ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 504 หลี่ว์ซู่ เด็กหนุ่มที่มีทักษะในการดูตาม้าตาเรือน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

หลี่ว์ซู่ เด็กหนุ่มที่มีทักษะในการดูตาม้าตาเรือน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

 

สถานการณ์เลวร้ายในปัจจุบันของทวยเทพนั้นยากที่จะจัดการได้ ในยุคแรกๆ พวกเขามีการสืบทอดที่ครบถ้วนสมบูรณ์และมีสมบัติล้ำค่าโบราณมากมายทำให้พวกเขามีอำนาจขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาก็คือ พวกเขาค่อยๆ นิ่งนอนใจและสร้างศัตรูไว้มากมาย

 

ในอดีต พวกเขามักจะปะทะกับเครือข่ายฟ้าดินซึ่งๆ หน้าเมื่ออยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยคาดฝันว่าจู่ๆ เครือข่ายฟ้าดินจะผลิตคนระดับ A ออกมาได้ถึงสองคน นี่เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวเกินไปจริงๆ …

 

หากเราแยกทวยเทพออกมาเดี่ยวๆ พวกเขาจะมีอำนาจอย่างมาก แต่คนทั้งโลกรู้ว่าหากองค์กรใหญ่แห่งหนึ่งไม่มีคนระดับ A อยู่สักคนเลย เวทีที่แท้จริงก็จะต้องตกเป็นขององค์กรใหญ่ที่มีคนระดับ A อยู่เพียงสี่แห่งเท่านั้น ได้แก่ มูลนิธิ เครือข่ายฟ้าดิน ฝ่ายความศรัทธา และสมาคมฟีนิกซ์

 

ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งที่กำหนดตำแหน่งของเรา มันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว

 

หลี่ว์ซู่รอจนรถบรรทุกได้ขับออกไปแล้วก่อนจะถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ทำไมจู่ๆ ฐานที่อยู่ข้างๆ เราถึงได้เริ่มการปฏิบัติการแล้วล่ะ”

 

คาวาโยชิกล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า “ก็เพราะเร็วๆ นี้มีพวกเครือข่ายฟ้าดินที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งฆ่าคนไปตั้งเยอะไม่ใช่เหรอ พวกเขาเลยต้องย้ายมายังที่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นเพื่อจัดการธุระบางอย่างของพวกเขา”

 

แล้วคาวาโยชิก็ลดเสียงลง “เพื่อทำให้ท่านทาคาชิมะเลื่อนขึ้นสู่ระดับ A ไง!”

 

“อ๋อ คงจะเยี่ยมมากเลยนะถ้าท่านทาคาชิมะเลื่อนขึ้นไประดับ A ได้” หลี่ว์ซู่พยักหน้า มันดูเหมือนว่าเขาเห็นด้วยกับคาวาโยชิ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย

 

เครือข่ายฟ้าดินได้ส่งสายลับเข้ามาฝังตัวอยู่ในทวยเทพอยู่แล้วและจะต้องรู้เรื่องนี้ก่อนหน้าหลี่ว์ซู่แล้วอย่างแน่นอน บางทีทวยเทพอาจจะรู้ดีว่าพวกเขาไม่อาจปกปิดการทดลองที่มีขนาดใหญ่เท่านี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงย้ายมาที่นี่ด้วยเกรงว่าเครือข่ายฟ้าดินจะมาทำลายผลการทดลองของพวกเขา

 

ทันใดนั้นคาวาโยชิก็หัวเราะลั่นออกมา “ก่อนหน้านี้นายอยู่กับโนกิวะ ทาเกะโนบุไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้โนกิวะก็ตายไปแล้ว การติดตามฉันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของนายแล้วล่ะ มาเป็นพวกฉันสิ”

 

คาวาโยชิมุ่งหน้าไปหอพักหลังจากพูดจบ “นายเฝ้าข้างนอกเอาไว้นะ ฉันจะไปฝึกวิชาหน่อย”

 

มันดูราวกับว่าคาวาโยชิได้กลายเป็นหัวหน้าคุมโกดังนี้ไปแล้ว โดยทิ้งให้หลี่ว์ซู่ทำงานเป็นผู้ใช้แรงงานในขณะที่เขาพุ่งความสนใจไปที่การฝึกวิชา

 

หลี่ว์ซู่ซึ่งอยู่ข้างหลังคาวาโยชิมีความสุขใจไร้กังวล หากสิ่งที่คาวาโยชิพูดเป็นความจริงว่าพวกเขาสามารถรอวันที่คาวาโยชิถูกจ้างกลับไปทำงานใหม่แล้วล่ะก็โอกาสที่หลี่ว์ซู่จะได้ทำอะไรเองก็ขึ้นอยู่กับคาวาโยชิด้วยเช่นกัน….

 

แต้มอารมณ์ที่ทวยเทพส่งให้เขาในวันนี้ลดลงฮวบฮาบ หลี่ว์ซู่ได้รับแต้มถึงสี่แสนแต้มจากจำนวนเต็มสามล้านสองแสนแต้มเพื่อการจุดประกายดาวดวงที่เจ็ดแล้ว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตัวหนังสือ ‘รื้อ’ ได้ช่วย หลี่ว์ซู่เป็นอย่างมาก…

 

หลี่ว์ซู่เป็นเหมือนผู้รักษาความปลอดภัยโกดังสินค้าทั่วๆ ไปที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกโกดัง คาวาโยชิบอกว่าเขาจะไปฝึกวิชาตามลำพัง แต่ภายในครึ่งชั่วโมงก็มีเด็กสาวที่อายุน้อยมากปรากฏตัวขึ้นด้านนอกประตูของโกดัง

 

“เด็กสาวคนนั้นโค้งให้หลี่ว์ซู่และกล่าวว่า “รุ่นพี่คะ รุ่นพี่นากายะบอกให้ฉันมาหาเขาที่นี่”

 

หลี่ว์ซู่พูดไม่ออก หลังจากตั้งใจโดนมอบหมายให้มาเป็นผู้รักษาความปลอดภัยโกดังสินค้าแล้วเขาจะพักบ้างไม่ได้เลยเหรอ! เพราะอย่างนั้นไงฉี่นายถึงได้แยกเป็นสามสาย! ถ้านายเกิดปุบปับตายขึ้นมาก็โทษใครไม่ได้แล้วล่ะ!

 

ภายในยี่สิบนาที เธอก็แต่งตัวเรียบร้อยออกมาจากหอพัก เธอโค้งให้หลี่ว์ซู่ก่อนจะจากไป

 

คาวาโยชิเดินออกมาจากหอพักด้วยท่าทางพึงพอใจกับตัวเองเป็นอย่างมาก “เป็นยังไงล่ะ พวกเธอจะมาทันทีที่ฉันเรียก!”

 

หลี่ว์ซู่ตอบกลับไปว่า “ครับ ท่านนากายะเจ๋งมาก!”

 

“ฮ่าๆ อีกสองวันข้างหน้านี้ฉันจะไปตรวจสอบนักเรียนที่มีพรสวรรค์กลุ่มใหม่ บางทีเราอาจจะได้เจอใครแจ๋วๆ บ้างก็ได้” คาวาโยชิหัวเราะร่า “นายโชคดีแล้วที่ได้มาติดต่อกับฉันตอนนี้”

 

หลี่ว์ซู่กลอกตาแต่เขาทำอะไรไม่ได้ การปกปิดตัวตนของเขาก็มีข้อเสียเหมือนกัน หลี่ว์ซู่อยากจะกลับไปเป็นตัวตนเดิมของเขาและซ้อมเขาจนตายไปเลยจริงๆ

 

“ท่านนากายะ เมื่อท่านได้ถูกจ้างกลับไปใหม่แล้ว ท่านพาฉันไปด้วยคนได้ไหม ฉันไม่มีสายสัมพันธ์อะไรกับพวกอนุรักษนิยมจริงๆ นะ” หลี่ว์ซู่กล่าว

 

คาวาโยชิหัวเราะ “ต้องถามกันด้วยเหรอ ไม่ต้องกังวลเลย ด้วยพละกำลังที่นายมีอยู่นั้น ถ้าให้นายมาเป็นผู้จัดการโกดังก็จะเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรคนไปเปล่าๆ เลย” คาวาโยชิหัวเราะและก็พลันนึกสงสัยขึ้นมา “เออ ยามาดะ วันนี้ยังไม่ได้เห็นนายยักไหล่เลยนะ…”

 

เมื่อเขาพูดจบ คาวาโยชิก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม…

 

หลี่ว์ซู่ยักไหล่และกล่าวว่า “ฮ่าๆ ฉันก็ไม่ได้ยักไหล่ตลอดเวลาเหมือนกันนั่นแหละ”

 

คาวาโยชิหัวเราะ “จริงด้วย ปกตินายกินอะไร”

 

ขณะที่คาวาโยชิพูด เขาก็สังเกตหลี่ว์ซู่อย่างตั้งอกตั้งใจ หลี่ว์ซู่หัวเราะ “เดินไปห้าร้อยเมตรจากตรงนี้ จะมีร้านขายอาหารว่างอยู่ทางซ้าย ฉันมักจะกินที่นั่นแหละ”

 

คาวาโยชิหัวเราะและถามว่า “เฮ้ย นายเคยเป็นคนขับรถและผู้ช่วยให้โนกิวะ ฮากุชุนใช่ไหม เขาเป็นคนอย่างไรเหรอ”

 

“เขา” หลี่ว์ซู่ยักไหล่ “ขี้ประชดเกินไปหน่อย แน่นอนว่าฉันพูดแบบนี้ได้ก็เพราะเขาไม่อยู่แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะกลัวเขาได้ยินหรอกนะ นายรู้ไหมว่าเมียเขามีชู้ด้วย โนกิวะ ฮากุชุนมีรสนิยมชอบขังเมียเอาไว้ในกรง เขาเ**้ยมโหดมาก”

 

จู่ๆ คาวาโยชิก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาลั่น “จริงเหรอ เป็นคนที่แปลกจังเลย!

 

ตามข้อเท็จจริงแล้วเรื่องนี้เป็นความลับ คาวาโยชิบังเอิญรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเนื่องจากครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับมอบหมายให้ไปสืบสวนคิตะมุระ คิจิโทริและโนกิวะ ทาเกะโนบุตอนที่อยู่ภายใต้ทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ

 

คาวาโยชิสงสัยในตัวตนของหลี่ว์ซู่และต้องการสอบสวนต่อไป เขาไม่ได้คาดคิดว่าหลี่ว์ซู่จะเปิดเผยความลับแบบนั้นออกมาและเขาจึงได้หมดข้อสงสัยลงในทันที

 

ความจริงหน่วยข่าวกรองของเครือข่ายฟ้าดินนั้นเยี่ยมยอดมาก ไม่น่าล่ะ เนี่ยถิงจึงมักจะรู้แนวทางของผู้บำเพ็ญต่างชาติล่วงหน้าเสมอ

 

ข้อมูลที่ทางเครือข่ายฟ้าดินได้ส่งให้หลี่ว์ซู่นั้นรวมไปถึงรายละเอียดมากมายต่างๆ ที่ ‘ยามาดะ อาคิระ’ ควรรู้ เช่น นิสัยประจำวันของเขา สภาพแวดล้อมภายนอกของโกดัง และความลับบางอย่างของเพื่อนร่วมงานเก่าๆ ของเขาด้วยเช่นกัน

 

แน่นอนว่า ไม่ใช่สายลับทุกคนที่เป็นแบบนี้ นอกจากนั้นหลี่ว์ซู่มาที่นี่ก็เพื่อจะแทนที่ยามาดะ อาคิระ ดังนั้นข้อมูลในครั้งนี้จึงละเอียดมากกว่า

 

นากายะประกาศอย่างภาคภูมิใจ “ทีแรกฉันก็อยู่ฝ่ายเดียวกับโนกิวะ ฮากุชุนนั่นแหละ เขาแข็งแกร่งกว่าฉันมาโดยตลอด หลังจากนั้นฉันจึงได้ใช้ประโยชน์จากพละกำลังระดับ D ของตัวเองเพื่อที่จะได้เป็นรักษาการหัวหน้าฝ่าย นายรู้ไหมว่าแบบนี้มันหมายความยังไง”

 

หลี่ว์ซู่ตกใจไปชั่วขณะ เขากล่าวว่า “มันหมายความว่าโนกิวะ ฮากุชุนได้เลื่อนขั้นหรือเปล่า” เขาหมายความว่าอย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ในตอนแรกโนกิวะ ฮากุชุนเป็นหัวหน้าฝ่าย ถ้าโนกิวะไม่ได้เลื่อนขั้นแล้วนายจะกลายมาเป็นหัวหน้าฝ่ายได้ยังไงล่ะ

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +666! ]

 

ตามตำราแล้ว หลี่ว์ซู่ก็ควรจะสรรเสริญเขาที่ได้รับการยอมรับจากนายเนื่องจากเขาได้กลายมาเป็นรักษาการหัวหน้าฝ่ายตั้งแต่อยู่ระดับ D เขารับได้เหรอที่ตัวเองไม่ได้ทำตัวก้าวหน้าไปตามระบบ ไอ้หมอนี่เป็นอะไรมากหรือเปล่า

 

คาวาโยชิไม่เคยพบเคยเห็นใครที่มีทักษะในการดูตาม้าตาเรือที่น้อยเท่าหลี่ว์ซู่…

 

เขาเงียบอยู่นานก่อนจะอธิบายได้ในที่สุด “ฉันต่างหากที่ได้เลื่อนขั้นอย่างเร็ว เพราะอย่างนี้โนกิวะ ฮากุชุนถึงได้ถูกจัดสรรไปอยู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไงเล่า!”

 

พูดตามตรงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ว์ซู่ได้เห็นใครบางคนที่หน้าด้านขนาดนี้ เจ้าคาวาโยชินี่ทะนงตัวเกินไปจริงๆ

 

จากการปฏิสัมพันธ์กันในวันนี้นี่เองที่ทำให้หลี่ว์ซู่เกิดความรู้สึกขึ้นสองอย่างต่อเจ้าหน้ากลมนากายะ คาวาโยชิ อย่างแรกคือ ไตของเขาอยู่ในสภาพที่แย่แล้ว และอย่างที่สองคือ เขาคิดว่าตัวเองสูงส่งเสียเหลือเกิน

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset