แมงป่องปกคลุมในหมู่บ้านแห่งนั้นเหมือนกับกระแสน้ำเชี่ยว มอเตอร์ไซค์ของบุรุษไปรษณีย์คนนั้นยังติดอยู่ แต่เจ้าของมอเตอร์ไซค์โดนฝูงแมงป่องปกคลุมไปทั่วร่างแล้ว
หลังจากที่แมงป่องได้วิวัฒนาการแล้ว พวกมันก็ไม่กลัวแสงสว่างอีกต่อไป พวกมันแค่ไปหลบใต้ดินเพราะสัญชาตญาณเท่านั้น ที่ผ่านมาแมงป่องจะไม่กล้าเดินออกมาในที่สว่างและไม่กล้าโจมตีบุรุษไปรษณีย์ในตอนกลางวันแบบนี้
แมงป่องไต่กลับเข้าไปใต้ดินอีกครั้ง พอตกดึกมันก็ไต่กันออกมาเหมือนกระแสน้ำ ครั้งนี้พวกมันมีจำนวนมากกว่าเดิม
ราชาแมงป่องรวดเร็วมาก มันไต่แยกออกมาจากแมงป่องตัวอื่นๆ และยืนอยู่บนภูเขาลูกเล็กๆ มันกำลังดมกลิ่นอะไรบางอย่างอยู่ แมงป่องเป็นสัตว์ที่มีต่อมรับกลิ่นดีมากตั้งแต่ก่อนที่พวกมันจะมีวิวัฒนการแล้ว เมื่อก่อนผู้คนจะเอาสารเคมีที่ทำให้ระคายเคืองต่อมรับกลิ่นอย่างเช่น ยางมะตอย สีทาบ้าน น้ำมันเบนซิน หรือยาฆ่าแมลง มาเพื่อกำจัดแมงป่อง ซึ่งจะทำให้แมงป่องหนีออกไปเอง
ราชาแมงป่องกำลังคิดหาทางว่าจะพาฝูงเดินไปทางไหน แต่ในขณะนั้นเองก็มีหนูสีเทาที่มีขนสีดำเป็นกระจุกบนหัวโฉบลงมาข้างหน้าราชาแมงป่อง มันมองไปที่แมงป่องตัวใหญ่ด้วยความสงสัย
ราชาแมงป่องมองหนูสีเทาตัวนั้นกลับ มันกำลังยืดอุ้งเท้าออกไปสะกิดราชาแมงป่อง
หางของราชาแมงป่องพุ่งเข้าใส่หนูสีเทาเหมือนกับลูกศร มันอยากจะทำโทษหนูตัวนั้นที่ขี้สงสัยเกินเหตุ แต่หนูตัวนั้นกลับจับหางของราชาแมงป่องไว้แน่น
ราชาแม่งป่องโกรธจัด มันยื่นก้ามของมันออกไปเพื่อโจมตี แต่หนูตัวนั้นกลับหดอุ้งเท้าเข้ามาและถอยหลังไปห้าเมตร มันมองแมงป่องและใช้ความคิดอย่างเงียบๆ ราชาแมงป่องไม่คิดว่าหนูสีเทาจะเคลื่อนไหวได้เร็วขนาดนี้ ทั้งสองตัวหยุดดูเชิงกันไปชั่วขณะ…
วินาทีต่อมาหนูสีเทาก็เข้าไปโจมตีราชาแมงป่อง ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังราชาแม่งป่อง ระลอกคลื่นสีดำก่อตัวขึ้นมาข้างหลัง ดูดุร้ายน่ากลัวเหลือเกิน
หนูสีเทารีบหันหลังวิ่งหนีไป ราชาแมงป่องพอใจมาก ระลอกคลื่นสีดำพวกนั้นไล่ล่าหนูสีเทาตัวนั้นไปด้วยเสียงขู่ฟ่อ
หลี่ว์ซู่ทำอาหารเช้าหลังจากฝึกกระบี่เสร็จแล้ว เสี่ยวซยงสวี่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำลังนั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหาร
ก๊อก ก๊อก ก๊อก! ใครคนหนึ่งเคาะประตูขึ้นมา หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปเปิดประตูแต่ไม่รู้จักคนที่อยู่ข้างนอก หลี่ว์ซู่โผล่ศีรษะออกมาดูแล้วก็เห็นผู้ชายวัยกลางคนยืนอยู่ “มาหาใครครับ”
ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ช่วยของชายวัยกลางคนคนนี้ยืนอยู่ด้านหลัง รองเท้าหนังของเขามันขลับ เขาดูจะเป็นผู้ชายที่ประสบความสำเร็จมาก และเขายิ้มให้หลี่ว์ซู่ “หนุ่มน้อย พ่อแม่อยู่บ้านหรือเปล่า”
หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหน้ากัน หลี่ว์ซู่ตอบกลับ “เข้าเรื่องมาเลยดีกว่าครับ”
“คืองี้นะ ฉันอยากจะซื้อบ้านหลังนี้ในราคางามๆ เลย เธออยากจะโอนกรรมสิทธิ์ของบ้านหลังนี้ให้ฉันหรือเปล่า” ชายวัยกลางคนถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ครับ ลองไปถามบ้านอื่นเถอะ” หลี่ว์ซู่อึ้งไป ทำไมถึงมีคนอยากได้บ้านเก่าๆ และสวนที่ดูไม่ได้อย่างบ้านของเขาด้วยนะ
มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นแล้วล่ะ หลี่ว์ซู่กำลังเดาว่าชายคนนี้อยากซื้อบ้านของเขาไปทำไม อาจเป็นเพราะมีปลวกทำลายตึกให้สึกกร่อนจนถล่มไปก่อนหน้านี้ ทำให้บางคนไม่อยากอยู่บนตึกสูงๆ อีกต่อไปก็ได้
ในเมืองลั่วนี้ก็ไม่ได้มีคฤหาสน์มากมาย บ้านที่ว่างก็มีไม่เยอะ เมื่อคืนมีคนบอกว่าราคาของคฤหาสน์ถูกตั้งไว้สูงเกินจริง ขนาดเศรษฐีบางคนยังจ่ายไม่ไหวเลย
เมื่อพวกเขาซื้อคฤหาสน์ไม่ได้ก็เลยมาหาซื้อบ้านชั้นเดียวแทนสินะ
ดูจากฐานะของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็คงจะซื้อบ้านชั้นเดียวและค่อยตกแต่งใหม่ไม่ยาก แต่หลี่ว์ซู่รู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่ไปแล้ว เขาไม่อยากจะย้ายออกไปถึงจะมีคนเสนอให้ไปอยู่คฤหาสน์แทนก็เถอะ
“เดี๋ยวก่อนครับ!” อยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็พูดขึ้นมา “แล้วคุณคิดอย่างไรกับบ้านข้างๆ บ้านเราล่ะครับ”
ชายวัยกลางคนชะงักไป “ฉันไปเคาะประตูแล้วแต่ไม่มีใครตอบกลับ ฉันเห็นว่าสวนดูสะอาดดี แปลว่าน่าจะมีคนอยู่แน่ เธอรู้ไหมว่าฉันจะติดต่อกับเจ้าของได้อย่างไร”
ไม่มีใครอยู่บ้านข้างๆ พวกเขาหรอก เพราะนั่นเป็นบ้านที่หลี่เสียนอียกให้หลี่ว์ซู่ ที่สวนดูสะอาดเป็นเพราะว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เข้าไปทำความสะอาดทุกวันนั่นเอง
บ้านนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรถึงแม้ว่าจะไม่มีคนอยู่ เพราะฉะนั้นหลี่ว์ซู่เลยไม่ได้ขายบ้านนั้นทิ้ง สุดท้ายแล้วปู่เสียนอีก็ยกบ้านหลังนั้นให้เขาล่ะนะ
แต่ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะได้เปิดปาก หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ตอบกลับเสียงเรียบ “เราขายไม่ได้หรอก ถ้าเกิดเขากลับมาอยู่บ้านนี้ทีหลังล่ะ”
หลี่ว์ซู่หยุดคิดไปนิดหนึ่ง อย่างนี้เองสินะ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถีงได้ไปทำความสะอาดสวนในบ้านหลังนั้นทุกวันเลย เขาหันไปหาผู้ชายวัยกลางคนแล้วตอบกลับ “ขอโทษครับ เราไม่ขายครับ”
ปัง! หลี่ว์ซู่ปิดประตูแล้วกลับไปทำกับข้าวต่อ
คนรวยหลายคนไม่ค่อยอยากจะอยู่บนตึกสูงเท่าไหร่ บางคนออกประกาศเลยว่ากำลังรับสมัครบอดี้การ์ดอยู่ พวกเขากลัวว่าจะโดนสัตว์กลายพันธุ์เข้ามาทำร้าย คนรวยๆ พวกนี้จะเสี่ยงชีวิตไม่ได้ พวกเขาจะไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนั้น
ตึกออฟฟิศในเมืองลั่วถล่มลงไปแล้ว บ้านหลายๆ หลังในเมืองก็มีปลวกระบาดเช่นกัน เป็นปัญหาระดับโลกไปแล้ว ผู้คนกำลังโพสต์ในกระทู้มูลนิธิมากกว่าปกติถึงสี่เท่า พวกเขากำลังพูดคุยกันว่าจะทำอย่างไรดีถ้ามีภัยพิบัติเกิดขึ้นจริงๆ คดีลักขโมยและอาชญากรรมเพิ่มขึ้นสิบเท่าในหลายแห่ง และการอยู่บ้านเฉยๆ อาจจะดีกว่า ของในซุปเปอร์มาร์เก็ตโดนคนกวาดซื้อเรียบโดยเฉพาะเมล็ดธัญพืช
ตอนที่ผู้มีพลังถือกำเนิดขึ้นมา ทุกคนก็มีปฏิกิริยาเหมือนกัน เพราะผู้มีพลังก็คือมนุษย์ และมนุษย์ก็ยังสื่อสารได้ แต่ปลวกพวกนี้ต่างออกไป
ทันใดนั้นก็มีคนเคาะประตูอีกครั้ง หลี่ว์ซู่เปิดประตูออกไปเจอหนูตัวเล็กๆ มันส่งสัญญาณอะไรบางอย่างกับเสี่ยวซยงสวี่ และเสี่ยวซยงสวี่ก็รีบคว้ากระเป๋าถือวิ่งออกไป
“จะไปไหนน่ะ ข้าวเช้าเดือบเสร็จแล้วนะ” หลี่ว์ซู่ตะโกนไล่หลัง
แต่เสี่ยวซยงสวี่ไม่หันกลับมาด้วยซ้ำ เสี่ยวซยงสวี่คิดว่านี่เป็นหนทางที่เหมาะสำหรับการพิสูจน์ตัวเองเลย เห็นที่หลี่ว์ซู่ชมเขาเมื่อวานไหมล่ะ ถึงแม้ท่าทางที่เขาชมจะดูดุร้ายไปนิดแต่ก็ถือว่าเป็นคำชมล่ะนะ
คลื่นสีดำเข้าโจมตีมาที่เมืองลั่ว ราชาแมงป่องได้กลิ่นเลือดเนื้อมาไกลๆ แต่เมื่อพวกมันกำลังเข้ามาใกล้เมืองมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีหนูจำนวนมากโผล่มาจากท่อน้ำทิ้งตามถนนเยอะขึ้นเท่านั้น
รังของแมงป่องหนึ่งรังจะมีแมงป่องอยู่ประมาณสองร้อยถึงถ้าร้อยตัว และรังแมงป่องในหมู่บ้านก็ถือว่าค่อนข้างใหญ่ทีเดียว รังหนึ่งมีแมงป่องถึงสี่ร้อยตัว
หลังจากที่คืนแห่งการวิวัฒนาการและผสมพันธุ์ผ่านไปแล้ว คลื่นแมงป่องนี้ก็มีแมงป่องทั้งหมดหนึ่งหมื่นสองพันตัวด้วยกัน และสองพันตัวก็เป็นแมงป่องที่มีพิษที่รอดมาจากสนามรบเมื่อคืน อีกเก้าพันตัวเป็นแมงป่องเกิดใหม่ เมื่อราชาแมงป่องเห็นจำนวนแมงป่องที่มากขนาดนี้แล้วมันก็รู้สึกได้เลยว่าไม่สามารถมีใครเอาชนะมันได้แน่นอน
มันไม่มีปัญหาในการโจมตีหมู่บ้านด้วยจำนวนแมงป่องที่มากขนาดนี้ มันไม่กลัวพวกมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าพวกมันหรอก!
แต่ในขณะที่มันกำลังจะเข้าไปกำจัดพวกมนุษย์ พวกมันก็มาเจอกองทัพหนูกันเสียก่อน จำนวนของพวกหนูน่าทึ่งมาก แต่เมื่อมันเป็นกองทัพหนูที่มารวมกัน…นี้ยิ่งดูน่าทึ่งกว่า…
เสี่ยวซยงสวี่ขี่หนูสีเทาตัวที่ใหญ่ที่สุดและค่อยๆ หยุดอยู่ตรงหน้าราชาแมงป่อง ตอนนี้กองทัพหนูได้ล้อมระลอกฝูงแมงป่องพวกนี้แล้ว มันเอาสมุดเล็กๆ ออกมาเขียน [พวกแกโดนล้อมแล้ว]
แมงป่องพวกนี้จะอ่านหนังสือไม่ออกแน่ๆ และพวกมันก็พูดไม่ได้เหมือนกัน แต่เสี่ยวซยงสวี่รู้สึกว่าเรื่องที่มันทำโหดร้ายมาก