกด้วยกำปั้นแน่ๆ จากนั้นก็เอาพรมกันน้ำนี่ไว้บรรทุกพวกเขา หอกยาวจะช่วยออกแรงดันให้พวกเขาไปข้างหน้าได้ 

 

 

เฉินจู่อานตื่นเต้นมาก คิดถูกจริงๆ ที่ติดตามหลี่ว์ซู่เข้ามาในนี้! 

 

 

เขาก้าวขึ้นพรมตามไป “พร้อมแล้ว!” 

 

 

“งั้นก็ไปกัน!” หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างกระฉับกระเฉง 

 

 

เขาใช้พลังแห่งสวรรค์กับหอกสองเล่ม เขาออกแรงทั้งหมดจากแขนเพื่อทำให้กระจกเป็นรูสองรู การออกแรงอย่างมากของเขาทำให้พรมกันน้ำพุ่งตัวไปข้างหน้าเร็วอย่างกับลูกธนู 

 

 

เฉินจู่อานที่นั่งอยู่ข้างหลังรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังซ้อนรถมอเตอร์ไซค์อยู่ มันไปเร็วเกินไปมากๆ! และเขาก็ไม่ได้หาอะไรเกาะก่อนเลยด้วย เขาเลยกลิ้งออกไป 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเฉินจู่อาน +666!] 

 

 

“พี่ซู่” เฉินจู่อานที่นอนแผ่อยู่บนกระจกพูดออกมาเศร้าๆ “ผมจะไม่พูดแหย่เล่นอีกแล้ว ช่วยหน่อยเถอะ…” 

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะออกมาอย่างร่าเริงแล้วไถลเข้าไปช่วย “ขอโทษๆ ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ทำแล้วๆ” 

 

 

เฉินจู่อานเลยก้าวขึ้นไปบนพรมอีกรอบด้วยความโล่งใจ เขากอดเอวหลี่ว์ซู่จากขางหลังไว้แน่น… 

 

 

“ไปกัน…” หลี่ว์ซู่ทำสีหน้าไม่สู้ดี ถ้าใครมาเห็นภาพนี้จะทำไงเนี่ย 

 

 

“ผมจะเกาะแน่นไม่ปล่อยเลย!” เฉินจู่อานกลัวว่าหลี่ว์ซู่จะเร่งความเร็วทันทีอีก เขาฉลาดนะ เขาไม่ทำผิดพลาดเป็นครั้งที่สองหรอก 

 

 

หลี่ว์ซู่เอาชุดเย็บผ้าออกมาและเอาเสื้อยืดขาดรุ่งริ่งออกมาด้วยจากตราแห่งแผ่นดิน เขาเย็บหูจับให้เฉินจู่อานไว้บนพรมกันน้ำ เฉินจู่อานดีใจตาเป็นประกายและผละออกจากหลี่ว์ซู่ 

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็ออกแรงใช้หอกสองเล่มนั้นพาพวกเขาเคลื่อนที่เร็วอย่างกับสายลม 

 

 

ทั้งสองคนมองดูโลกรอบข้าง กระจกนั้นสะท้อนภาพท้องฟ้าสีคราม เทียบกับโลกรอบข้างแล้วดูแล้วทั้งสองคนดูตัวกระจ้อยไปเลย เหมือนกับพวกเขากำลังแล่นเรืออยู่บนผิวทะเลอันเงียบสงบ 

 

 

ชีวิตของพวกเขาสองคนไม่ได้เจอกับความอ้างว้างและใหญ่โตแบบนี้มาก่อนเท่าไหร่หรอก 

 

 

จู่ๆ เฉินจู่อานก็ถอนหายใจ “พี่ซู่ พี่บอกว่าที่นี่ไม่มีอะไรนี่ ผมไม่รู้สึกว่ามันจะมีทรัพยากรสำหรับการฝึกฝนอยู่ที่นี่เลยนะ” 

 

 

“มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก โบราณสถานทุกที่ก็เป็นแบบนี้นั่นแหละ” หลี่ว์ซู่ส่ายหัว “เราอาจจะรู้กันตอนตกกลางคืนก็ได้” 

 

 

แล้วอยู่ๆ พวกเขาก็เห็นร่างของใครสักคนที่กำลังจะนอนลงบนพื้นจากที่ไกลๆ หลี่ว์ซู่มั่นใจว่าคนคนนั้นยังมีชีวิตอยู่แน่ พอคนคนนั้นนอนลงแล้ว เขาก็เคี้ยวช็อกโกแลตตุ้ยๆ … 

 

 

เขาสังเกตเห็นว่าใครบางคนกำลังใกล้เข้ามา พอหันหน้าไปก็เห็นว่าเป็นหลี่ว์ซู่กับเฉินจู่อานที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เขาประหลาดใจมาก เลยตะโกนออกไป “ขอติดไปด้วยคนสิ! ตรงนี้ขยับไม่ได้เลย!” 

 

 

หลี่ว์ซู่ควบคุมให้พรมนั้นไปหยุดห่างจากคนนั้นราวห้าเมตร เด็กหนุ่มคนนั้นคือเจียงเฟิงที่เดินทางมากับเขาด้วยนี่เอง! 

 

 

หลี่ว์ซู่ถามด้วยความฉงน “มาอยู่นี่ได้ไงเนี่ย” 

 

 

“ฉันติดอยู่นี่ตั้งแต่เข้ามาแล้ว” เจียงเฟิงพูดอย่างอารมณ์เสีย “ขยับไปไหนไม่ได้เลย ทำได้แค่นั่งนิ่งๆ แล้วก็กินนี่แหละ” 

 

 

หลี่ว์ซู่จำได้ว่าเจียงเฟิงมาถึงตั้งแต่สองวันก่อนแล้ว เขาเลยถามต่อ “ตอนกลางคืนในนี้มีอะไรเปลี่ยนไปไหม” 

 

 

เจียงเฟิงชะงักไปก่อนตอบว่า “ที่นี่ไม่มีกลางคืนหรอก” 

 

 

“อย่างที่คิดไว้เลย” หลี่ว์ซู่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าเงื่อนไขในโบราณสถานนั้นต้องไม่ง่ายอย่างที่คิดแน่ๆ โลกในโบราณสถานนั้นแตกต่างจากข้างนอกอย่างสิ้นเชิง 

 

 

หลี่เสียนอีเคยบอกไว้ว่าในโบราณสถานจะมีโลกของตัวเองอยู่ข้างใน แล้วทั้งสองโลกจะเหมือนกันได้อย่างไรล่ะ 

 

 

แต่หลี่วซู่สงสัยนิดหน่อย โบราณสถานที่เขาเข้าไปก่อนหน้านั้น ทุกที่จะมีพระจันทร์สีเลือด แปลว่าโบราณสถานทุกที่นั้นพาไปที่เดียวกันหรือเปล่านะ หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปบนฟ้า แต่มันไม่ใช่แค่ไม่มีพระจันทร์สีเลือดหรอก แม้แต่ดวงอาทิตย์ ที่นี่ก็ไม่มีเช่นกัน เขาไม่รู้เลยว่าแสงสว่างบนฟ้าสีครามนี้มาจากไหน แต่สีครามที่ว่านี่ดูจากแตกต่างจากฟ้าของโลกเหมือนกัน 

 

 

งั้นที่นี่ก็ไม่มีมีดวงอาทิตย์ ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีกลางวันและกลางคืน 

 

 

เจียงเฟิงจำได้ว่าเขาเคยถกกันเรื่องจะเอาตัวรอดกันอย่างไรในโบราณสถาน พวกเขาเคยหัวเราะเยาะหลี่ว์ซู่ที่ไม่เตรียมอะไรมาก่อน แต่พอเข้ามาในโบราณสถานแล้วก็เพิ่งเข้าใจว่ามันไม่มีอะไรเหมือนกับโลกข้างนอกเลย ไม่มีทางที่พวกเขาจะเตรียมตัวล่วงหน้ากันได้ 

 

 

“เอ่อ…นายช่วย…” ก่อนที่เจียงเฟิงจะได้พูดจบประโยค หลี่ว์ซู่ก็เร่งความเร็วพรมกันน้ำออกไปทันที… 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเจียงเฟิง +666!] 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset