ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 603 ทำตัวเป็นการเป็นงาน

ตอนที่ 603 ทำตัวเป็นการเป็นงาน

 

 

พวกเขาไปมุ่งหน้ากันต่อไปเรื่อยๆ หลี่ว์ซู่ไม่มีทางเลือก เขาต้องปล่อยเจียงเฟิงไว้ตรงนั้นเพราะพรมกันน้ำนี่บรรทุกคนได้แค่เพียงสามคนเท่านั้น และเขาก็อยากกันที่ที่สามนี้ไว้ให้เสี่ยวอวี๋

 

 

คงแย่กว่านี้ถ้าต้องไล่ให้เจียงเฟิงลงไปจากพรมแล้วให้เสี่ยวอวี๋ขึ้นมาแทน

 

 

มีนักเรียนเป็นพันๆ คนที่มาถึงที่นี่โดยรถไฟ มีคนพูดอยู่ไม่ใช่เหรอว่าความอ้างว้างนั้นเป็นเวลาที่ดีที่จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก หลี่ว์ซู่รู้ว่านักเรียนห้องเต้าหยวนที่ฝึกกันมาอย่างหนักหน่วงนั้นคงจะมีอารมณ์เหมือนอยู่ในสนามรบกันโดยตลอด มาที่นี่จะได้มาทำให้หัวโล่งๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก…

 

 

อยู่ๆ เฉินจู่อานก็ตะโกนออกมา “พี่ซู่ ดูนั่น!”

 

 

หลี่ว์ซู่มองไปตามทางที่เฉินจู่อานชี้ เขาเห็นว่ามีต้นไม้สีขาวที่เปล่งแสงประกายระยิบระยับ นอกจากนี้หลี่ว์ซู่ยังเห็นใครคนหนึ่งกำลังคลานอยู่บนพื้น พยายามเอาตัวเองเข้าไปใกล้ลำต้นของต้นไม้ แต่เพราะว่าอยู่บนกระจกก็เลยทำให้ตัวของเขาออกห่างจากต้นไม้ไปเรื่อยๆ …

 

 

พอคนคนนั้นเห็นหลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานใกล้เข้ามา เขาก็คลานไปอีกอย่างบ้าคลั่ง

 

 

ต้นไม้มีผลไม้สีขาวเป็นประกายอยู่ประมาณสี่หรือห้าผล ดูสวยงามเกินจริงมาก แต่หลี่ว์ซู่และเฉินจู่อานไม่รู้ว่าผลไม้นั่นทำอะไรได้บ้าง

 

 

หลี่ว์ซู่จำหน้าชายคนนี้ไม่ได้เสียด้วย เขาเลยหันไปถามเฉินจู่อาน “รู้จักคนนั้นมั้ย”

 

 

“ไม่นะ” เฉินจู่อานส่ายหัว

 

 

และพอเห็นทั้งสองคนเข้าไปใกล้ เขาก็ตะโกนขึ้นมาทันที “ไสหัวไปซะ ฉันเจอต้นไม้นี้ก่อนนะ”

 

 

หลี่ว์ซู่เลิกคิ้ว “เจอก่อนก็ไม่ได้แปลว่ามันเป็นของนายนี่ งั้นนายก็ต้องเป็นของฉันเพราะฉันเจอนายคนแรกใช่ไหมล่ะื” เฉินจู่อานอ้าปากค้าง หลี่ว์ซู่พูดเรื่องอะไรเนี่ย

 

 

[แต้มอารมณ์จากเจินจู่อาน +66!]

 

 

[แต้มอารมณ์จากโนกิวะ ทาคาฮิระ +666!]

 

 

พอเข้าไปใกล้พอควรแล้ว หลี่ว์ซู่ก็ได้รับแต้มอารมณ์มาจำนวนหนึ่ง ทีนี้เขาก็บอกได้แล้วว่าแต้มอารมณ์มาจากผู้ชายคนนี้นี่แหละ

 

 

ตอนที่หลี่ว์ซู่เข้าไปที่โบราณสถานเป่ยหมัง เขาได้ปะทะกับสายลับญี่ปุ่น แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้รับแต้มอารมณ์จากใครคนไหนที่มีชื่อญี่ปุ่นอีกเลย แต่โผล่มาได้หนึ่งคน และนามสกุลของคนนี้คือโนกิวะด้วยอีกต่างหาก

 

 

นักเรียนจากห้องเต้าหยวนจำนวนมากจากทั่วประเทศมารวมตัวกันที่ลบนัวร์ หลี่ว์ซู่ว่าเขาน่าจะได้เจอสายลับจากที่อื่นเข้าให้บ้างแหละ แต่ไม่รู้ว่าจะได้เจอรวดเร็วขนาดนี้

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่สามารถกำจัดเขาโดยไม่อธิบายเหตุผลให้เฉินจู่อานฟังได้ เขารู้จากระบบบันทึกว่าเจ้านี่เป็นสายลับ แต่สำหรับเฉินจู่อานแล้ว เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง

 

 

พวกกลุ่มทวยเทพเริ่มหาพวกหลังจากที่พ่ายแพ้ไป และสายลับหลายๆ คนก็ทิ้งองค์กรไปเลย มีสายลับคนอื่นๆ อีกมากที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปดี ในขณะที่สายลับที่เหลือกลับถอนใจก้วยความโล่งอก

 

 

เพราะเมื่อองค์กรถูกกำจัดก็แปลว่าภารกิจของพวกเขาก็จบลงด้วยเหมือนกัน และอาจจะไม่มีใครจับได้ว่าพวกเขาเป็นสายลับมาก่อน พวกเขาสามารถใช้ชื่อใหม่ที่ได้มาและใช้ชีวิตต่อไป

 

 

ไม่ใช่ทุกคนที่อยากสละชีวิตเพื่อกลุ่มทวยเทพหรอก คนญี่ปุ่นเองก็กลัวตายเป็นเหมือนกัน

 

 

แต่หลี่ว์ซู่คิดว่าทั้งหมดนี่ไม่ได้แปลว่าพอเจอว่ามีสายลับรอบๆ ตัวพวกเขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ พวกนี้อาจจะปล่อยระเบิดตอนไหนก็ได้

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็เจอพวกสายลับนี่แล้ว เขาต้องจัดการฆ่าพวกมันให้หมดอย่างเร็วที่สุด

 

 

หลี่ว์ซู่เลื่อนพรมไปที่ใต้ต้นไม้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายืนขึ้นแล้วเอื้อมไปหยิบผลไม้จากต้นก่อนเก็บผลไม้สี่ผลลงกระเป๋า

 

 

ทาคาฮิระที่อยู่ใต้ต้นไม้รีบตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “หลังออกไปได้แล้ว ฉันเอาเรื่องนี้ไปรายงานกับเครือข่ายฟ้าดินแน่ อย่าคิดนะว่านายจะเอาผลไม้ไปแบบนั้นได้น่ะ”

 

 

หลี่ว์ซู่คิดไปนิดหนึ่งก่อนตอบ “งั้นเดี๋ยวแบ่งให้ เก็บเป็นความลับได้ไหม”

 

 

สีหน้าของทาคาฮิระเปลี่ยนไป เขารีบตอบทันที “ได้สิ ถ้านายแบ่งให้ ฉันเก็บเป็นความลับให้ก็ได้!”

 

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้า “รักษาคำพูดด้วยล่ะ”

 

 

ขณะที่พูดนั้น เขาก็หักกิ่งต้นไม้ออกกิ่งหนึ่งแล้วขว้างมันไปให้ทาคาฮิระ “เอ้านี่”

 

 

เฉินจู่อานอ้าปากค้างอีกรอบ ทำไมถึงคิดว่าคนนั้นอยากจะได้กิ่งไม้ไปกันเนี่ย คิดอะไรอยู่

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากโนกิวะ ทาคาฮิระ +999!]

 

 

ทาคาฮิระโมโห “ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย!”

 

 

เฉินจู่อานมองดูกิ่งไม้อีกกอ่งในมือของหลี่ว์ซู่แล้วเงียบไป “พี่ซู่ อย่าบอกนะว่าอีกกิ่งพี่จะเอาให้ผม…”

 

 

“อ่ะ” หลี่ว์ซู่ยื่นกิ่งไม้กิ่งนั้นให้เฉินจู่อาน “เอาของฝากสำหรับเด็กดีมาให้”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเจินจู่อาน +666!]

 

 

และในตอนนี้เองที่เกมนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว!

 

 

จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ยกมือขึ้นมาโจมตีเข้าที่หลังคอของเฉินจู่อาน จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับไปหาทาคาฮิระแล้วพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น “โนกิวะเป็นพวกใจร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ฉันเห็นบันทึกรายงานของนายตั้งแต่อยู่ที่โตเกียวแล้ว โนกิวะ ทาคาฮิระ องค์กรกำลังเรียกหานายอยู่นะ ถ้าออกไปได้แล้วติดต่อฉันมาก็แล้วกัน”

 

 

ทาคาฮิระที่ช็อกไปพยายามคุมตัวเองให้กลับมาสงบนิ่ง “ครับท่าน นั่นใครกันครับ”

 

 

หลี่ว์ซู่ตบร่างเฉินจู่อานเบาๆ แล้วกลับมาพูดภาษาจีน “เจ้าตุ้ยนุ้ยน่ะ แล้วนายล่ะเป็นใคร แนะนำตัวให้ฟังดีๆ หน่อยซิ”

 

 

แล้วเฉินจู่อานก็หัวเราะและลุกขึ้นยืน “มองกันแบบนั้นหมายความว่าอย่างไรครับเนี่ย ผมแสดงเก่งมั้ย ว่าแต่เมื่อกี้ทำไมถึงพูดภาษาญี่ปุ่นกันล่ะ”

 

 

ตอนที่หลี่ว์ซู่ถามเฉินจู่อานว่าจำชายคนนี้ได้ไหม เขาก็ส่งสายตาเหลือบไปที่เฉินจู่อาน สายตาที่ส่งไปนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ แต่เฉินจู่อานก็สัมผัสได้ว่าต้องมีเรื่องอะไรตื่นเต้นเกิดขึ้นหลังจากนั้น

 

 

เพราะฉะนั้นตอนที่หลี่ว์ซู่แกล้งทำให้เขาสลบไป เขาก็เล่นตามน้ำ

 

 

ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่เข้าใจที่หลี่ว์ซู่อยากจะให้ทำแล้ว แต่เฉินจู่อานน่ะไหวพริบดี

 

 

ทาคาฮิระไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลี่ว์ซู่รู้ชื่อจริงของเขา หากหลี่ว์ซู่ไม่ใช่คนจากองค์กรที่เคยเห็นบันทึกรายงานของเขามาก่อนแล้วจะเดาชื่อจริงแรกถูกตั้งแต่ครั้งแรกได้ยังไง

 

 

ต่อให้เป็นการหลอกกันก็ไม่มีทางหรอกที่จะเดาได้ถูกต้องได้ขนาดนี้

 

 

“คุณหักหลังองค์กรนี่” ทาคาฮิระพูดอย่างเย็นชา ตอนแรกเขาคิดว่าหลี่ว์ซู่เป็นสายลับเหมือนกันกับเขา แต่พอกลุ่มทวยเทพสลายไป หลี่ว์ซู่กลับเข้าร่วมกับเครือข่ายฟ้าดินแทน… เอาจริงแล้วมันก็ดูทะแม่งๆ อยู่ แต่เขาหาความเป็นไปได้อย่างอื่นไม่ได้แล้ว!

 

 

เฉินจู่อานนั้นสุดแสนเริงร่า เขาไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่รู้ชื่อจริงของโนกิวะ ทาคาฮิระ แต่เขาก็เห็นว่าเรื่องสายลับนี่เป็นอะไรที่น่าสนใจดี “พี่ซู่ เขาบอกว่าพี่เป็นสายลับเหรอ ฮ่าๆๆๆ!”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พอเฉินจู่อานอยู่ใกล้ๆ เขาก็เก็บงำตัวตนของทาคาฮิระไว้ไม่เปิดเผย ถ้าเขาอยู่คนเดียว ทาคาฮิระได้ตายไปนานแล้ว เขาเลยขว้างดาบรัศมีอสนีบาตไปที่หน้าอกของทาคาฮิระซึ่งเจ้าตัวพยายามจะหยุดการโจมตีนั้น ทว่าเขายืนอยู่บนกระจกจึงไม่สามารถขยับตัวได้ ไม่มีทางหนีไปไหนได้เลย

 

 

ดาบรัศมีอสนีบาตนั้นทะลวงไปที่มือของทาคาฮิระที่พยายามจะยื่นออกไปปกป้องชีวิตตัวเอง ทันใดนั้นเขาก็ขยับตัวไม่ได้เนื่องจากสายฟ้าลั่นไปทั่วร่างเขา ทีนี้เฉินจู่อานรู้แล้วว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา…

 

 

แต่ดาบรัศมีอสนีบาตไม่ได้หยุดอยู่ที่ฝ่ามือของทาคาฮิระ มันปักทะลุผ่านเส้นเลือดแดงทำให้เลือดสาดกระจายทั่วกระจก

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากโนกิวะ ทาคาฮิระ +1000!]

 

 

ก่อนที่เฉินจู่อานจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลี่ว์ซู่ก็หยิบเอากิ่งไม้ออกจากมือของทาคาฮิระ แล้วยื่นให้เฉินจู่อานแทน

 

 

“เอ้า เอาไป เขาตายแล้ว กิ่งนี่เป็นของนายแทนนะ”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเจินจู่อาน +666!]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset