ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 509 หลี่ว์ซู่ ผู้ทรงความยุติธรรม

หลี่ว์ซู่ ผู้ทรงความยุติธรรม

 

อันที่จริงแล้ว กิจกรรมการขนย้ายสินค้าในครั้งนี้ คุริยามะได้เจตนาเอาเจ้าหน้าที่คนสำคัญหลายคนมาร่วมด้วยจริงๆ ในเมื่อเขามั่นใจในความสามารถของพวกเขา มันจึงเป็นการทดสอบความจงรักภักดีที่พวกเขามี

 

หลังจากการทดสอบในลักษณะนี้สักสองสามรอบ สมาชิกที่มีประโยชน์อย่างแท้จริงก็จะปรากฏชัดขึ้น เพราะอย่างไรเสีย ความน่าไว้วางใจของคนนั้นก็เป็นสิ่งที่ถูกเพ่งเล็งอยู่เสมอมา

 

รถบรรทุกส่งของที่ทาคาชิมะแอบซ่อนอยู่ข้างในไม่ได้มีสินค้าอยู่ ด้านในมีเพียงอุปกรณ์ที่ใช้เก็บบันทึกเบาะแสของสัญญาณไร้สายในภูมิภาคทุกสัญญาณโดยอัตโนมัติ ดังนั้นจึงไม่อาจมีการส่งสัญญาณใดได้โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเขา

 

คุริยามะตรวจสอบสัญญาณและไม่สังเกตเห็นอะไรผิดปกติ

 

ฉะนั้นหลี่ว์ซู่จึงได้รับความไว้วางใจจากทาคาชิมะและคนของเขาไปโดยไม่ได้เจตนา…

 

บางทีแม้กระทั่งเนี่ยถิงยังคาดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ มิฉะนั้นแล้วตัวยามาดะเองก็ยังอาจประสบปัญหาได้หากเขาอยู่ที่นี่ เพราะเขาคงจะพยายามส่งข้อความออกไปเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าครั้งใหญ่นี้

 

โชคดีที่หลี่ว์ซู่ไม่จำเป็นต้องส่งต่อข้อมูลนี้ให้ใคร ก็เนี่ยถิงเป็นคนบอกให้เขาใช้ไหวพริบแก้สถานการณ์หน้างานไปเองเลยไม่ใช่เหรอ

 

ช่างเป็นโชคดีที่แฝงมาในความซวยเสียจริงเชียว…

 

ทว่าหลี่ว์ซู่พบว่ามันน่าแปลกที่เรื่องราวไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดไว้จริงๆ … ตอนนี้ตัวเขาควรจะเป็นผู้ก่อความรำคาญอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วเขามาทำอะไรอยู่ในวงในของพวกทวยเทพกันละเนี่ย

 

นี่เขาจะได้รับมอบหมายให้ไปต่อกรกับเครือข่ายฟ้าดินหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นคงน่าสนใจไม่น้อยเลย…

 

แต่เป็นแบบนั้นไปไม่ได้หรอก สายลับเป็นงานที่มีความผูกมัดระยะยาวและทวยเทพก็คงไม่มีทางมอบหมายหน้าที่นั้นให้เขาอย่างแน่นอนหากปราศจากการให้สัตย์ปฏิญาณในความจงรักภักดีจากเขา

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า เจ้าพ่อราชันฟ้าเนี่ยถิงจะทำหน้าอย่างไรหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นมาจริงๆ

 

ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ มีหญิงสาวชาวอเมริกันคนหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ในเมืองปักกิ่ง สมัยนั้นยังไม่มีคำสั่งห้ามเล่นสลากกินแบ่ง ดังนั้นหญิงสาวคนนั้นจึงลองเสี่ยงโชคดู แล้วเธอก็ดันถูกรางวัลที่หนึ่งอย่างน่าแปลกใจ

 

รางวัลที่หนึ่งนั้นมีมูลค่าห้าหมื่นหยวน รางวัลที่สองคือแปดพันหยวน และที่สามคือห้าร้อยหยวน

 

แต่สำหรับของรางวัลที่ดีที่สุดที่จะได้รับก็คือการได้ไปท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกาสิบวัน…

 

หลี่ว์ซู่เดินขึ้นลิฟต์ตามคาวาโยชิและพวกที่เหลือไป เมื่อคุริยามะตรวจม่านตาแล้ว ตัวลิฟต์ก็เริ่มเคลื่อนที่ลงไป คุริยามะชำเลืองมองมาที่ทุกคนและสั่งการว่า “ไปรายงานตัวที่ฝ่ายกิจการภายในด้วยเพื่อบันทึกม่านตาของพวกนาย นั่นจะเป็นบัตรผ่านตลอดทางของพวกนาย”

 

ในที่สุดหลี่ว์ซู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แบบนั้นเขาจึงจะมีอิสระในการไปไหนมาไหนที่นี่ตามลำพังได้

 

อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้เป็นความจริงสักเท่าไร อันที่จริงแล้วฐานทัพใต้ดินมีอยู่หลายชั้นด้วยกัน และมีหลายชั้นที่คนงานธรรมดาอย่างเขาเข้าไปไม่ได้

 

ในขณะนั้น หลี่ว์ซู่ก็กำลังท่องจำชุดตัวเลขที่เขาเห็นอยู่บนประตูของห้องที่โรงงานเมื่อครู่นี้อย่างเงียบๆ มีห้องคล้ายแบบนั้นอยู่เป็นแถว ฉะนั้นเขาจะต้องไม่จำหมายเลขผิด

 

เผื่อว่าเขาได้โอกาสขึ้นมา เขาก็จะทำลายพวกมันทั้งหมดอย่างแน่นอนโดยจะไม่ยอมปล่อยให้พวกทวยเทพได้เปรียบเลย

 

หลี่ว์ซู่คิดคำนึง ไอ้สมาชิกทวยเทพพวกนั้นคงจะต้องคุกเข่าด้วยความซาบซึ้งในบุญคุณแน่หากตอนนี้เขาหาเต้าหู้เหม็นมาให้ได้สักกล่อง แต่ในไม่ช้าเขาก็เลิกล้มความคิดเนื่องจากเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะหาคำอธิบายได้ว่าเขาไปหาเต้าหู้นั้นมาจากไหน…

 

คุริยามะย้ำเตือน “ในฐานทัพมีผู้บำเพ็ญหญิงอยู่จำนวนมาก ทำตัวกันให้ดีๆ ล่ะ ฉันไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้น เข้าใจไหม”

 

“ครับผม”

 

“ครับผม”

 

คำพูดนั้นสื่อความหมายอะไรก็ได้ ที่รวมทั้งการหาความสนุกว่าเป็นสิ่งที่รับได้ ตราบใดที่ผลลัพธ์ของมันอยู่ในความควบคุมของเราได้

 

ใบหน้าของหลี่ว์ซู่ยังคงไร้อารมณ์แม้ว่าข้างในลึกๆ นั้นเขารู้สึกสงสารผู้หญิงในทวยเทพ มันช่างเป็นความซวยของพวกเธอจริงๆ ที่จะต้องเอาชีวิตรอดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้จักการให้เกียรติเสียเลย

 

ในที่สุดลิฟต์ก็ชะงักหยุดลง แขกที่มาเป็นครั้งแรกซึ่งรวมถึงหลี่ว์ซู่และคาวาโยชินั้นถูกคนจากกิจการภายในนำทางไปในทันทีเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องให้เสร็จสิ้น พวกเขาลงทะเบียนลายนิ้วมือและม่านตาเพื่อเป็นบัตรผ่านทางและรวบรวมเครื่องใช้ประจำวันที่จำเป็นและบัตรผ่านเข้าห้องพัก

 

คราวนี้หลี่ว์ซู่และคาวาโยชิก็ถูกจัดสรรให้มานอนห้องเดียวกันอีก แน่นอนว่ามีห้องที่ดีกว่านั้นแต่พวกเขาไม่มีสิทธิ์ใช้มัน ลำดับชั้นนั้นมีความชัดเจนอยู่

 

ห้องพักแบบคู่นั้นเล็กขนาดยี่สิบตารางเมตร มีอุปกรณ์เครื่องใช้เพียงแค่เตียงนอน เครื่องเฟอร์นิเจอร์ทั่วไปและโทรทัศน์เครื่องเล็กติดบนผนัง ในห้องไม่มีแม้กระทั่งเครื่องคอมพิวเตอร์

 

หลี่ว์ซู่เหลือบไปมองโทรศัพท์ของเขาและพบว่ามันไม่มีสัญญาณ ดูเหมือนว่ามีเพียงผู้คนในบางตำแหน่งเท่านั้นที่จะติดต่อกับโลกภายนอกได้จากในฐาน

 

“ทุกๆ เดือน พวกเราจะสลับกันหยุดงานได้สี่วันเพื่อเดินทางกลับไปที่นิชิโนะเกียว หน้าที่ของพวกเราก็คือการรักษาความปลอดภัยใต้ดิน มีอยู่สามกะ เราทำงานอยู่ในช่วงกะกลางวัน เงินเดือนของฉันเป็นศิลาวิญญาณห้าเม็ด และของพวกนายก็สามเม็ด” คาวาโยชิพูดอย่างพออกพอใจ “แต่ไม่ต้องห่วงนะ เมื่อพวกนายเลื่อนขึ้นไประดับ C พวกนายจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่ามากอีกด้วย และในส่วนของฉัน ฉันก็เกรงว่ามันคงจะอีกไม่นานนักหรอก”

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้ารับทราบ เขาผิดหวังเล็กน้อยเพราะเขาหวังว่าจะได้รับมอบหมายงานที่ต้องอยู่ข้างบนเพื่อที่เขาจะได้ปกป้องศิลาวิญญาณของเขาได้เป็นอย่างดี

 

หลี่ว์ซู่เจ็บใจในค่าจ้างอันสูงของคาวาโยชิ ไอ้หมอนี่นั่นแหละมาเอาส่วนแบ่งหินที่เป็นของหลี่ว์ซู่ไป…

 

“ตอนแรกท่านคุริยามะต้องการจะเอานายไปทำงานอยู่บนพื้นดินเพื่อรักษาความปลอดภัยให้โกดังเก็บสินค้า แต่การไปสุงสิงกับคนธรรมดาสามัญพวกนั้นทั้งวันจะลดราคาของนายลงไป ดังนั้นฉันจึงขอให้นายมาทำงานใต้ดินกับฉัน” คาวาโยชิพูดพล่ามต่อและรอคอยความซาบซึ้งในบุญคุณของหลี่ว์ซู่อย่างกระตือรือร้น “ไม่ต้องห่วง ฉันจะไปพูดกับท่านคุริยามะให้เร็วๆ นี้แหละ นายยังไม่ต้องขึ้นไปรายงานตัวบนพื้นดินหรอก”

 

หลี่ว์ซู่แทบจะกรีดร้องออกมา ใครขอให้นายมาช่วยฉันวะ อย่าหลงตัวเองให้มันมากนัก!

 

ดังนั้นแล้วเขาจึงกล่าวอย่างเสียไม่ได้ว่า “ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เราต้องไม่ทำตามอำเภอใจ นายไม่ต้องมาหว่านล้อมฉันหรอกเพราะฉันตัดสินใจแล้ว ฉันอยากจะทำงานบนพื้นดินนั่นแหละ!”

 

คาวาโยชิพูดไม่ออก

 

[ได้แต้มจากนากายะ คาวาโยชิ +666! ]

 

เขาเป็นผู้ทรงความยุติธรรมแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรเหรอ การทำงานใต้ดินนั้นมีผลประโยชน์เพราะว่ามันทำให้เกิดการยอมรับและเลื่อนขั้นได้อย่างง่ายดายเมื่อทำงานอยู่เคียงข้างผู้นำต่างๆ พวกเขาสามารถให้ผลประโยชน์แก่พวกเขาได้อย่างง่ายดาย

 

ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้ช่างมีความยุติธรรมมากเสียจนน่ารำคาญขนาดนี้! คนสมัยนี้ที่ไหนจะยอมปล่อยให้ผลประโยชน์หลุดไปจากมือได้

 

เขาจะมีอนาคตอะไรได้หากไปร่วมงานกับคนธรรมดาสามัญบนพื้นดิน

 

คาวาโยชิใช้ความสามารถในทักษะการชวนเชื่อของตัวเองอย่างเต็มที่ “ไม่ว่าพวกผู้หญิงที่อยู่บนนั้นจะสวยขนาดไหน แต่พวกเธอก็ยังเป็นคนธรรมดาสามัญ นายก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกันนี่ ว่าการแต่งงานระหว่างผู้บำเพ็ญและคนธรรมดาสามัญนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ได้รับการอนุญาต นอกจากนี้ นายก็จะไม่มีเวลาไปฝึกวิชาหากนายมัวติดพันอยู่กับงานทั่วไปบนพื้นดิน”

 

“กรุณาออมแรงไว้เถอะ” หลี่ว์ซู่แลดูมุ่งมั่นและจริงจัง “เพื่ออนาคตของญี่ปุ่น เราก็ต้องยอมทำเรื่องบางอย่าง!”

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset