ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 507 การปฏิเสธทางอ้อม

การปฏิเสธทางอ้อม

 

ทุกคนในโกดังยืนตั้งแถวรับแขกอยู่ที่ประตูอย่างเรียบร้อย หลังจากผ่านไปยี่สิบนาที ตัวคุริยามะเองก็มาถึงพร้อมกับขบวนรถบรรทุกส่งของอีกยี่สิบกว่าคัน

 

หลี่ว์ซู่นับรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้ยี่สิบเจ็ดคัน โดยสิบเก้าคันในนั้นบรรจุสินค้าเอาไว้เต็มจนล้นขอบ

 

มีกองกำลังทหารชั้นเยี่ยมคอยเฝ้ารถบรรทุกสิบเก้าคัน ถ้าพวกเขาไม่ใช่คนที่เพิ่งขึ้นสู่ระดับ D ก็ต้องเป็นคนที่อยู่จุดสูงสุดของระดับ E คนระดับ D แต่ละคนจะนำทีมทหารสักห้านายเพื่อไปลาดตระเวนที่รถบรรทุกเหล่านั้น ตาของพวกเขาเหมือนเหยี่ยวที่คอยเมียงมองด้วยความลังเล

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่อาจตรวจพบคลื่นพลังใดๆ มาจากในรถบรรทุกได้เลย และดังนั้นจึงไม่อาจยืนยันได้ว่ามีอะไรอยู่ในรถบรรทุกส่งของสิบเก้าคันนั้น เป็นไปได้ไหมว่าตัวรถเองจะทำจากวัสดุที่อำพรางคลื่นพลังได้

 

หลี่ว์ซู่คิดทบทวน ถ้าการส่งของประเภทนี้ต้องใช้คนจำนวนมากขนาดนี้เพื่อเฝ้ารักษา สินค้าเหล่านี้ก็คงจะมีมูลค่ามากอยู่ มันอาจจะเป็นทรัพยากรล้ำค่าที่ทวยเทพต้องการขนย้ายไปที่ฐานแห่งใหม่ของพวกเขา

 

เขาเกิดลังเลขึ้นมา หรือว่าเขาควรจะกำจัดทุกคนให้สิ้นซากแล้วยึดสินค้าไปเสียเองเลยดี…

 

มีคนมากมายรายล้อมเขาอยู่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะเขาได้เช่นกัน

 

จะทำลายมันหรือไม่ทำลาย นั่นล่ะคือคำถาม

 

ตอนนี้หลี่ว์ซู่มีสองเรื่องให้กังวล เรื่องแรก หากสินค้าที่อยู่ในรถบรรทุกนี้เหมือนกับของที่ส่งมาเมื่อบ่าย เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรดี เขาเองก็ไม่ได้สนใจในพวกทวยเทพเสียด้วยและไม่มีเจตนารมณ์จะช่วยชีวิตพวกเขา แม้ว่าทวยเทพจะจับกุมคนมา แต่คนเหล่านั้นก็ไม่คุ้มค่าที่จะเสียแรงช่วย หลี่ว์ซู่ไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่จะช่วยให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นทุกข์ได้

 

เขายังกังวลอีกด้วยว่าหากเขากำจัดตัวตนนี้เร็วเกินไป มันก็จะไม่ยุติธรรมกับปริมาณการเตรียมการที่เครือข่ายฟ้าดินสู้อุตส่าห์ทำไว้ให้

 

นอกจากนั้นเขาก็จะได้พาสินค้าเหล่านี้ไปยังฐานใหม่ ตามที่คาวาโยชิบอกนั้นโกดังเหล่านี้จะโดนปล่อยทิ้งในไม่ช้า ในอนาคต ฐานใหม่จะคอยรับและเก็บสินค้าด้วยตัวเอง

 

จนกว่าจะถึงวันนั้น สินค้าพวกนี้ก็ไม่ได้หนีไปไหนและภาพลักษณ์ของเขาก็ไม่ต้องถูกทำลายลงไป ตราบใดที่เขารู้ว่าสินค้าพวกนั้นอยู่ที่ไหน เขาก็เพียงแค่ใช้ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ทำลายกำแพงเข้าไป เอาสินค้ามา แล้วจากไปเมื่อใดก็ตามที่เขาต้องการ

 

คาวาโยชิขยับเข้าไปใกล้คุริยามะและช่วยเขาจุดบุหรี่ “ท่านคุริยามะครับ ยามาดะ อาคิระจะมากับพวกเราหรือเปล่าครับ ผมอยากปกป้องดูแลเขา เขาค่อนข้างจะจริงใจและตรงไปตรงมา ท่านมั่นใจในตัวเขาได้เลย”

 

คุริยามะมองมาที่เขา “ใช่ ฉันหาคนไปตรวจสอบประวัติของยามาดะแล้วเมื่อบ่ายนี้ ไม่มีปัญหาอะไร แต่แทนที่จะให้เขาติดตามนาย ฉันอยากจะจ้างเขาซะเอง ผู้ช่วยของฉันถูกคลื่นซัดตายในการสัประยุทธ์กับโอดะ โทคุมะ ถ้าอยากจะใช้ใครก็ต้องใช้เขาตอนนี้นี่แหละ การดึงเข้าขึ้นฝั่งตอนที่เขากำลังจมอยู่ในความสิ้นหวังจะต้องทำให้เขาซาบซึ้งในน้ำใจได้แน่นอน”

 

คาวาโยชิอึ้งจนพูดไม่ออก เขาไม่คิดว่าคุริยามะเองก็อยากจะได้ยามาดะอีกคน

 

ผลงานของยามาดะก่อนที่หลี่ว์ซู่จะเข้ามาแทนที่นั้นดีมากจริงๆ เขาเชี่ยวชาญในการจัดการเส้นทางการเดินทางของโนกิวะ ฮากุชุนและการวางแผนงานต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังตรงไปตรงมามาก หากเป็นการทำเพื่อโนกิวะ ฮากุชุนแล้วละก็ เขาพร้อมใจจะเป็นปรปักษ์กับใครก็ตาม

 

หัวหน้าคนไหนจะไม่ต้องการผู้ใต้บังคับบัญชาแบบนั้นเล่า ตอนนี้คุริยามะจะต้องใช้คน เมื่อเห็นว่าทาคาชิมะ ทาอิรัตสึจะมีโอกาสได้เลื่อนชั้นขึ้นสู่ระดับ A ในไม่ช้านี้ คนประเภทเดียวกันกับทาคาชิมะก็จะต้องได้เลื่อนขั้นไปเช่นกัน มันคงน่ากระอักกระอ่วนเป็นที่สุดหากถึงเวลานั้นแล้วเขาไม่มีใครอยู่ใต้บังคับบัญชาเลย

 

ในเมื่อตอนนี้ยามาดะถูกเนรเทศออกมาเป็นบุคคลที่ไม่มีใครเหลียวแล คุริยามะจึงได้หันมาเล็งของเหลือจากกลุ่มอนุรักษนิยมนี้เช่นกัน เขาไม่มีข้อเสียอะไรใหญ่ๆ ค่าร่างกายของเขาก็อยู่สูงกว่าคนทั่วไป การมีคนอย่างเขาคอยดึงดูดให้คนมาเข้าร่วม คนอื่นๆ ก็ย่อมจะต้องยอมเปลี่ยนใจและมาเข้าร่วมกับเขาด้วยในอนาคต

 

คุริยามะกำลังซุ่มคิดเรื่องนี้อยู่ เขาต้องการจะให้ความช่วยเหลือแก่ยามาดะทันท่วงที เขาเชื่อว่ายามาดะซึ่งเป็นคนระดับ D ที่ถูกเมินอยู่จะต้องมีความรู้สึกยิ่งกว่าซาบซึ้งในบุญคุณของเขาแน่

 

“ทำไม” คุริยามะมองไปที่คาวาโยชินิ่งๆ “นายไม่เห็นด้วยเหรอ”

 

“ผมเห็นด้วย” คาวาโยชิกล่าวและก้มหัวลง เขาไม่กล้าแย่งยามาดะจากคุริยามะหรอก คุริยามะคือศิษย์เอกคนเก่งของทาคาชิมะ ทาอิรัตสึ เขาเป็นผู้มีอำนาจในกลุ่มทวยเทพ

 

“ดี ไปเรียกเขามาซิ ฉันอยากคุยกับเขาหน่อย” คุริยามะหัวเราะขณะตบบ่าของคาวาโยชิ เขาพอใจต่อทัศนคติของคาวาโยชิเป็นอย่างยิ่ง

 

คาวาโยชิเข้าไปหาหลี่ว์ซู่ด้วยสีหน้าที่บอกอาการไม่ถูก “อะแฮ่ม น้องยามาดะ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปฉันฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ ท่านคุริยามะอยากจะคุยกับนายน่ะ”

 

หลี่ว์ซู่ช็อกไปชั่วขณะ ทำไมเจ้าหน้ากลมถึงได้สุภาพขึ้นมากะทันหันล่ะ

 

ในความเป็นจริง คาวาโยชิเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่ายามาดะนั้นมีคุณสมบัติเหนือผู้อื่น เขาไม่อาจที่จะเคืองใจได้หากยามาดะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทที่คุริยามะไว้ใจ

 

หลี่ว์ซู่เดินตามคาวาโยชิและเข้าไปหาคุริยามะ คุริยามะเงยหน้าขึ้นมามองหลี่ว์ซู่…ที่มีสีหน้าที่แสดงความเหนือกว่า…

 

[ได้แต้มจากคุริยามะ คุโม +99!]

 

ความสูงของหลี่ว์ซู่นั้นน่าประทับใจจริงๆ แต่นั่นไม่ได้ส่งผลอะไรต่อภาพลักษณ์ของเขาเนื่องจากตัวตนเดิมของยามาดะ อาคิระก็ตัวสูงมากเช่นเดียวกัน

 

คุริยามะไม่ได้พยายามชนะใจเขาในทันที เขากล่าวอย่างสงบว่า “นายมีพรสวรรค์อะไรบ้าง”

 

หลี่ว์ซู่พลันสงสัยขึ้นมาว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้ถามคำถามนี้กับเขา เขาเองก็ไม่อาจตอบคำถามเกี่ยวกับพรสวรรค์ที่เขามีอยู่ในตอนนี้ได้เช่นกัน เขาทำได้แค่เพียงพูดจาไร้สาระออกมา “พรสวรรค์ของผม…ผมทำคณิตคิดเร็วได้ แบบนี้ถือเป็นพรสวรรค์ได้ไหม

 

จู่ๆ คุริยามะก็รู้สึกว่าเขาไม่อาจสนทนาต่อไปได้ เขาถามพรสวรรค์พิเศษของหลี่ว์ซู่เพื่อให้โอกาสเขาได้แสดงออกถึงความสามารถก่อนที่คุริยามะจะพยายามเอาชนะใจเขา แต่นี่เขากำลังทำอะไรอยู่เหรอที่พูดออกมาว่าพรสวรรค์ของเขาคือคณิตคิดเร็วน่ะ!

 

คุริยามะครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามขึ้นว่า “คณิตคิดเร็วเหรอ หนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบเอ็ดคูณหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบเอ็ดได้เท่าไรล่ะ”

 

“หนึ่งร้อยสามสิบเอ็ด” หลี่ว์ซู่ตอบโดยไม่ต้องคิด

 

คุริยามะและคาวาโยชิอึ้งแบบพูดไม่ออก

 

[ได้แต้มจากคุริยามะ คุโม +666!]

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +666! ]

 

ป่านนี้ครูสอนคณิตศาสตร์ของนายคงนอนตายตาไม่หลับอยู่ในหลุมแล้ว!

 

หนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบเอ็ดคูณหนึ่งพันเก้าร้อยยี่สิบเอ็ดมันจะไปได้หนึ่งร้อยสามสิบเอ็ดได้อย่างไรหา!

 

คุริยามะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “…นายตอบผิด”

 

“คำตอบผมผิดอยู่แล้ว” หลี่ว์ซู่พยักหน้า “แต่ผมคำนวณได้เร็วมาก”

 

[ได้แต้มจากคุริยามะ คุโม +666!]

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +666!]

 

คุริยามะคิดหนัก หลี่ว์ซู่ตอบออกมาโดยไม่ได้ลังเลเลยจริงๆ จะเรียกว่าเขาค่อนข้างเร็วมากเลยก็ว่าได้…

 

แต่ถ้าคำตอบไม่ถูก ก็ไม่รู้จะเร็วไปเพื่ออะไร!

 

คุริยามะเอามือกุมหน้าตัวเอง “นากายะ รีบเอาเขาไปคุมการถ่ายของลงจากรถบรรทุกเลยไป…”

 

คาวาโยชิเข้าใจเลยว่าคุริยามะได้ล้มเลิกแผนการเอาชนะใจยามาดะเสียแล้ว…

 

คาวาโยชิพาเขาเดินกลับไปที่ถนนและบ่น “ถึงแม้ว่านายจะไม่อยากทำงานกับคุริยามะ แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องปฏิเสธเขาซึ่งๆ หน้าแบบนั้นเลย! นายหมดอนาคตแล้วคราวนี้”

 

ในสายตาของคาวาโยชิและคุริยามะแล้ว หลี่ว์ซู่กำลังแกล้งทำตัวโง่เพื่อเป็นการปฏิเสธทางอ้อม ความจริงแล้วนี่เป็นผลลัพธ์ที่หลี่ว์ซู่ต้องการ เขารู้ว่าการไปทำงานกับคุริยามะนั้นไม่ใช่บทบาทที่เขาจะเล่นได้ง่ายๆ เขาไม่มีความสามารถที่จะปกปิดตัวตนได้เหมือนกับยามาดะ อาคิระคนเดิม ใครจะไปรู้ได้ว่าเขาลงทุนใช้เวลานานขนาดไหนกว่าจะเข้าใกล้โนกิวะ ฮากุชุนได้โดยที่ไม่ทำให้ตัวตนของเขาต้องถูกเปิดเผย แต่หลี่ว์ซู่ล่ะ

 

ถ้าเขาฝืนตัวเองแล้วเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคุริยามะ ไม่ช้าก็เร็วจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ เขาเพียงแต่ต้องการให้ตัวตนนี้ช่วยปกปิดธุระของเขา การไปอยู่เคียงข้างคุริยามะจึงไม่มีความสำคัญอะไรนัก

 

เขาจะไม่ยอมให้ตัวตนของเขาต้องพังทลายลงอีกต่อไป!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset