หลี่ว์ซู่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เขาจะได้แต้มอารมณ์มาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เขาไม่สามารถชุบชีวิตมนุษย์ที่สูญเสียไปได้
ในเมื่อไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลี่ว์ซู่ก็มีความคิดอะไรขึ้นมาแล้ว
แต่ช่างเถอะ ทำให้คนกลัวโดยไม่มีเหตุผลก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ อีกอย่างก็ยังมีแมลงมีพิษอยู่แถวๆ นี้ด้วย
หลี่ว์ซู่สับสน เขารู้ว่าเสี่ยวซยงสวี่คงจะไม่ทำร้ายใครในระหว่างการทำงานหรอก คราวนี้แมลงที่โผล่ขึ้นมาเป็นแมลงที่ไม่ทำร้ายคนแม้ว่าจะมีวิวัฒนาการแล้วก็ตาม แม้ว่าจะมีแมลงพวกนี้จะมีพิษ แต่มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น ในทางกลับกัน หลี่ว์ซู่เองก็กำลังจะเลื่อนระดับเป็นระดับ A แล้ว เขาลังเลนิดหนึ่ง
แมลงใต้ดินไม่มีทางที่จะไร้พิษสงเสมอไปเหมือนอย่างแมลงที่โผล่ออกมาในครั้งนี้ ในท่อน้ำทิ้งมืดๆ แฉะๆ นั้นยังมีแมลงที่มีพิษด้วย
อย่างไรก็ตามชาวเมืองลั่วก็ไม่เคยไปแหย่แมลงพวกนั้น หลี่ว์ซู่อาจจะพูดได้ว่า “หลังจากที่ผมแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ผมก็จะปกป้องพวกคุณทั้งหมดเอง! ถึงแม้ว่าจะมีคนบาดเจ็บ แต่นั่นก็เป็นแค่ความเจ็บปวดเพียงชั่วคราว อย่ากังวลไปเลย ผมจะไม่ยอมให้ทุกคนเป็นอันตรายกันอีก!”
แต่มันก็ฟังดูเหทือนเป็นสิ่งที่ตัวร้ายในหนังจะพูดมากกว่า…
สำหรับหลี่ว์ซู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะอยากให้เหตุการณ์เป็นไปตามที่ต้องการ ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น อย่างไรก็ตามความขัดแย้งแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน เนื่องจากเขายังมีศีลธรรมในใจอยู่
หลี่ว์ซู่ไปปลุกหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ขึ้นมาทันที “เรียกเสี่ยวซยงสวี่กลับมาให้ที ฉันอยากจะถามอะไรมันหน่อย”
เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอะไร แต่ก็คงไม่สายไปถ้าเขาจะบอกให้เสี่ยวซยงสวี่หยุดก่อนและค่อยๆ มาคิดว่ามีวิธีอื่นที่ปลอดภัยกว่านี้หรือเปล่า
เสี่ยวซยงสวี่กลับมาด้วยสีหน้าพอใจ หลี่ว์ซู่ถามออกไป “กำจัดพวกแมลงออกไปหมดแล้วเหรอ”
เสี่ยวซยงสวี่ตบหน้าอกตัวเองแล้วเขียนตอบกลับมาในสมุดเล็กๆ [ใช่!]
หลี่ว์ซู่ใจเสีย งั้นก็แปลว่าไม่มีปัญหาอื่นๆ ให้แก้แล้วน่ะสิ ในเมื่อแมลงพวกนี้ตายไปหมดแล้ว!
หลี่ว์ซู่ลูบหัวเสี่ยวซยงสวี่ “เก่งมาก…”
ขณะที่พูดหลี่ว์ซู่ก็มีอารมณ์ปะปนกันไป
โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นมา เขาเพิ่งได้รับข้อความจากเนี่ยถิง [ดูแลเสี่ยวซยงสวี่ดีๆ นะ ไม่อย่างนั้นฉันไปจัดการที่เมืองลั่วด้วยตัวเอง]
หลี่ว์ซู่รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน หัวหน้าเครือข่ายฟ้าดินจะต้องมาดูแลเรื่องเล็กๆ นี้ด้วยตัวเองเลยเหรอ
หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ ความคิดที่อยากจะทำก็พังลงไปเสียแล้ว
หลี่ว์ซู่เพิ่งมารู้สึกตัวว่าในหัวเขามีความปรารถนาอะไรอยู่ตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความปลอดภัยของเมืองทั้งเมืองกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาเสี่ยงเอาชีวิตผู้คนมากมายเพียงเพื่อมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเองได้อย่างไร
ไม่ใช่ว่าคนจิตใจไม่ดีหรอกนะ แต่โลกนี้เต็มไปด้วยความต้องการมากมาย และคนเราก็ต้องยึดมั่นในความตั้งใจของตัวเอง
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาไม่ควรจะทำตัวกังวลเกินไป เขาจะเลิกทำอะไรบางอย่างเพราะกลัวความล้มเหลวไม่ได้ เขายังต้องการแต้มอารมณ์อยู่ แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีแบบนี้
ตอนนี้ผู้บำเพ็ญลับก็กำจัดแมลงไปหมดแล้ว ชาวบ้านออกมาส่งพวกเขาด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณ มากนะ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนจิตใจดีแบบพวกคุณอยู่ โลกนี้เต็มไปด้วยคนดีจริงๆ!”
หัวหน้าของพวกผู้บำเพ็ญลับมีรอยสักรูปมังกรอยู่บนแขน และมีรอยสักรูปแมงมุมอยู่บนคอ เขารู้สึกเขินกับคำชมนั้น “ทำไมพวกคุณสุภาพกับพวกเราจัง”
ชาวเมืองเงียบไป
จงอวี้ถังหันมาพูดกับโยวหมิงอวี่อย่างเอาจริงเอาจัง “พอเรากลับไปแล้วอย่าลืมยกระดับการศึกษาของพวกเขา แล้วก็สอนวิธีคิดของพวกเขาให้ดีกว่าเดิมด้วยนะ…”
โยวหมิงอวี่ตอบกลับ “…เข้าใจแล้ว”
ตกดึกคืนนั้น มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้นในหมู่บ้านใกล้เมืองลั่ว
เสียงของมันไม่เหมือนกับเสียงลมพัด เป็นเสียงกรอบแกรบที่ชัดเจนมาก เหมือนเป็นเสียงเปลือกหอยกระทบกัน แต่นี่เป็นเสียงที่มาจากสถานเพาะพันธุ์แมงป่อง
ปกติแล้วแมงป่องจะอาศัยแยกจากกัน มันมีสรรพคุณทางยาที่สูงมาก สามารถเอามารักษาแผลไฟไหม้ วัณโรคกระดูกและข้อ การติดเชื้อในหูส่วนกลาง และอื่นๆ ได้
เนื่องจากมันมีสรรพคุณทางยามาก จึงสามารถพบเจอฟาร์มที่เลี้ยงแมงป่องได้ทั่วไปในเมืองอวี้โจว เมืองซย่าโจว เมืองซานโจว และอาจจะมีอยู่ตามที่อื่นๆ ในประเทศด้วย เมื่อก่อนมีคนพยายามจะเพาะพันธุ์แมงป่องที่บ้าน แต่สุดท้ายแล้วแมงป่องก็หนีออกไปทางกำแพงและเข้าโจมตีเพื่อนบ้าน ทำให้มีคนตายเจ็ดคนและบาดเจ็บสาหัสอีกสองคน
แมงป่องชอบอยู่ในที่ชื้นและมืด ปกติแล้วมันจะขยายพันธุ์ในรัง แมงป่องในรังเดียวกันจะไม่โจมตีกัน แต่แมงป่องจากต่างรังจะฆ่ากันแน่ๆ
ในฟาร์มเพาะพันธุ์แมงป่องจะสามารถเจอแมงป่องที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือเลยก็ได้ และอาจจะมีสีเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลเข้มจากที่ธรรมดาจะเป็นสีเหลืองอ่อน
หลังจากที่มีเสียงกรอบแกรบเกิดขึ้น กำแพงที่กั้นระหว่างรังก็พังทลาย พวกแมงป่องเริ่มฆ่ากันแล้ว พวกมันบ้าคลั่งกันไปหมด!
แมงป่องพวกนี้ทำเสียงขู่ฟ่อๆ ขณะที่กำลังฆ่ากัน เป็นเสียงที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแน่ ๆ
การต่อสู้นี้จบลงไปในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง รังแมงป่องที่ยังเหลืออยู่เสียหายไปหนักมาก
แมงป่องตัวเมียหลายสิบตัวไต่ขึ้นไปบนศพของแมงป่องที่ตายแล้วเพื่อวางไข่ จากนั้นไข่พวกนั้นก็ฟักออกมาเร็วมาก ลูกแมงป่องที่เพิ่งเกิดใหม่เข้าไปกินศพแมงป่องที่ตายแล้วกันยกใหญ่ เปลือกใสๆ ของพวกมันเปลี่ยนกลายเป็นเปลือกแข็งอย่างรวดเร็ว
ฟ่อ!
เมื่อพวกมันกินเสร็จ แมงป่องที่อยู่ในรังที่ชนะก็พากันไต่ออกมาจากรัง พวกมันมีการสัมผัสกลิ่นที่ไวมาก แมงป่องขนาดใหญ่ตัวหนึ่งหยุดชั่วครู่อยู่ตรงช่องว่างใต้ประตู ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงขู่ฟ่อ พวก แมงป่องที่อยู่ข้างหลังตามมันไปพังประตูออก
แมงป่องพวกนี้เข้าพุ่งเข้าหาหมู่บ้านเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว ชาวบ้านนอนตายกันเกลื่อนและกลายเป็นอาหารของพวกแมงป่อง
หมู่บ้านนี้กลายเป็นนรกไปเสียแล้ว ถ้าใครเห็นต้องมีอาเจียนกันออกมาบ้างล่ะ!
เมื่อเข้ารุ่งสาง พวกแมงป่องก็กลับเข้าใต้ดินไปหลับพักผ่อน มันจะรอจนกว่าจะตกดึกอีกครั้งหนึ่ง
พอตอนเช้าก็มีบุรุษไปรษณีย์จากในเมืองขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาในหมู่บ้านพร้อมกับฮัมเพลง เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีคนส่งจดหมายแล้ว งานของเขาก็เลยสบายมากขึ้น
บุรุษไปรษณีย์คนนั้นอายุประมาณห้าสิบปี ตอนนี้แค่รอเกษียณและใช้ชีวิตสบายๆ ที่บ้าน เขาไม่สนใจหรอกว่าในอนาคตจะมีบุรุษไปรษณีย์อีกหรือเปล่า
บุรุษไปรษณีย์คิดไปพลางๆ ขณะฮัมเพลง เขาจะสามารถมองเห็นหน้าต่างบานนั้นจากหมู่บ้านได้หรือไม่นะ
เมื่อเขาเดินเข้าหมู่บ้านไปเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อก่อนเขาต้องได้ยินเสียงหมาเห่าตลอดทางที่เดินเข้าไป ทำไมวันนี้ถึงได้เงียบขนาดนี้กัน หมาหลับกันหมดเหรอ
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบดังขึ้นมา เขาค่อยๆ หันหน้าไปข้างหลังและเจอแมงป่องกำลังไต่ออกมาจากตัวบ้าน!
“อะไรกัน!” เขาไม่กล้าจะหันหลังกลับไปเลย เขาบิดมอเตอร์ไซค์เก่าๆ เร่งความเร็วออกไปข้างหน้า เขาพยายามจะหนีออกมา และเขาไม่สามารถจะกลับไปได้แล้ว เพราะข้างหลังของเขามีฝูงแมงป่องขนาดใหญ่อยู่!
บุรุษไปรษณีย์ต้องหนีตายออกมา เขาไม่สนใจเรื่องหน้าต่างบานนั้นอีกแล้ว เขาต้องเอาชีวิตรอดก่อน!
แต่ในตอนนั้นเขาก็ไม่ทันได้ฉุกคิดว่าถนนในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยหลุมบ่อมากมาย มอเตอร์ไซค์ของเขากระแทกเข้ากับหลุมเหล่านั้นจนทำให้เขากระเด็นออกจากตัวรถ
แต่ก่อนที่เขาจะได้ลุกขึ้นมาวิ่งหนีเอาชีวิตรอด พวกแมงป่องฝูงนั้นก็พุ่งออกมาข้างนอกก่อนเสียแล้ว