การเจรจาจะไม่ได้จัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของ EO แต่จัดที่เขตชานเมืองในพื้นที่ทุรกันดาร EO คงคิดว่าพวกผู้เชี่ยวชาญฝีมือดีทั้งหลายอาจลงมือทำลายสำนักงานใหญ่ของ EO ได้หากทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่พวกเขาหวังไว้
ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนชนะ เพราะถ้า EO เกิดถูกเป่ากระจุยเพราะเหตุนี้คงน่าอายมากเชียวล่ะ
ถึงแม้องค์กรใหญ่ๆ จะทำลายสำนักงานใหญ่ของ EO แต่แล้วมันยังไงละ EO นั้นแข็งแกร่งมาก ในแอฟริกาใต้ไม่มีองค์กรใดมียอดฝีมือระดับ B มากถึงสองคนเช่นเดียวกับพวกเขาอีกแล้ว แต่ปัญหาคือระดับ B สองคนที่ว่าคงสู้พวกองค์กรใหญ่ๆ ไม่ได้น่ะสิ
EO นั้นหวังพึ่งองค์กรใหญ่ในการตรวจสอบและถ่วงดุลซึ่งกันและกัน เป็นเหตุผลที่พวกเขาเชิญองค์กรใหญ่ทั้งสิบเอ็ดองค์กรมาเพื่อพูดคุยคราวนี้ ถ้ามีองค์กรไหนต้องการผูกขาดแร่ไว้แต่เพียงผู้เดียวแล้ว องค์กรใหญ่ที่เหลือก็จะช่วยกันขับไล่องค์กรนั้นออกไป พวกเขาไม่ยอมให้คู่แข่งที่มีพลังอำนาจเท่าๆ กันมาเอาเปรียบพวกเขาได้หรอก
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ EO ซึ่งเป็นกลุ่มที่องค์กรใหญ่ทั้งหลายสามารถโค่นทิ้งได้ง่ายๆ จึงต้องเลือกรับบทเป็นกันชนและพ่อค้าคนกลางนั่นเอง แน่อยู่แล้วว่าในอนาคตทุกองค์กรอยากฮุบ EO เอาไว้เป็นของตน กระนั้นกลุ่ม EO ก็น่าจะประสบความสำเร็จได้โดยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ก็คงได้มีฉากตื่นเต้นเหมือนเดินอยู่บนลวดบางๆ ที่ขึงไว้หน่อยล่ะ
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าหัวหน้าของ EO ใจกล้าบ้าบิ่นมาก เขาไม่ได้แค่ร้องขอหนังเสือจากเสือ [1] เท่านั้น แต่เขาไปร้องขอกับเสือถึงสิบเอ็ดตัวเลยละ
ในองค์กรทั้งสิบเอ็ดนั้นมีฝ่ายศรัทธา กลุ่มฟีนิกซ์ และเครือข่ายฟ้าดินที่มีอำนาจในการต่อรองมากที่สุดเพราะเป็นองค์กรมียอดฝีมือระดับ A อยู่ พวกเขาถือเป็นผู้มีอำนาจชั้นยอดเลย
แต่มีสิ่งหนึ่งที่องค์กรอื่นไม่เข้าใจ ที่จริงแล้วเครือข่ายฟ้าดินน่าจะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งกว่าองค์กรไหนๆ แต่ทำไมกลุ่มเจรจาของพวกเขาถึงได้ดูอ่อนแอจังละ
ก่อนที่พวกเขาจะมุ่งหน้ากันออกไป เซี่ยเหรินเซิงก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายไม่กลัวเลยนะหลี่เถิง ดูนายจะตื่นเต้นมากกว่าด้วยที่จะได้ไปน่ะ…”
“ผมยังไม่เคยเห็นการเจรจาระดับใหญ่เท่านี้มาก่อนเท่านั้นเอง” หลี่ว์ซู่พูดและหัวเราะอย่างร่าเริง
เซี่ยเหรินเซิงคิดว่าว่าหลี่เถิงไม่ได้ไว้ใจไม่ได้ขนาดนั้น แต่หลี่เถิงเป็นคนคิดเป็นต่างหาก เขาพาหลินกานอวี่ หลิวฝาน และคนอื่นๆ ไปที่ชายเมืองในพื้นที่ทุรกันดาร หลี่ว์ซู่มองดูทิวทัศน์รอบตัว ถ้าพวกเขาเกิดสู้กันที่นี่จริงๆ เขาต้องรู้ทิศทางต่างๆ ว่าควรมุ่งหน้าไปทางไหน ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีกลุ่มไหนสามารถประจันหน้ากับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับ B แบบซึ่งๆ หน้าหรอก
ตัวเขาเองไม่เป็นไรหรอก แต่หลินกานอวี่ หลิวฝาน และคนอื่นๆ อาจตายได้ ขนาดเซี่ยเหรินเซิงที่มีพลังระดับ C ก็ไม่น่าจะรอดเหมือนกัน
กลุ่ม EO ก่อตั้งช่วงปลายของศตวรรษที่ยี่สิบซึ่งยังเป็นช่วงที่พลังทางจิตวิญญาณขาดแคลน พวกเขาก่อตั้งตัวเองเป็นองค์กรทหารรับจ้างในแอฟริกาใต้ พวกเขามีความสามารถและความแข็งแกร่งเพราะเคยเป็นทหารกันมาก่อน
พอเข้าสู่ช่วงที่มีพลังจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น เบ็นเนตต์ หัวหน้ากลุ่ม EO และสมาชิกคนสำคัญหลายๆ คนก็ปะทุพลังขึ้น และเนื่องจากแอฟริกาไม่ได้มีจำนวนผู้บำเพ็ญมากนัก พวกเขาจึงสามารถควบคุมพื้นที่นี้เอาไว้ได้
แต่ด้วยสาเหตุนี้เอง EO จึงรักษาองค์กรของตนเองได้ยากไปด้วย มีแค่ครอบครัวของเบนเน็ตต์เท่านั้นที่ครอบครองเคล็ดการฝึกบำเพ็ญเอาไว้ เคล็ดวิชาเหล่านี้อาจใช้อะไรมากไม่ได้ในช่วงที่พลังจิตวิญญาณขาดแคลน แต่พอเข้าสู่ช่วงพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนแล้ว เคล็ดวิชานี้ก็ส่องประกายคุณค่าขึ้นมา
EO มีค่ายทหารของตนเองไว้ขัดเกลาเยาวชนหนุ่มทั้งหลาย ทั้งนี้ก็เพราะเบ็นเนตต์ไม่มีวิธีอื่นในการเลือกพวกที่มีความสามารถและฝึกพวกเขาให้เป็นผู้บำเพ็ญที่ง่ายกว่านี้แล้ว
เพราฉะนั้นการที่ EO มีอำนาจขึ้นมาได้นั้นจึงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ กระนั้นนี่ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ หลี่ว์ซู่หยุดและอ่านข้อมูลที่สือเสวจิ้นส่งมาให้ โทรศัพท์มือถือที่เขาได้มาจากเครือข่ายฟ้าดินนั้นมีข้อมูลมากกว่าที่เซี่ยเหรินเซิง หลินกานอวี่และคนอื่นๆ มีเสียอีก
ข้อมูลที่เขาได้มาเล่าถึงชีวิตวัยเด็กของเบ็นเนตต์เอาไว้ด้วย อย่างตอนที่เขาอายุได้สิบสามปี เขาทะเลาะวิวาทกับเพื่อนในห้องและใช้ดินสอแทงตาเพื่อนคนนั้นจนบอด เขาจึงต้องเดินทางไปต่างประเทศและประกอบอาชีพทหารรับจ้าง หลังจากยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนแล้ว EO ก็ไม่ได้หารายได้เข้าองค์กรเพียงอย่างเดียว พวกเขายังมีเป้าหมายที่ทะเยอทะยานกว่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงถือเป็นหนึ่งในองค์กรที่ชั่วร้ายที่สุดในประเทศ
มีวิดิโอข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่ม EO ที่แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมยามว่างของพวกเขาด้วย ในวิดิโอนั้น เบ็นเนตต์สวมหมวกทหาร สีหน้าของเขาเย็นชาและเ**้ยมเกรียม เขากำลังบรรยายให้กับคนอื่นๆ ฟังอยู่ คนที่แอบถ่ายวิดิโอนี้มาเป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วมการฝึกทหารด้วย
และเครือข่ายฟ้าดินก็ส่งวิดิโอนี้มาให้หลี่ว์ซู่
แต่เขาไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับเบ็นเนตต์ในตอนนี้ได้เลย
เขากำลังคิดถึงอีกปัญหาอยู่ว่าจะหาแต้มอารมณ์มาได้ด้วยวิธีไหน ถ้าหาไม่ได้ การมาต่างประเทศคราวนี้ก็เรียกได้ว่าเปล่าประโยชน์! ตอนนี้เขาติดอยู่ที่การจุดประกายกลุ่มดาวกลุ่มที่สามและไม่สามารถใช้แต้มอารมณ์ของตัวเองด้วย น่าปวดหัวจริงๆ!
แต่เดี๋ยวก่อนนะ หลี่ว์ซู่คิดออกแล้วว่าจะใช้แต้มอารมณ์อย่างไรดี เอาไปแลกผลชี่ไห่ไงล่ะ!
เขาได้ขุดภูเขาพลังเพื่อสร้างจิตวิญญาณกระบี่แล้ว ภูเขาพลังแห่งที่สองของเขายังไม่ได้ก่อตัวขึ้นมาเลย เขาเลยจะใช้แต้มอารมณ์ที่ได้มาเพิ่มนี้เพื่อไปแลกผลชี่ไห่และเร่งการเลื่อนระดับซะ!
ถึงแม้ว่าจิตวิญญาณกระบี่ของเขาจะไม่ได้มีพลังการโจมตีมาก แต่มันก็ยังช่วยสนับสนุนการโจมตีได้อยู่
หลี่ว์ซู่คิดว่าไหนๆ เขาก็ติดแหง่กอยู่กับการจุดประกายกลุ่มดาวที่สามแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหาแต้มอารมณ์มาเพิ่มอีก แต่ตอนนี้เขาสามารถใช้แต้มอารมณ์เพื่อแลกผลชี่ไห่และสร้างจิตวิญญาณกระบี่ได้นี่นา
ตอนนี้พวกเขาก็มาถึงที่หมายกันแล้ว ตัวแทนของแต่ละองค์กรกำลังรอกันอยู่ พวกเขาเว้นระยะห่างจากตัวแทนขององค์กรอื่นๆ และรอเพียงแค่เบ็นเนตต์ที่เป็นหัวหน้าของกลุ่ม EO และคนอื่นๆ เซี่ยเหรินเซิงเอ่ยเตือนพวกเขาเบาๆ อีกรอบ “จำที่บอกไว้ด้วยละ ระวังการกระทำและคำพูด แล้วก็… เดี๋ยวนะ หลี่เถิงหายไปไหนล่ะ!”
พวกเขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าหลี่ว์ซู่ไม่ได้ตามพวกเขามาด้วย และในขณะที่ทุกคนกำลังรออยู่นั้น จู่ๆ โทรศัพท์สัญญาณดาวเทียมของพวกเขาก็ดังขึ้นพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง ฮาเวิร์ดขมวดคิ้วก่อนกดรับโทรศัพท์ เขาตกใจมาก “นายบอกว่ามีใครที่ไหนก็ไม่รู้เกือบจะทำลายสำนักงานใหญ่งั้นเหรอ! ใครทำกัน!”
“แกะรอยคนร้ายไม่ได้งั้นเหรอ มีผู้บำเพ็ญระดับ B ตั้งสองคนแท้ๆ แต่ก็ยังแกะรอยคนร้ายไม่ได้เนี่ยนะ! เบ็นเนตต์อยู่ไหน!”
หลังจากที่ถามคำถามกันไปมา พวกเขาก็ได้รู้ว่าผู้บำเพ็ญระดับ B ทั้งสองคนกับเบ็นเนตต์กำลังเดินทางมาเจรจาที่นี่ เลยไม่มีใครคอยเฝ้าสำนักงานใหญ่ไว้ และสำนักงานใหญ่ก็ถูกทิ้งไว้แบบนั้น ปราศจากการปกป้องใดๆ ทั้งสิ้น
และในขณะนั้นก็มีใครบางคนวิ่งพล่านไปทั่วและถือภูเขาลูกเล็กเอาไว้ในมือ เขาขว้างภูเขาลูกนั้นไปที่สำนักงานใหญ่ของ EO ทำให้อาคารเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่…
เบ็นเนตต์ละผู้บำเพ็ญระดับ B อีกสองคนที่กำลังมุ่งหน้ามาที่สถานที่เจรจาจึงต้องวกตัวกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของพวกเขาอย่างกะทันหัน ตามรายงานพบว่าคนร้ายเป็นคนผิวขาว และตอนนี้เขาก็ได้หายวับไปแล้ว
ตอนที่มีคนบอกว่าคนก่อเหตุเป็นชายผิวขาว ทุกคนต่างก็คิดไปถึงตัวการคดีเต้าหู้เหม็น มีคนบอกว่าคนร้ายคราวนี้กับคนร้ายที่ขว้างเต้าหู้เหม็นน่าจะเป็นคนเดียวกัน
ด้วยเหตุนี้การเจรจาจึงถูกยกเลิกไปชั่วคราว ต้องมีองค์กรอื่นๆ ที่อยากขัดขวางการเจรจานี้แน่ๆ …
[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +666!]
[ได้แต้มอารมณ์จากเซี่ยเหรินเซิง +666!]
[ได้แต้มอารมณ์จากฟรานเชสโก้ รุสโซ่ +666!]
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปทันที พวกเขาจะหาตัวการมาให้ได้แล้วลงโทษเขาซะ!
——
[1] สำนวนจีน แปลว่าขอให้คนที่มีนิสัยเ**้ยมเกรียมชั่วร้ายทำอะไรบางอย่างที่ขัดกับความต้องการของคนคนนั้น