แท่นมังกรงั้นเหรอ ชื่อนี้เหมือนบอกใบ้อะไรอยู่เลย หลี่ว์ซู่นึกถึงตอนที่เจ้าโกลาหลกลืนแท่นมังกรลงไปนั้น และเจ้ามังกรที่อยู่ข้างในนั้นก็ดูรอแทบไม่ไหวที่จะโดนกลืนลงไป เหมือนกับว่ามันติดอยู่ข้างในอย่างนั้นแหละ
งั้นพลังของทหารใต้ทะเลก็ไม่ได้มาจากโบราณสถานอย่างที่เขาคิด แต่มาจากมังกรต่างหาก
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว กลุ่มคนจากทะเลนี่เป็นใครกันแน่นะ มาจากไหนกันด้วย หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม การที่เขาทำลายแท่นมังกรไปแล้วนั้นก็น่าจะช่วยให้พวกที่อยู่บนเกาะสบายขึ้นมาได้หน่อย อย่างน้อยๆ พวกนักเรียนก็ไม่ต้องปะทะกับทหารจากทะเลเป็นหมื่นแล้วล่ะ
สถานการณ์เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ หลังจากการต่อสู้จบลง นักเรียนห้องเต้าหยวนก็กำลังคุยกันอย่างเผ็ดร้อนเลยว่าจะเอาเกราะทองแดงกันมาอย่างไรดี เพราะคนส่วนมากยังไม่ได้เกราะเต็มชุดมาสวมใส่เพื่อป้องกันกันเลย ยกเว้นกลุ่มของระลอกทองแดง
แต่ท้ายที่สุดแล้วกองทัพจากใต้ทะเลก็ไม่กลับมาอีกเลย…
ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร พวกเขาได้พักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่มและกลับมารู้สึกกระปรี้กระเปร่ากันอีกครั้ง พวกเขารอที่จะโจมตีระลอกหน้าอย่างใจจดจ่อ แต่กลับไม่มีใครโผล่ออกมาเลย
เฉินจู่อานและเฉินไป่หลี่รู้กันว่าเป็นฝีมือของหลี่ว์ซู่ เฉินจู่อานที่นั่งอยู่ข้างๆ ตู้เซวี่ยเหมยกำลังมองทะเลอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ ครุ่นคิดสงสัยว่าหลี่ว์ซู่ทำแบบนั้นได้อย่างไรนะ
ตีเนียนไหลไปกับศัตรูไปใต้ทะเลคนเดียว ฟังดูแล้วเท่ชะมัด แต่เฉินจู่อานทำแบบนั้นไม่ได้หรอก
ในขณะเดียวกัน หลี่ว์ซู่ใช้เวลารอหนึ่งนาทีเต็มๆ กว่าจะมีคนใต้ทะเลมาถึง ในเวลานั้นเขาทำสีหน้าตกใจค้างไว้อยู่ตลอด เมื่อคนมา ทุกคนก็ชะงักไป จนกระทั่งมีใครคนหนึ่งพูดขึ้นขณะจ้องไปยังแท่นมังกร “เกิดอะไรขึ้นน่ะเค่อเหวินหลี่!”
หน้ากากนี่เป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์จริงๆ ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ หลี่ว์ซู่ไม่มีทางโดนจับได้ภายใต้หน้าของเค่อเหวินหลี่แน่นอน ทุกคนล้วนจ้องไปที่แท่นมังกรกันหมด
หลี่ว์ซู่เกือบลืมชื่อใหม่ของเขาไปแล้ว เขารีบตอบกลับไปทันทีเมื่อรู้ว่าคนนั้นกำลังพูดกับเขาอยู่ “ไม่รู้เหมือนกัน! มาถึงก็เป็นแบบนี้แล้ว!”
ทันใดนั้นทหารเกราะสีดำก็เดินเรียงกันมาอย่างใจเย็น ตามมาด้วยทหารเกราะสีดำอีกร้อยตนอย่างพร้อมเพรียง ทหารที่เป็นหัวหน้ามองมาที่ปราสาทแล้วพูดว่า “มีมนุษย์เข้ามาที่นี่ การทำลายแท่นมังกรนั้นถือเป็นความผิดร้ายแรง ทุกคนออกไปตามหาตัวไอ้มนุษย์นั่นมา!”
ทหารทุกตนในเกราะทองแดงยกมือขึ้นทำวันทยหัตถ์รับคำสั่ง “ครับท่าน!”
หลี่ว์ซู่หันไปมองกองเกราะทองแดงที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น แต่ไม่มีใครสนใจจะเอาไปเก็บให้เรียบร้อย แต่แล้วหลี่ว์ซู่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้…
ที่จริงแล้วเขาก็คงจะหยิบมันขึ้นมาแล้วล่ะถ้าพวกทหารจากทะเลไม่มาถึงไวกันขนาดนี้เสียก่อน คงเป็นภาพที่แปลกน่าดูถ้าเห็นว่าเขากำลังเก็บชุดเกราะทองแดงกว่าพันชุดแบบนี้คนเดียว
หลี่ว์ซู่ตีเนียนไปกับพวกศัตรูและแอบมองพวกทหารชุดดำ พวกเขาดูจะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า จะดีแค่ไหนนะถ้าเขาเอาเกราะสีดำมาด้วยเหมือนกัน
เขาสงสัยว่าทหารชุดสีดำพวกนี้จะเป็นพวกไม่มีความคิดเป็นของตัวเองหรือเปล่า เขาสะกิดทหารคนหนึ่งที่เดินผ่านหน้าไป ขณะที่เขากำลังแกล้งหามนุษย์คนนั้นหรือก็คือ ‘ตัวเอง’ อยู่
ทหารชุดดำคนนั้นมองกลับมา “หืม?”
“ฮ่าๆ ไม่มีอะไรครับ” หลี่ว์ซู่บังคับตัวเองให้ยิ้มออกไปอย่างแหยๆ เจ้าพวกนี้มีความคิดเป็นของตัวเองนี่นา…
หากคิดตามหลักการแล้ว ถ้าทหารพวกนี้ไม่มีความคิดของตัวเองก็น่าจะยังมีแท่นมังกรอื่นอีกในปราสาทแห่งนี้ หลี่ว์ซู่เดินตามคนอื่นๆ ที่แยกย้ายกันไปหามนุษย์คนนั้น โชคเข้าข้างเขาจริงๆ เพราะเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเค่อเหวินหลี่ นี่คงยากกว่าตอนไปญี่ปุ่นอีก เพราะตอนนั้นเครือข่ายฟ้าดินให้ข้อมูลเกี่ยวกับคิริฮาระ โยสุเกะมาอย่างแน่นเลย
ถ้าคนใกล้ชิดเค่อเหวินหลี่เกิดสงสัยขึ้นมาละ หลี่ว์ซู่คิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกเลยนอกจากกองเกราะทองคำที่ถูกทิ้งไว้ในปราสาทนั่น!
“เค่อเหวินหลี่ นายจะไปไหนน่ะ มนุษย์คนนั้นน่าจะแข็งแกร่งน่าดู ตามมา!” คนคนหนึ่งตะโกนมา
หลี่ว์ซู่ก็หยุดลงทันที “…ได้ครับ”
เขารู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเลย หลี่ว์ซู่เดินตามกลุ่มของพวกเขาห้าคนไปแล้วทำทีเป็นค้นหาทุกซอกทุกมุมของปราสาท
เขาค่อยๆ รวบรวมสติของเขา กลยุทธ์ตอนนี้ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือเขาจะฆ่าทุกคนที่สงสัยในตัวเขา…
อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มีระดับ B โผล่มา และเขาก็ได้เปรียบในน้ำอีกด้วย เขาเลยมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้เมื่อทุกอย่างเกิดพังขึ้นมา
หลี่ว์ซู่พยายามเงียบไว้ตลอดเวลาเพราะกลัวว่าถ้าพูดอาจจะพูดอะไรผิดไป เขารู้ว่าการค้นหานี้ไร้ประโยชน์ เพราะเป้าหมายของการค้นหาก็คือตัวเขาที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเจ้าพวกนี้นี่แหละ
หลี่ว์ซู่สังเกตเห็นว่าทหารทะเลนั้นพยายามไม่เดินผ่านสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูสวยงามยิ่งใหญ่กว่าปราสาทรอบๆ ราวกับว่ามนุษย์ที่ตามหาอยู่ไม่มีทางเข้าไปซ่อนตัวในที่แบบนั้นได้อย่างนั้นแหละ
เขาเดินตามทหารพวกนี้ไปค้นหาทุกซอกมุมของปราสาทอีกหลัง หากดวงตาแห่งค่ายกลถูกเก็บไว้ใต้ทะเลละก็ หลี่ว์ซู่ก็เริ่มคิดแล้วว่าดวงตาคงถูกซ่อนอยู่ในปราสาทหลักนั่น
“เอาละ ไปรายงานกัน” ทหารที่อยู่ในเกราะทองแดงพูดออกมา
“เดี๋ยวเราก็โดนทำโทษกันอีก” ใครคนหนึ่งบ่นออกมา “ถ้าเจอไอ้มนุษย์นั่นเมื่อไหร่ มันโดนเราสับเป็นชิ้นๆ แน่!”
หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างเย็นชาในใจ เขาคงได้ช่วงเวลาดีๆ กับคนใต้ทะเลแน่เลยล่ะ ถ้าเขาคิดออกแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เขายังไม่อยากเคลื่อนไหวอะไรตอนนี้เพราะต้องใช้เวลากว่าสองวันทีเดียวกว่าจะฟื้นฟูดาบรัศมีของเขากลับมาได้ ไว้ค่อยจัดการทีหลังยังไม่สาย ตอนนี้เขาต้องทำให้กลืนไปกับทุกอย่างที่นี่ก่อน
หลี่ว์ซู่ตามกลุ่มคนอื่นๆ ไปด้านข้างปราสาท ทหารตนหนึ่งรวบรวมความกล้าและรายงานออกไป “ท่านครับ เราหามนุษย์คนนั้นไม่เจอครับ”
ทหารชุดดำกำลังนั่งบนเก้าอี้เบาะในปราสาท เขามองดูทหารกว่ายี่สิบคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชาแล้วขู่ร้องออกมา “ไอ้พวกขยะ ไปทำเองสิไป”
หลี่ว์ซู่งงไปเลย หมายความว่าไงนะ หลังจากผ่านไปไม่กี่วินาที พวกทหารที่อยู่ข้างๆ เขาก็แยกกันไปเป็นสองแถวและถอดหมวกออก หลี่ว์ซู่เพิ่งเห็นว่าทรงผมของพวกเขานั้นแปลกมาก พวกเขามีเปียที่ขดไว้อยู่ข้างบนหัว จากนั้นก็
ป๊าบ! แล้วก็ ป๊าบ! อีกที
หลี่ว์ซู่มองด้วยความตกใจขณะที่ทหารกำลังตบหน้ากันและกันอย่างแรง ทำไมลำดับขั้นที่นี่มันเข้มงวดแบบนี้เนี่ย พวกทหารยศต่ำๆ จะถูกสั่งให้ตบหน้ากันเองถ้าทำภารกิจไม่สำเร็จเหรอ
ทหารที่อยู่ตรงข้ามหลี่ว์ซู่ถอดหมวกของเขาออกแล้วมองมาอย่างงงงวย