ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 721 เสี่ยวซยงสวี่คนเก่ง

เสี่ยวซยงสวี่นำพวกหนูออกไปวิ่งตามท่อน้ำทิ้ง ถ้ามีคนเดินผ่านไปมาข้างบนก็จะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างวิ่งอยู่ใต้ฝาท่อระบายน้ำ

 

 

มีแมลงที่ไม่เป็นภัยอาศัยอยู่ในที่ที่มืดและชื้น อย่างเช่น แมลงเม่าและไส้เดือนแดงมีอยู่ทั่วไป ถ้ามีแมลงแบบนี้มาปรากฏตัวที่บ้านแล้ว ใช้ผงซักฟอกละลายน้ำสักขวดก็จัดการได้

 

 

แต่นั่นก็เป็นก่อนที่พวกมันจะมีวิวัฒนาการ ตอนนี้แมลงเม่าที่มีขนาดใหญ่เท่านิ้วก้อยขยายตัวใหญ่ขึ้นมาเป็นขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือแล้ว มันไม่ได้เข้าโจมตีผู้คน แต่กองทัพหนูก็ไม่ได้ให้ความเมตตาพวกมันเหมือนกัน

 

 

เสี่ยวซยงสวี่รู้ว่าตัวเองสามารถกำจัดแมลงออกไปให้สิ้นซากได้ ไข่ของพวกมันเล็กเกินกว่าที่จะเห็นได้ และไข่พวกนี้ก็จะฟักในอีกไม่กี่วัน แต่ตราบใดที่กองทัพหนูยังอยู่แถวนี้ พวกมันก็จะโดนกำจัดแน่ๆ

 

 

ถึงมันจะเป็นแค่แมลงที่ไม่มีพิษมีภัย แต่พวกมันก็จะเป็นอาหารให้กับแมลงอื่นๆ ที่อันตรายกว่า

 

 

เสี่ยวซยงสวี่กำลังขี่หนูตัวใหญ่อยู่ ทันใดนั้นก็มีตะขาบสีแดงโฉบมาจากด้านบนและพยายามที่จะงับหัวเสี่ยวซยงสวี่

 

 

ตะขาบตัวนั้นตัวใหญ่มาก เกือบจะตัวใหญ่เท่าเสี่ยวซยงสวี่เลย แต่เมื่อมันโฉบลงมา หนูสีเทาที่อยู่ข้างๆ เสี่ยวซยงสวี่ก็รีบกระโดดขึ้นไป ทำให้น้ำในท่อน้ำทิ้งกระเซ็น

 

 

หนูสีเทาตัวนี้ไม่กลัวอะไรเลย มันใช้อุ้งเท้าจับตะขาบแล้วหักออกเป็นสองท่อน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย

 

 

หนูระดับ F อย่างมันจัดการกับตะขาบที่ยังไม่ได้วิวัฒนาการอย่างสมบูรณ์ได้ง่ายมาก เสี่ยวซยงสวี่พยักหน้าด้วยความพอใจ มันเอาขวดใสออกมาจากกระเป๋าสะพายหลังและเอาอุ้งเท้าจุ่มลงไปในน้ำผลล้างไขกระดูกเพื่อมาป้อนเจ้าหนูสีเทาเป็นรางวัล!

 

 

หนูตัวนี้กำลังอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต…

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังกังวลอยู่ว่าเสี่ยวซยงสวี่อาจจะไม่สามารถควบคุมพวกหนูได้ แต่หลี่ว์ซู่ไม่รู้ว่าเสี่ยวซยงสวี่ได้ล้างสมองพวกหนูอยู่ทุกวันโดยการใช้ความสามารถในการควบคุมฝัน มันยังไม่รู้ว่าความสามารถนี้ทำอะไรได้แน่ชัด แต่มันก็เอามาล้างสมองหนูได้

 

 

เสี่ยวซยงสวี่ไม่ได้สอนให้พวกหนูรู้จักความสำเร็จหรือไปกระตุ้นพวกมัน แต่ว่ามันป้อนข้อมูลลงไปว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งและมีอิทธิพลอยางมาในความคิดของพวกหนู

 

 

พวกสัตว์เองก็มีความรู้สึกนึกคิด ถ้าหนูตัวหนึ่งเจอว่าบริเวณหนึ่งมีอาหาร มันก็จะไปที่นั่นอีก และเสี่ยวซยงสวี่ก็ทำสำเร็จเสียด้วย

 

 

แต่มันรู้ว่าหลี่ว์ซู่ก็คิดถูกเหมือนกัน หนูตัวหนึ่งจะไม่สามารถแข็งแกร่งกว่าหนูตัวอื่นๆ ได้ มันจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด พูดกันตามตรงแล้วมันไม่จำเป็นต้องมากังวลเรื่องนี้ก็ได้ เพราะหนูพวกนี้ได้แต่กินน้ำผลล้างไขกระดูกที่เจือจางแล้วเท่านั้น แต่เสี่ยวซยงสวี่ได้กินผลล้างไขกระดูกเต็มๆ ผลเลย

 

 

เสี่ยวซยงสวี่เกือบจะเลื่อนระดับเป็นระดับ B แล้ว ในทางกลับกัน พวกหนูไม่มีทางจะเลื่อนระดับเป็นระดับ B ได้

 

 

เมื่อเสี่ยวซยงสวี่ได้ให้รางวัลในการฆ่าตะขาบไปแล้ว กองทัพหนูทั้งหมดก็จะหยุดเคลื่อนไหว พวกมันเป็นกองทัพทหารที่ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด พวกมันไม่ได้ฆ่าแมลงตัวอื่นต่อ

 

 

ในตอนนี้เสี่ยวซยงสวี่ก็ไม่รู้ว่าทำไมว่ากองทัพหนูจึงหยุดอย่างกะทันหัน แมลงเม่าและไส้เดือนแดงจำนวนมากหนีขึ้นสู่พื้น พวกมันไม่สนใจว่าพวกมันจะมีแสงแดดข้างบนหรือไม่ เพราะกองทัพหนูใต้ดินนั้นน่ากลัวกว่ามาก ถ้าพวกมันกลับไปใต้ดินก็เท่ากับว่าพวกมันกำลังเดินไปสู่ความตาย!

 

 

บริเวณด้านบนที่กองทัพหนูหยุดอยู่นั้นเต็มไปด้วยแมลง แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้โจมตีมนุษย์ แต่ผู้คนก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากที่ได้เห็นแมลงจำนวนมากวิ่งไปมา แมลงบางตัวไต่ออกมาจากท่อใต้บ้านเรือนด้วยซ้ำ ดูแล้วน่าขนลุกที่สุด!

 

 

ผู้คนหลายคนวิ่งออกมาจากบ้านด้วยความตื่นตกใจ แต่บนถนนเต็มไปด้วยแมลงที่โผล่มาจากฝาท่อระบายน้ำเต็มไปหมด!

 

 

เครือข่ายฟ้าดินแจ้งเหตุฉุกเฉินออกไปแล้ว ทุกกลุ่มจะต้องออกไปบริเวณที่มีแมลงมารบกวน ขนาดพวกผู้บำเพ็ญลับยังต้องมารวมตัวโดยคำสั่งของโยวหมิงอวี่เลย

 

 

ตลาดมืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอยู่มี่เมืองลั่ว และที่นี่ก็มีผู้บำเพ็ญลับมากกว่าสมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินเสียอีก แต่พวกผู้บำเพ็ญลับอ่อนแอกว่าเยอะ

 

 

พวกเขาไม่ต้องใช้กำลังในการกำจัดสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งจะอยู่ในขั้นต้นของการวิวัฒนาการมาก พวกผู้บำเพ็ญลับก็เลยมีประโยชน์ในสถานการณ์นี้!

 

 

จงอวี้ถังกำลังนำสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินและนักเรียนห้องเต้าหยวนไปอย่างเร่งรีบ ในขณะที่โยวหมิงอวี่กำลังพาพวกผู้บำเพ็ญลับมา

 

 

“แมลงพวกนี้ไม่ได้อันตรายอะไรหรอก ทำไมเราจะต้องออกมากันหมดด้วย พวกมันไม่ได้มีกันเยอะมากขนาดนั้นด้วยซ้ำ น่ารำคาญจริง” อยู่ๆ ก็มีบางคนพูดขึ้นมา

 

 

จงอวี้ถังขมวดคิ้ว…

 

 

[ได้แต้มจากจงอวี้ถัง +666]

 

 

เขาเดาว่าเสี่ยวซยงสวี่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เครือข่ายฟ้าดินเห็นการเคลื่อนไหวแปลกๆ ของกองทัพหนูมาสักพัก แต่ราชันฟ้าเนี่ยบอกว่าไม่ต้องไปสนใจมาก พวกเขาก็เลยทำตามนั้น

 

 

เขารู้ว่ากองทัพหนูเป็นตัวการในการกวาดล้างท่อน้ำทิ้งใต้ดิน!

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่ฝึกซ้อมจบแล้วเขาก็เห็นว่ามีรายชื่อแต้มอารมณ์ในระบบหลังบ้านเขาเยอะมาก

 

 

และแต้มอารมณ์กว่าร้อยรายชื่อยังคงหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน!

 

 

ถึงแม้ว่าแมลงเหล่านี้จะเล็ดรอดผ่านรอยแตกออกมา แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ก็กำจัดแมลงออกไปแล้ว ชาวเมืองบางคนที่อาศัยอยู่ชั้นบนอาจจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่แมลงจำนวนมากก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน!

 

 

คนกว่าสามพันคนให้แต้มอารมณ์กับหลี่ว์ซู่มาคนละประมาณสามร้อยในเช้านี้!

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่ได้ลองคำนวณแต้มอารมณ์ที่ต้องใช้จุดประกายกลุ่มดาวกลุ่มที่สี่แล้วเขาก็เครียดขึ้นมา เขาต้องใช้แต้มอารมณ์กว่าล้านแต้มเพื่อจุดประกายกลุ่มดาวที่หนึ่ง กลุ่มดวงดาวที่สองใช้อีกล้านแต้ม ในขณะที่กลุ่มดวงดาวที่สามต้องใช้สองล้านแต้ม และกลุ่มดวงดาวที่เจ็ดต้องใช้ทั้งหมดสามสิบสองล้านแต้ม

 

 

เขาจะไปเอาแต้มอารมณ์มากขนาดนั้นมาจากไหนกัน!

 

 

แต่สุดท้ายแล้วแต้มอารมณ์ก็กลับมาเคาะประตูหาเขาเองเสียนี่…

 

 

เช้าวันเดียวหลี่ว์ซู่ได้แต้มอารมณ์ไปถึงสิบสองล้านแต้มด้วยกัน ผลดวงดาวที่หลี่ว์ซู่เอาไปแลกและกินไปแล้วนั้นมีพอสำหรับการจุดประกายดวงดาวที่หนึ่งเลยทีเดียว!

 

 

เมื่อเขาเห็นดาวดวงแรกของกลุ่มดวงดาวที่สี่ส่องสว่างขึ้นมา ทั้งพละกำลังและแสงดวงดาวของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาเห็นว่าเส้นทั้งสามสิบหกเส้นของกระบี่เฉวียอินและแสงดวงดาวได้รวมกันเป็นหนึ่ง ตอนนี้มีเส้นกระบี่เพิ่มขึ้นมาอีกสามสิบสองเส้น ทำให้มีเส้นกระบี่รวมทั้งหมดเป็นหกสิบแปดเส้นแล้ว!

 

 

เส้นกระบี่ทั้งหกสิบแปดเส้นของกระบี่เฉวียอินถูกประสานและพุ่งไปมาเป็นทรงกลม พวกมันจดจ่อมากแต่ไม่ได้ชนกันเลยสักนิด เหมือนกับเป็นดาวตกเลย

 

 

กระบี่เฉวียอินของหลี่ว์ซู่เป็นอาวุธที่เฉียบแหลมและทรงพลังที่สุดในหมู่อาวุธสำหรับศัตรูที่มีจำนวนมาก ยิ่งกระบี่มีเส้นออกมามากเท่าไหร่ ก็จะทำให้การโจมตีได้มากภายในครั้งเดียว

 

 

แต่หลี่ว์ซู่สับสนว่าแต้มอารมณ์ที่ได้มานั้นมาจากไหน

 

 

จงอวี้ถังกำลังโทรมาหาเขา เมื่อเขารับโทรศัพท์แล้วจงอวี้ถังก็ตะโกนใส่ “บอกให้เสี่ยวซยงสวี่อย่าทำตัวมีปัญหามากได้ไหม ถ้ามันอยากจะฆ่าแมลงก็ฆ่าไป อย่าปล่อยให้แมลงออกมาเดินเพ่นพ่านข้างนอกขนาดนี้ได้หรือเปล่า”

 

 

หลี่ว์ซู่ตกใจ ทีนี่เขารู้แล้วว่าแต้มอารมณ์มาจากไหน แต่สิ่งที่เขาตอบกลับไปเป็นอย่างแรกก็คือ “มีคนได้รับบาดเจ็บไหมครับ”

 

 

“ไม่มี! แต่มีแมลงอยู่ทุกที่เลย! มันก็ไม่ได้ปลอดภัยนักหรอก!”

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset