ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 639 ก็แค่ถามทางเท่านั้นเอง

ตอนที่ 639 ก็แค่ถามทางเท่านั้นเอง  

 

 

รัสเซียที่อยู่ทางตอนเหนือนั้นมีภูมิอากาศหนาวเหน็บ  

 

 

ในขณะที่จีนเริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่พื้นที่ส่วนมากในรัสเซียก็ยังปกคลุมด้วยน้ำแข็งอยู่ ที่จริงแล้ว เลียฟ ชาจิน หัวหน้ากลุ่มหมีขาวไม่ได้ลี้ภัยไปต่างประเทศอย่างที่ได้รับรายงานมา ทว่าเขาไปหลบอยู่บนแผ่นน้ำแข็งในรัสเซียเพื่อคิดแผนว่าจะเอาอย่างไรต่อในอนาคตอยู่ต่างหาก  

 

 

ตอนนี้กลุ่มนกกระจอกแดงกำลังรอซุ่มโจมตีเขาตามเส้นทางหลบหนีต่างๆ อยู่ พวกเขาไม่ปล่อยชาจินไปง่ายๆ หรอก  

 

 

แผนเก่าของชาจินคือค่อยๆ พัฒนากลุ่มให้แข็งแกร่งเงียบๆ วันหนึ่งกลุ่มหมีขาวของเขาอาจเอาชนะกลุ่มนกกระจอกแดงได้ก็ได้ แต่เขาไม่คิดว่าพวกศัตรูจะเคลื่อนไหวก่อนที่เขาจะทันได้เตรียมตัว  

 

 

เขาเลยต้องกลายเป็นคนหนีทัพในการต่อสู้ครั้งนี้ เขารักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ว่าอะไรจะขึ้น แม้ว่าจะต้องเสียสละชีวิตของพี่ชายน้องชาย เพื่อน หรือครอบครัวไปมากขนาดไหนก็ตามที ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงไม่รอดมาหรอก  

 

 

เขาไม่ได้รู้สึกผิดขนาดนั้นเพราะการที่เขายังมีชีวิตอยู่ก็หมายความว่าเขายังสามารถแก้แค้นได้ ทุกอย่างคงจะจบสิ้นลงทันทีถ้าเขาตายไป  

 

 

ในช่วงค่ำคืน ใบหน้าของชาจินส่องประกายสะท้อนแสงจากกองไฟ สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยและมีความหวังอยู่ในขณะเดียวกัน ตอนนี้กลุ่มนกกระจอกแดงแผ่อำนาจครองรัสเซียอยู่กลุ่มเดียวแล้ว เขาจะทำยังไงต่อไปดีนะ  

 

 

จริงๆ แล้วถ้าพูดถึงชื่อกลุ่ม กลุ่มหมีขาวฟังดูดุดันกว่ากลุ่มนกกระจอกแดงอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วตรงกันข้ามเลย และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้เอง กลุ่มนกกระจอกแดงจึงเป็นที่นิยมในหมู่สมาชิกที่คาดหวังอยากจะมีอนาคต  

 

 

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน ชาจินก็คิดว่าเขาจะหนีไปมองโกเลียก่อนแล้วค่อยหาทางชำระแค้นทีหลัง แต่ในตอนที่เขากำลังจะดับไฟและเตรียมจากไปนั้น อยู่ๆ ก็มีเงาสีดำที่กำลังหัวเราะโผล่ขึ้นมาจากพื้นพร้อมเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่ง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั่นเอง!  

 

 

เธอไม่ได้เดินทางด้วยพาหนะโดยสารอะไรที่เป็นกิจะลักษณะเพราะไม่มีเวลาทำวีซ่า เพราะฉะนั้นการเดินทางที่ง่ายและสะดวกที่สุดก็คงเป็นแอนโทนี่ละนะ  

 

 

เสี่ยวอวี๋มองดูจีพีเอสแล้วก็ถอนหายใจออกมาราวกับว่าไม่มีใครอยู่รอบๆ “ผิดที่อีกแล้ว…”  

 

 

เสี่ยวอวี๋นั้นเตรียมตัวมาอย่างดี เธอจัดเตรียมอุปกรณ์มาอย่างครบครันก่อนออกมา แต่เพราะใต้ดินไม่มีสัญญาณ เลยไม่สามารถบอกทิศทางบนดินได้ เป็นเหตุให้เธอหลงทางอย่างง่ายดาย  

 

 

ชาจินงุนงงเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีเด็กผู้หญิงที่พาร่างเงาสีดำที่ดูเหมือนมนุษย์ขึ้นมาจากพื้นได้ แถมเธอยังพูดภาษาจีนด้วย  

 

 

เสี่ยวอวี๋เหลือบมองชาจินนิดหนึ่งก่อนดูแผนที่ต่อ ผ่านไปสักพักเธอก็ป้อนข้อมูลอะไรบางอย่างลงไปในเครื่องมือด้วยสีหน้าเรียบเฉยและยื่นเครื่องมือไปทางชาจิน จากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมา  

 

 

“ขอถามทางไปสำนักงานใหญ่กลุ่มหมีขาวหน่อยได้ไหมคะ”  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเลียฟ ชาจิน +199!]  

 

 

ชาจินได้ยินแล้วก็ชะงักไป เขาตอบกลับเป็นภาษารัสเซีย “ทำไมถึงอยากไปหากลุ่มหมีขาวละ”  

 

 

จากนั้นเครื่องมือการแปลก็หยุดไปพักใหญ่ก่อนถ่ายทอดข้อความออกมาเป็นประโยคที่ไม่ไม่ค่อยเข้าใจนัก หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตะโกนใส่เครื่องมืออย่างใจร้อน “พูดช้าๆ สิ!”  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเลียฟ ชาจิน +199!]  

 

 

ชาจินหยุดแล้วพูดซ้ำอีกครั้งแบบช้าๆ “ทำ-ไม-ถึง-อยาก-ไป-หา-กลุ่ม-หมี-ขาว-ละ”  

 

 

เขารู้สึกแย่ ทำไมเขาต้องมาโดนเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ นี่ตะโกนใส่หลังจากที่กลุ่มของเขาเพิ่งจะโดนกลุ่มนกกระจอกแดงกำจัดไปหมดด้วยนะ!  

 

 

เขาสงสัยมากว่าทำไมเด็กผู้หญิงที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างน่ากลัวนี่ถึงได้ต้องการตามหากลุ่มหมีขาว  

 

 

เสี่ยวอวี๋คิดก่อนตอบออกไป “ไม่มีเหตุผลหรอก แค่บอกทางมาได้ไหมคะ”  

 

 

ชาจินมองหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เขารู้สึกว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงมาจากครอบครัวใหญ่โต หรือเธอเป็นผู้สืบทอดจากครอบครัวผู้บำเพ็ญของจีนกันนะ เขาอาจจะใช้อำนาจตระกูลของเธอไปสู้กับกลุ่มนกกระจอกแดงได้ หรือเปล่านะ  

 

 

เป็นไปไม่ได้หรอก ทำไมเธอต้องยื่นมือช่วยเขาที่เป็นไอ้ขี้แพ้ตัวคนเดียวด้วย เธอคงไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากเขาหรอก อีกอย่างความเกลียดชังนี่แหละที่ดูเหมือนเป็นยาพิษที่ดีที่สุดในการกำจัดอะไรสักอย่างทิ้ง ทันใดนั้นชาจินก็คิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้ จะน่าสนใจแค่ไหนกันนะถ้าเขาฆ่าเด็กคนนี้ทิ้งแล้วโบ้ยว่าเป็นฝีมือของกลุ่มนกกระจอกแดง  

 

 

แต่ก่อนที่จิตสังหารของเขาจะได้ก่อตัวขึ้นมา จู่ๆ กำแพงทรายขาวทะเลลึกก็ปรากฏขึ้นมาแยกเขาและเสี่ยวอวี๋ให้อยู่คนละฝั่ง จากนั้นก็มีหลุมดำเด้งออกมา แล้วฝูงอีกาสีม่วงเข้าไปรุมทึ้งชาจิน  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้ตั้งใจเรียกหลี่ว์ซู่ออกมาเพราะเธอไม่อยากเปิดเผยความลับ หลี่ว์ซู่ต้องรู้แน่ๆ ถ้าเธอเสกตัวปลอมของหลี่ว์ซู่ขึ้นมาที่นี่  

 

 

ชาจินแปลกใจมากที่เสี่ยวอวี๋จะรู้ตัวว่าเธอโดนปองร้ายและเคลื่อนไหวก่อน ตอนแรกเขาไม่คิดว่าเธอจะแข็งแกร่งมาก ถ้าเขามีพลังระดับ B แล้วยังไม่สามารถฆ่าเด็กผู้หญิงแบบนี้ได้คงน่าตลกแย่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว… เขาก็ฆ่าไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ  

 

 

ในขณะที่ฝูงอีกาสีม่วงกำลังรุมชาจิน เม็ดทรายสีขาวจากทะเลลึกนับไม่ถ้วนก็เริ่มพุ่งเข้าไปโจมตีด้วยเช่นกัน เกิดเป็นควันทรายในสนามรบทันที ชาจินตกใจมากจนพูดไม่ออก ทำไมเขาถึงโดนผู้บำเพ็ญระดับ B สองคนโจมตีกะทันหันแบบนี้นะ!  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก เลียฟ ชาจิน +999!]  

 

 

สองคนนี้มาจากไหนเนี่ย ทำไมเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ถึงมีบอดีการ์ดประจำตัวได้ เธอมาจากครอบครัวไหนกันแน่นะ ขนาดหัวหน้าครอบครัวยังไม่มีบอดี้การ์ดระดับ B คนแบบนี้เลย!  

 

 

ถึงพลังสายธาตุจะไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่จอห์นสันก็ยังเป็นระดับ B อยู่ดี!  

 

 

ฝูงอีกาม่วงยังคงหลั่งไหลออกมาไม่หยุดหย่อนและล้อมรอบพลังโจมตีของแอนโทนี่ เป้าหมายของพวกเขาชัดเจนมาก!  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้มีความสามารถที่จะเสกอีกาสีม่วงออกมามากมายแบบนี้หรอก แต่จอห์นสันทำได้ เขาใช้ความสามารถนี้ในเมืองพัทยามาก่อนแล้ว  

 

 

นี่เป็นการโจมตีของเสี่ยวอวี๋ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เธอใช้แอนโทนี่เป็นตัวโจมตีหลักและใช้จอห์นสันเป็นผู้ปกป้องการโจมตีนั้นไม่ให้หยุดกลางคัน เธอเกือบจะพูดได้ว่าเธอสามารถเอาชนะในการต่อสู้กับผู้บำเพ็ญระดับ B ได้อย่างแน่นอน เพราะคนคนนั้นจะต้องต่อสู้สลับกันไปมาระหว่างศัตรูที่แข็งแกร่งถึงสองคน  

 

 

ชาจินนั้นเป็นผู้มีพลังสายธาตุโลหะ เขาเรียกมีดจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาแล้วเล็งเป้าไปที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ทว่าเธอป้องกันได้ด้วยทรายขาวทะเลลึก เธอเองก็ยังต้องกระโดดหลบการโจมตีอย่างแรงนั้นด้วย มีเพียงมีดไม่กี่เล่มเท่านั้นที่สามารถโจมตีเธอได้ กระนั้นชาจินก็ยังตะลึงงันเนื่องจากมีดพวกนั้นไม่ได้ทำให้เธอเลือดออกเลยสักนิด  

 

 

กำแพงทรายขาวทะเลลึกเกิดรอยปริรอยแตกเล็กน้อยขณะที่มันกำลังโอบล้อมรอบร่างของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่ แต่ด้วยพลังปกป้องที่แข็งแกร่งของทราย มีดที่เหลือเหล่านั้นจึงไม่สามารถทำลายเกราะของเธอได้  

 

 

หากเธอมีทรายขาวทะเลเพียงครึ่งหนึ่ง เธอก็สามารถใช้มันป้องกันการโจมตีหรือใช้มันโจมตีอีกฝ่ายได้ แต่แล้วกลุ่มทวยเทพนั้นก็ๆ ก็ส่งครึ่งหนึ่งของพวกมันมา…  

 

 

หลี่ว์เสี่ยว์อวี๋หงุดหงิดมาก พลังของเธอใกล้หมดแล้ว!  

 

 

แล้วอีกาก็โฉบไปล้อมรอบตัวของชาจินทำให้เขาติดอยู่ข้างใน ครั้งนี้อีกานั้นล้อมอยู่ชั้นใน ส่วนชั้นนอกนั้นเป็นทรายขาวทะเลลึก หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองชาจินที่ค่อยๆ ตายไปช้าๆ ด้วยความอ่อนเพลียจากการต่อสู้  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก เลียฟ ชาจิน +1000!]  

 

 

เสี่ยวอวี๋งุนงง “เขาเป็นใครกันเนี่ย ฉันแค่ถามทางเฉยๆ เอง”  

 

 

เธอดูแผนที่ด้วยความกระวนกระวายใจ “แล้วสำนักงานของกลุ่มหมีขาวอยู่ไหนกันละ ตอนนี้ต้องไปทางไหนต่อนะ”  

 

 

เธอโบกมือไปที่แอนโธนี่ แล้วเขาก็คายไข่มุกสีดำออกมาจากปาก เป็นไข่มุกที่เธอเพิ่งเอาให้เขากินคราวที่แล้ว ตอนนี้แอนโธนี่ก็หยุดหัวเราะแปลกๆ แล้วในที่สุด  

 

 

หลังจากที่ไข่มุกนั้นดูดกลืนวิญญาณของชาจินเข้าไปแล้ว แอนโธนี่ก็กลืนมันเข้าไปอีกรอบ จากนั้นพลังของแอนโธนี่ก็พุ่งขึ้นจากระดับ B ขั้นกลางเป็นระดับ B ขั้นสูง!  

 

 

แม้แต่หลี่ว์ซู่ก็ยังไม่รู้เลยนะเนี่ย!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset