ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 655 นักบุญปรากฏตัวแล้ว

ตอนที่ 655 นักบุญปรากฏตัวแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่คิดหาทางหนีที่เป็นไปได้จากการวิเคราะห์สถานการณ์ในสนามต่อสู้นี้แล้ว เขาคงต้องหลีกเลี่ยงการปะทะกันซึ่งๆ หน้ากับฟรานเชสโก้ถ้าเป็นไปได้ เพราะดูเหมือนเขาจะมีไม้ตายซุกซ่อนไว้เช่นเดียวกับฮาเวิร์ด

 

 

ที่หลี่ว์ซู่เอาชนะฮาเวิร์ดได้ก็เพราะเขาดันมีความสามารถเอาชนะพลังธาตุไฟได้ แต่หลี่ว์ซู่ไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้กับฟรานเชสโก้ได้หรือเปล่า…

 

 

ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ หลี่ว์ซู่ยังไม่ค่อยพอใจที่การปลอมตัวของเขาถูกเปิดโปง แต่ตอนนี้เรื่องที่สร้างความรำคาญใจให้เขามากจริงๆ กลับเป็นฝีมือการแสดง ถึงแม้ท้ายที่สุดแล้วเขาจะเปิดเผยตัวตนออกมาเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จก็เถอะ เขาไม่ชอบใจทักษะการแสดงของตัวเองเอาเสียเลย…

 

 

ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว มีแต่ต้องแสร้งเล่นละครเป็นฮาเวิร์ดต่อไปเท่านั้นแหละ ซึ่งนี่ก็ทำให้เขาซวยมากๆ ด้วย หลี่ว์ซู่เครียดขึ้นมา เขาโดนกรรมตามสนองจากการเปลี่ยนตัวตนเป็นคนอื่นไปมาเสียแล้วสิ

 

 

ว่าแต่ฝ่ายศรัทธานี่จะเอาอะไรกันนะ พวกมันไม่คิดหน้าคิดหลังเลยเหรอถึงมาโจมตีคนสำคัญของกลุ่มฟีนิกซ์แบบนี้

 

 

แถมถ้าคนที่พวกมันกำลังจะลงมือฆ่าไม่ใช่หลี่ว์ซู่ แต่เป็นฮาเวิร์ดตัวจริง พวกฝ่ายศรัทธานี่แหละที่จะเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด อีกอย่างพวกคนที่ไม่ได้อยู่ในฝ่ายศรัทธาก็อาจปล่อยข่าวลับนี้ออกไปเมื่อไหร่ก็ได้

 

 

ในโลกนี้ไม่มีความลับหรอกนะ หลายครั้งที่คนที่ไว้ใจคนอื่นและเปิดเผยความลับให้พวกเขาฟังต้องมาเสียใจกับการกระทำที่ซื่อตรงไม่คิดอะไรของตัวเอง

 

 

หรือที่พวกฝ่ายศรัทธาไม่กลัวนักบุญนั้นเป็นเพราะพวกมันมีกองหนุนหลังที่แข็งแกร่งกว่ากันนะ

 

 

แล้วอยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ชี้นิ้วขึ้นฟ้าเพื่อเป็นเรียกนกฟีนิกซ์ไฟมา ทว่า…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

หลี่ว์ซู่จึงตัดสินใจวิ่งพุ่งไปยังทิศที่ไม่ค่อยมีคลื่นพลังงานก่อตัวมากเท่าไหร่

 

 

เขาไม่คิดถึงเรื่องประณีประนอมแล้ว มีแต่วิ่งเพื่อรักษาชีวิตแล้วล่ะ!

 

 

พูดกันตรงๆ เลย หลี่ว์ซู่ขอโยนทุกอย่างทั้งหมดไปลงที่ฮาเวิร์ด ไอ้หมอนี่ต้องไปทำอะไรให้ฝ่ายศรัทธาโกรธมาแน่นอน

 

 

กระนั้นดูเหมือนว่าคนอื่นๆ จะพิจารณาไว้แล้วว่าหลี่ว์ซู่จะหลบไปทางไหนได้บ้าง มีกลุ่มคนห้าคนตามเขามาทันที

 

 

เท่านั้นแหละหลี่ว์ซู่ก็เริ่มคิดได้ว่าพลังของพวกระดับ B นั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน ยิ่งพวกเขาได้รวมกลุ่มกันหลายคนเพื่อทำภารกิจแล้วด้วย ความกดดันนี้มันมหาศาลกว่าตอนที่เขาสู้กับทาคาชิมะ ทาอิรัตสึเสียอีก

 

 

ผู้มีพลังสายโลหะสองคนมีอาวุธแหลมคมที่ทำจากโลหะชนิดพิเศษล้อมรอบครบมือ พวกเขาพร้อมโจมตีตลอดเวลา หลี่ว์ซู่สัมผัสได้ว่าอาวุธโลหะนั้นมีอะไรแปลกๆ พลังงานที่ปล่อยออกมาดูทรงพลังมากเหลือเกิน!

 

 

หลี่ว์ซู่บอกได้เลยว่าผู้มีพลังสายโลหะพวกนี้เป็นผู้ใช้อาวุธกระบี่ได้สบายๆ แต่ความแตกต่างของพวกเขาคือความได้เปรียบด้านปริมาณอาวุธของพวกเขานี่แหละ คมมีดของพวกเขานั้นมีพลังโจมตีถึงตายน้อยกว่ากระบี่บิน

 

 

กิ่งต้นไม้สั่นไหวอย่างหนักหน่วงจากการปล่อยคลื่นพลังงาน ใบไม้ร่วงหล่นลงมา กระนั้นพวกมันกลับถูกฟันขาดเป็นชิ้นๆ ด้วยพลังบางอย่างที่มองไม่เห็นก่อนจะร่วงลงมาถึงพื้นเสียอีก

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นสถานการณ์ที่ฟรานเชสโก้ได้เปรียบมากกว่าแบบสุดๆ ก็แล้วเครียดกว่าเดิม ฟรานเชสโก้เดินเข้ามาช้าๆ ผ้าคลุมสีขาวปลิวไสว

 

 

ถึงบรรยากาศจะมืดลงเรื่อยๆ แต่กลับมีแสงส่องสว่างแผ่ออกมาจากตัวฟรานเชสโก้

 

 

ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่ หลี่ว์ซู่ก็ยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้นจากสนามพลังที่แผ่ออกมาคนระดับ B ทั้งห้าคน ฟรานเชสโก้พูดขึ้นมาอย่างสงบในขณะที่เขาค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ “ฉันเคยบอกแกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ทำตัวให้แข็งแกร่ง ไม่เกรงกลัวใคร และใจเย็นอยู่เสมอ เพราะพระเจ้าจะอยู่กับแกในทุกๆ ที่ที่แกไป”

 

 

เสียงของเขาฟังดูเหมือนโซ่ตรวน แล้วอยู่ๆ ตัวหลี่ว์ซู่ก็มีแสงออกมารอบๆ เหมือนกับที่ฟรานเชสโก้มี แต่เขากลับรู้สึกถึงแรงที่ทำให้หายใจไม่ออกจากแสงสว่างนั่น!

 

 

ทันใดนั้นเองหลี่ว์ซู่ก็คิดไปถึงท่าการโจมตีที่ฝ่ายศรัทธาเคยใช้ในอดีต พวกเขาไม่ค่อยต่อสู้แบบตัวต่อตัวนัก แต่จะใช้วิธีต่อสู้แบบเป็นกลุ่มมากกว่า พวกเขาก็มีกองทัพเป็นของตัวเองด้วย

 

 

เพราะฉะนั้นคนพวกนี้คงจะวางแผนใช้กลยุทธ์หมู่ในฆ่าศัตรูร่วมกันและใช้วิธีที่สืบต่อกันมา

 

 

แสงรอบตัวหลี่ว์ซู่สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เขาคงจะขยับตัวไม่ได้เลยในเร็วๆ นี้แล้ว!

 

 

มีคนเคยวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างกลุ่มฟีนิกซ์และฝ่ายศรัทธา กลุ่มฟีนิกซ์นั้นโดดเด่นจากการมีสมาชิกที่ดุดันอยู่ไม่กี่คน ซึ่งนี่รวมไปถึงนักบุญและฮาเวิร์ดด้วย และพวกเขาต่างก็มุ่งเน้นที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามฝ่ายศรัทธานั้นต่างออกไป พวกเขามักจะทำให้ศัตรูอ่อนแอลงด้วยวิธีการจำกัดขอบเขตของพลัง

 

 

เพราะฉะนั้นนักบุญจึงกล้าเข้าไปเผชิญหน้ากับปรมาจารย์หุ่นเชิดในขณะที่หัวหน้าบาทลวงของฝ่ายศรัทธานั้นหลีกหนีไปเพื่อเลี่ยงปัญหา นักบุญทำอย่างนั้นเพราะฝ่ายศรัทธาใช้วิธีการโจมตีแบบคาดไม่ถึง และปรมาจารย์หุ่นเชิดก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน

 

 

หัวหน้าบาทหลวงก็เลยเลือกที่จะเก็บตัวไม่ไปสู้มากกว่าถ้าเขามองว่าเขายังไม่เตรียมพร้อมดีพอ

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานทรงพลังจากบนท้องฟ้า มันระเบิดออกมาสู่ภายนอกด้วยเสียงดังกึกก้อง ทุกคนมองขึ้นไปด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดเมื่อเห็นร่างของคนสองคนเข้าปะทะกันบบนฟ้า แรงอันมหาศาลนั้นแผ่ออกมาจนทำให้บรรยากาศรอบๆ ดูบิดเบี้ยวไปถนัด หากมองไกลๆ ก็ดูราวกับว่ามีลูกบอลไฟสองลูกกำลังพุ่งเข้าชนกัน

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจจนนิ่งไป ดูเหมือนทั้งสองคนนั้นจะไม่ใช่ระดับ A จากเครือข่ายฟ้าดิน เพราะเขารู้ว่าเฉินไป่หลี่และเนี่ยถิงนั้นมีวิธีการต่อสู้อย่างไร แล้วก็ไม่ใช่หลี่เสียนอีหรือปรมาจารย์หุ่นเชิดด้วยแน่ๆ …

 

 

ทั้งเฉินไป่หลี่ เนี่ยถิง หลี่เสียนอี หัวหน้าบาทหลวงจากฝ่ายศรัทธา นักบุญ และปรมาจารย์หุ่นเชิดทั้งสองคนนั้นถือเป็นคนที่ถือว่าแข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้ในขณะนี้ พวกเขาเป็นเหมือนยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่และเป็นตำนานที่อยู่บนจุดสูงสุดของโลกแห่งการบำเพ็ญแล้ว

 

 

แต่ดูจากกลยุทธ์การต่อสู้แล้ว ชายสองคนบนฟ้านั้นเหมือนจะเป็นนักบุญและหัวหน้าบาทหลวง!

 

 

ไม่น่าเชื่อเลยว่าระดับ A สองคนนั้นจะถ่อมาที่ทวีปนี้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขามากันทำไม แต่เมื่อพวกเขาพบหน้ากันบนฟ้าแล้ว นักบุญก็เปิดฉากเข้าโจมตีก่อนทันที

 

 

มีคนพูดว่านักบุญนั้นเป็นคนชอบหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง เขาเข้าไปห้ำหั่นต่อสู้กับปรมาจารย์หุ่นเชิดในโบราณที่อเมริกาใต้มา

 

 

มีโพสต์ในกระทู้ของมูลนิธิเต็มไปหมดว่านักบุญนั้นอยากเอาชนะยอดฝีมือทั้งหมดและครองโลกนี้

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดอย่างนั้น นักบุญก็คงเข้าไปต่อสู้กับเนี่ยถิงและหลี่เสียนอีแล้วถ้าเขามั่นใจในพลังของตัวเองจริงๆ แต่แน่ล่ะว่าหลี่ว์ซู่คงจะไม่พูดเรื่องนี้กับใคร เพราะไม่มีระดับ B ที่สติดีคนไหนจะอยากไปหาเรื่องระดับ A เข้าหรอก

 

 

ตอนนั้นเองที่นักบุญมองลงมาที่หลี่ว์ซู่แล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบเหมือนคลื่นใต้มหาสมุทร “ไปซะ”

 

 

หลี่ว์ซู่ได้ยินแบบนั้นก็รีบวิ่งแจ้นหนีไปด้วยความยินดี กลุ่มฟีนิกซ์เป็นกลุ่มที่เชื่อถือได้จริงๆ เพราะหัวหน้ากลุ่มนั้นเดินทางมาตั้งไกลเพียงเพื่อจะมาช่วยชีวิตเขา เยี่ยมไปเลย!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset