ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 638 ภารกิจสุดหิน

ตอนที่ 638 ภารกิจสุดหิน

 

 

พวกพันธมิตรที่ทางเครือข่ายฟ้าดินเลือกมาเพื่อแลกเปลี่ยนอาวุธดาบยาวนั้นจะต้องทำตามเงื่อนไขบางอย่างก่อน

 

 

ข้อแรกคือพวกเขาต้องมีแร่ที่เครือข่ายฟ้าดินต้องการอยู่ในครอบครอง เครือข่ายฟ้าดินไม่ใช่นักบุญที่จะแลกเปลี่ยนอาวุธโดยใช้ศิลาวิญญาณหมื่นเม็ดมาแลกเสียด้วยสิ

 

 

ข้อสองคือลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพวกเขาจะต้องอยู่ใกล้กับภัยคุกคามของเครือข่ายฟ้าดิน ซึ่งเป็นเหตุผลเชิงกลยุทธ์ ทุกวันนี้การแข่งขันในการแย่งชิงโบราณสถานและทรัพยากรในการบำเพ็ญนั้นยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก และถ้าข้อตกลงนั้นไม่ส่งผลให้สองขั้วอำนาจพยายามดึงผลประโยชน์ซึ่งกันและกันแล้วก็คงจะไม่ใช่ข้อตกลงที่คุ้มค่านัก ไม่อย่างนั้นการทำแบบนี้ก็หมายความว่าเครือข่ายฟ้าดินกำลังเลี้ยงดูปูเสื่อศัตรูอยู่น่ะสิ

 

 

ข้อสาม พวกเขาจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะรักษาอาวุธที่องค์กรอื่นๆ จัดหามาให้เครือข่ายฟ้าดิน ส่วนข้อตกลงอื่นๆ ก็คือภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นนั้นจะเป็นประโยชน์สูงสุดในข้อตกลงพวกเขา

 

 

อย่างไรก็ตามเครือข่ายฟ้าดินนั้นไม่ได้รู้ไปเสียทุกอย่าง ที่พวกเขารู้ก็คือองค์กรผู้บำเพ็ญใหญ่ๆ ของรัสเซียนั้นมีอยู่สององค์กร นั่นคือกลุ่มหมีขาวและกลุ่มนกกระจอกแดง

 

 

กลุ่มนกกระจอกแดงนั้นมีอำนาจมากกว่ามาโดยตลอดเพราะพวกเขารังสรรค์ผู้บำเพ็ญระดับ B ออกมาได้ก่อน และจำนวนผู้บำเพ็ญระดับ B ของพวกเขานั้นก็มากกว่ากลุ่มหมีขาว ในรัสเซียนั้น กลุ่มหมีขาวมีผู้บำเพ็ญที่เข้าร่วมองค์กรด้วยราวยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีกแปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่เหลือเข้าร่วมกับกลุ่มนกกระจอกแดง

 

 

โดยปกติแล้วกลุ่มผู้บำเพ็ญอื่นๆ ไม่ค่อยกล้าแตะต้องหรือทำอะไรกลุ่มหมีขาวมากนัก เพราะอาจต้องเสียทั้งทรัพยากรและกำลังคนไปเพื่อการนั้น แต่ถ้าหากมีองค์กรอื่นลองเปลี่ยนจากการกำจัดเป็นการใช้ประโยชน์ของกลุ่มหมีขาวดูละ

 

 

เนี่ยถิงต้องการหยุดการเติบโตของกลุ่มนกกระจอกแดงโดยให้กลุ่มหมีขาวเป็นตัวขัดขวาง และให้กลุ่มหมีขาวมีอำนาจขึ้นมาแทน

 

 

แต่เรื่องกลับกลายมาเป็นแบบนี้ กลุ่มหมีขาวถูกกำจัดไปเสียแล้ว…

 

 

เนี่ยถิงไม่คาดคิดมาก่อน เรื่องนี้เกินความคาดหมายไปมาก หัวหน้ากลุ่มหมีขาวบินหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ส่วนสมาชิกคนอื่นๆ ก็ถูกฆ่าเกือบหมด

 

 

พอมาถึงตอนนี้ แผนที่วางไว้ทั้งหมดก็ไร้ความหมายแล้ว

 

 

พวกนักเจรจาใช้เวลาไม่น้อยในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มทั้งสองนี้ แต่ทุกอย่างก็ไหลทิ้งลงท่อไปหมด จะมีประโยชน์อะไรอีกในเมื่อกลุ่มหมีขาวไม่อยู่แล้ว แต่กลุ่มผู้บำเพ็ญลับไม่ได้เสียใจอะไรเลย กลับกัน พวกเขาดีใจที่เรื่องร้ายๆ นี้เกิดขึ้น พวกผู้บำเพ็ญลับตะโกนพูดคุยกันเสียงดังเพื่อให้พวกนักเจรจาได้ยิน “ฮ่าๆๆ ฉันเองก็วิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มหมีขาวกับกลุ่มนกกระจอกแดงมาเหมือนกันว่ะ ถึงจะไม่ค่อยได้อะไรก็เถอะ แต่พวกผู้เชี่ยวชาญพวกนี้ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันนี่หว่า”

 

 

ดูเหมือนว่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญการเจรจาจะแพ้ไปศูนย์ต่อสามแล้ว และตอนนี้กองเชียร์ที่ดูอยู่ผ่านออนไลน์ก็คงบ่นกันเป็นแถวว่าถ้าพวกเขาลงแข่งเองก็คงทำได้ดีกว่านี้

 

 

ในสถานการณ์นี้ พวกนักเจรจาเป็นผู้เล่นอาชีพ ส่วนพวกผู้บำเพ็ญลับก็เป็นแค่พวกที่ชอบนินทาไปเรื่อย…

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของพวกผู้บำเพ็ญลับ เพราะการจะเก่งจนไปถึงสุดทางได้ก็ต้องอาศัยความเป็นผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพก่อนเหมือนกัน

 

 

ดังนั้นทุกคนจึงต้องอยู่ที่โรงแรมและรอคำสั่งต่อไปจากเครือข่ายฟ้าดิน

 

 

ตกดึกคืนนั้น เซี่ยเหรินเซิงได้รับคำสั่งใหม่มาอย่างไม่คาดคิด เขามองข้อความแล้วขมวดคิ้ว คำสั่งเคลื่อนย้ายใหม่ที่ได้รับส่งพวกเขาไปไกลกว่ายุโรปเป็นพันไมล์ พวกเขาต้องไปถึงแอฟริกาใต้แน่ะ!

 

 

เซี่ยเหรินเซิงเคยอ่านเรื่องของประเทศนี้มาก่อน ตอนนี้แอฟริกาใต้นั้นกำลังเข้าร่วมการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญและทหารรับจ้างเพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ของแหล่งแร่ใหญ่ชนิดใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานนี้ แร่ดังกล่าวสามารถนำไปทำเป็นโลหะแบบพิเศษได้ สถานที่นี้เป็นที่จุดชนวนสงครามในโลกที่สงบแบบนี้ที่แท้จริง…

 

 

พวกผู้บำเพ็ญในพื้นที่ได้หายไปจากบริเวณนั้น และมีพวกองค์กรทหารรับจ้างที่ชื่อว่า EO เข้ามาขุดแร่แทน ตอนแรกพวกเขาก็เป็นแค่กลุ่มทหารที่ถูกจ้างมาทำหน้าที่ตามปกติ แต่ตอนหลังกลับกลายว่าพวกเขาไล่ฆ่าผู้บำเพ็ญในพื้นที่ไปหมดหลังจากค้นพบแร่ใหม่นี้

 

 

เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวงการทหารรับจ้างเป็นแบบนี้มานานแล้ว ไม่ใช่ว่าคนพวกนี้ซับซ้อนเข้าใจยากอะไรหรอก แต่เป็นที่ธรรมชาติอันแสนป่าเถื่อนของพวกเขาต่างหาก

 

 

กระนั้นข้อความที่เซี่ยเหรินเซิงได้รับนั้นไม่ได้สั่งให้ไปฆ่าพวกเขา แต่กลับให้ไปเจรจาค้าขายเบื้องต้นกับพวกเขาแทน หลังจากนั้นจะมีกำลังคนถูกส่งไปจัดการกับพวก EO ให้เสร็จเรียบร้อย ทีนี้กลุ่มของพวกเขาก็ค่อยกลับไปที่ยุโรปได้

 

 

แต่เรื่องมันยากก็เพราะพวกเขาไม่ได้วางแผนจะไปแอฟริกาใต้น่ะสิ หลังจากที่ EO ได้กรรมสิทธิ์แร่นี้ไป พวกเขาก็ส่งหนังสือเชิญองค์กรใหญ่ๆ จากทั่วโลกมาทำธุรกิจซื้อขายด้วยในคืนก่อนหน้านี้เอง

 

 

เพราะฉะนั้นการเข้าไปทำอะไรจะยิ่งเป็นอันตรายกว่าเดิม

 

 

เซี่ยเหรินเซิงไม่เข้าใจเลย ความสามารถของเขายังไม่ถึงระดับ C ขั้นสูงด้วยซ้ำ แต่ในแอฟริกาใต้คงมีพวกระดับ B จากองค์กรใหญ่ๆ อยู่เต็มไปหมด เขาไม่เหมาะจะมารับตำแหน่งนี้เลย! ทำไมไม่ส่งราชันฟ้ามารับหน้าที่แทนเขานะ

 

 

อย่างไรก็ตามเขาก็รู้ดีว่าเครือข่ายฟ้าดินคงไม่ส่งคนมาทำภารกิจถ้าภารกิจนี้ไม่อาจทำให้สำเร็จได้จริงๆ หรอก ในหนังเรื่องมิชชัน อิมพอสซิเบิล ทอม ครูซ ยังทำภารกิจยากๆ ให้สำเร็จได้ทุกอย่าง แต่นี่ไม่ใช่การแสดงน่ะสิ! เนี่ยถิงคงจะผิดพลาดครั้งใหญ่ถ้าเขาส่งคนมาทำภารกิจที่อย่างไรก็ต้องตายแหงๆ

 

 

แล้วทำไมต้องเป็นกลุ่มนี้ด้วยนะ เซี่ยเหรินเซิงไม่เข้าใจและคิดไม่ออกว่าทำไม เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ก็คือกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวที่พร้อมจะทำภารกิจฉุกละหุกแบบนี้ จะได้ให้กลุ่มอื่นๆ มีเวลาเตรียมตัว

 

 

พอทุกคนได้ยินเรื่องภารกิจใหม่จากเซี่ยเหรินเซิงก็ตกใจไปตามๆ กัน ถึงแม้จะไม่มีใครเคยไปแอฟริกาใต้มาก่อนก็ตาม แต่พวกเขาก็เคยได้ยินว่ามีกลุ่มทหารรับจ้างที่โหดเ**้ยมอยู่ที่นั่น

 

 

แล้วพวกผู้บำเพ็ญลับก็แตกต่างจากทหารรับจ้างมาก พวกเขาไม่เคยได้รับการฝึกฝนแบบมืออาชีพมาก่อน และไม่มีประสบการณ์ฆ่าคนมาก่อนด้วย พูดอีกแง่หนึ่งก็คือจิตใจของพวกเขาต่างกันมาก พวกหลิวฝานนั้นอยากจะมีชีวิตยืนยาวแบบมั่นคง มีเงิน มีเวลา พอที่จะฝึกบำเพ็ญได้ แต่พวกทหารรับจ้างไม่แม้แต่จะกระพริบตาตอนมือเปื้อนเลือดเลย

 

 

“อย่าห่วงไปเลย” เซี่ยเหรินเซิงบอก “เราไม่ได้ไปต่อสู้นะ อีกอย่างพวก EO ก็คงจะออกคำสั่งให้รับผิดชอบพวกองค์กรที่เชิญมาแหละ ตอนนี้พวกเขาทำตัวเป็นนักธุรกิจกัน ไม่ใช่ทหารหรอก และถ้าเริ่มต้นดีทุกอย่างก็จะออกมาดี”

 

 

เอาเข้าจริงๆ แล้วเซี่ยเหรินเซิงก็ไม่เชื่อคำพูดตัวเองเหมือนกัน ทำไมพวกผู้บำเพ็ญจะต้องฟังคำสั่งเขาด้วย เขาไม่ได้พูดออกไปหรอกนะ แต่ถ้าเกิดมีใครในกลุ่มอยากหนีไปตอนนี้ล่ะ!

 

 

ในขณะที่กลุ่มผู้บำเพ็ญลับเงียบกันไป หลินกานอวี่ก็กัดฟันพูดออกมา “เราจะไปเจรจากับพวก EO ถ้าเราจะตายไปก็ขอให้ตายในภารกิจแล้วกัน หัวหน้าคะ ไปบอกเครือข่ายฟ้าดินด้วยว่าเราจะศึกษษข้อมูลของ EO ให้ละเอียด”

 

 

หลี่ว์ซู่ได้ยินหลินกานอวี่ที่เป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพูดแบบนั้นก็ประหลาดใจ พวกผู้บำเพ็ญก็มองหน้ากันจนพูดอะไรกันออกมาไปในที่สุด “ไปกันเถอะ กลุ่มผู้ชายอกสามศอกอย่างเราๆ จะตาขาวไม่สู้ผู้หญิงได้ยังไง”

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset