ระบบสกุลเงินยังไม่ได้ล่มสลายไปในยุคแห่งพลังจิตวิญญาณแบบนี้ ทำให้เงินยังถือว่าเป็นอำนาจที่แข็งแกร่งอยู่ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าที่เมืองลั่วนี้ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพวกหนูเลย ก่อนหน้านี้มีปัญหาแมงป่องเข้ามารบกวนเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็จัดการไปได้ ท่อน้ำใต้ดินเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นเมืองลั่วก็เป็นเมืองที่ปลอดภัยที่สุดในประเทศแล้ว…
ผู้คนค่อยๆ เข้ามาตรวจดูและวิเคราะห์พื้นที่นี้กัน และผลที่ออกมาก็น่าตกใจมาก นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเจอเสี่ยวซยงสวี่หน้าตาน่ารักมาเข้าฝันบ้างบางครั้ง เมืองลั่วนี่เป็นเมืองที่ปลอดภัยจริงๆ นั่นแหละ!
แต่กระรอกไม่ใช่หนู ถ้าเป็นหนูแล้วทุกคนก็คงจะกลัวที่มีหนูตัวใหญ่ยักษ์อยู่ในฝูงกองทัพหนูอยู่ แต่ถ้าเป็นแค่กระรอกก็ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไร
เมื่อเฉินจู่อานอยากจะอยู่ห่างอาจารย์ใหญ่เนี่ยในช่วงเรียนมัธยมปลายแล้วเขาก็จะออกไปฝึกเพื่อให้ตัวเองสบายใจ เขาอยากจะไปอยู่ในบ้านบนภูเขาสูงที่มีความเข้มข้นของพลังจิตวิญญาณเยอะๆ และอยู่ห่างจากทุกคนบนโลกไปเลย
พอเขาฝึกจนแข็งแกร่งมากแล้ว เขาก็จะไปเอาคืนอาจารย์ใหญ่เนี่ยทำให้เขาต้องลำบากมากขนาดนี้! เขาอยากจะแกร่งจะไม่มีใครเอาชนะได้เลย!
เขาจะหาผู้หญิงสวยๆ สองคนมาอยู่ด้วยในบ้านบนภูเขาเพื่อแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่สงบสุขของเขา ผู้หญิงคนแรกจะชื่อชิงเฟิงส่วนอีกคนจะชื่อว่าหมิงเยว่
แต่ตอนนี้น่ะเหรอ พวกเขาจะต้องไปเอาตัวอย่างมาทำวิจัยน่ะสิ
หลี่ว์ซู่กำลังขบคิด เมื่อเนี่ยถิงไม่ได้พยายามจะคลี่คลายข้อขัดแย้งระหว่างพวกเขาแต่โดยดีอย่างนี้ เขาควรไปที่ภูเขาจั่งไป๋เพื่อไปขโมยเอาของที่เนี่ยถิงปกปิดมาตลอดเพื่อเอามาทำวิจัยเลยดีไหมนะ!
หลี่ว์ซู่ทนโดนหยามไม่ไหวแล้ว!
หลัวหนานที่นั่งฟังพวกเขาถกอยู่ช้างๆ พูดขึ้นมา “ฉันมีคำแนะนำดีๆ ที่จะให้พวกเธอผ่านได้นะ”
หลัวหนานมีความกังวลของตัวเองที่พูดออกมาไม่ได้ เมื่อเขาเห็นรายชื่อนักเรียนแล้วเขาก็ไม่พอใจขึ้นมา เพราะข้อมูลของนักศึกษาเหล่านี้ถูกเก็บเป็นความลับขั้นสุดยอด เขาที่เป็นอาจารย์ยังไม่สามารถเข้าไปดูได้เลย ตัวตนของนักศึกษาเหล่านี้ดูจะต่างไปจากคนอื่นมาก
จนตอนนี้พวกนักเรียนก็ไม่ได้สนใจเขามาก โดยเฉพาะเฉาชิงฉือที่มีจิตสังหารรุนแรงอยู่ภายใต้อารมณ์ที่นิ่งเฉยนั่น นักศึกษาหญิงคนนี้มองดูแล้วยังไงก็เหมือนกับนักฆ่า เขาไม่อยากจะรู้ด้วยว่าเธอฆ่าไปกี่ศพแล้ว
ถึงเขาจะเป็นถึงอาจารย์ในวิทยาลัยบำเพ็ญลั่วเฉิง หลัวหนานก็ไม่มีความกล้าที่จะพูดอะไรออกไปเลย…
หลี่ว์ซู่และเฉินจวนหันมามองหลัวหนาน “คำแนะนำอะไรกันครับ”
“พวกเธออาจจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน ก่อนหน้าที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันทำงานวิจัยสายพันธุ์โดยเฉพาะ และฉันก็ทำงานอยู่ในที่ที่พิเศษมากด้วย” หลัวหนานยิ้ม “ภูเขาคุนหลุนไงล่ะ” “ช่วงแรกที่เกิดยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืนขึ้นมา เครือข่ายฟ้าดินก็ไปสร้างฐานทดลองที่นั่น ถ้าพูดถึงต้นกำเนิดของอารยธรรมแล้ว สถานที่นั้นถือว่าศักดิ์สิทธิ์และลึกลับมาก อีกอย่างเราก็ไม่ได้สำรวจอะไรกันมากในที่นั่นด้วย แต่ว่าเรามีฐานทดลองที่นั่นเยอะมาก และก็ไม่ค่อยมีคนระดับ C เป็นหัวหน้านำทดลองเยอะเท่าไหร่ด้วย” หลัวหนานอธิบาย
หลี่ว์ซู่คิดตาม งั้นหลัวหนานก็ทำการทดลองมาตั้งนานแล้ว ถึงว่าล่ะว่าทำไมเขาได้มาเป็นอาจารย์ในวิทยาลัยลั่วเสินนี้
พวกเขาคงต้องการคนที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จริงๆ ถ้าไปถามเฉินไป่หลี่ที่เป็นระดับ A ให้มาอธิบายเรื่องหนูกลายพันธุ์เขาก็คงจะไม่รู้เรื่องมาก แต่หลัวหนานอาจจะอธิบายได้ดีก็ได้
อีกอย่างเครือข่ายฟ้าก็น่าจะเข้าไปตรวจสอบที่ภูเขาคุนหลุนเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะที่นั่นถูกขนานนามว่าเป็นบรรพบุรุษแห่งขุนเขาและเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งแรกด้วย และก็มีตำนานเล่าขานกันมามากรอบๆ ภูเขาแห่งนั้น
ช่วงต้นของยุคพลังจิตวิญญาณ เครือข่ายฟ้าดินก็อยากจะเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติม พวกเขายังอยากได้ทรัพยากรการบำเพ็ญที่อาจจะหาเจอที่นั่นด้วย การเข้าไปตรวจสอบภูเขาคุนหลุนจึงเป็นตัวเลือกแรกของพวกเขา
หลัวหนานพูดต่อ “แต่สามเดือนก่อนหน้านี้เรากลับเสียการติดต่อกับฐานที่หุบเขามรณะไป ที่นั่นมีคนระดับ C ดูแลอยู่ด้วยนะ เมื่อเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเราก็เลยส่งคนไปตรวจดู แต่พอค้นแล้วก็กลับไม่เจอใครอยู่ที่ฐานเลยสักคน ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ด้วย อ้อ ที่หุบเขามรณะยังมีอีกชื่อหนึ่งด้วยนะ เรียกกันว่าประตูสู่นรกยังไงล่ะ”
“แล้วในสถานการณ์แบบนั้นเราก็ยังเจอกับสัตว์กลายพันธุ์มากมายขณะตรวจสอบพื้นที่แห่งนั้น ทำให้เราต้องถอยกลับอย่างช่วยไม่ได้ แล้วหลังจากนั้นฉันก็เลยมาเป็นอาจารย์นี่แหละ” หลัวหนานยิ้ม “ฉันยังสงสัยหลายๆ อย่างเกี่ยวกับสถานที่นั้นอยู่เลย อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถ้าทุกคนอยากตามฉันมาเพื่อไปเอาตัวอย่างเราอาจจะสร้างชื่อเสียงในโลกแห่งการบำเพ็ญได้เยอะเลยนะ แล้วการสอบผ่านหรือไม่ผ่านในวิทยาลัยก็ถือว่าเป็นเรื่องเล็กไปเลย”
เฉินจู่อ่าน เฉิงชิวเฉี่ยวและคนอื่นๆ กำลังคิดกันหนัก พวกเขาดูอยากจะไปเหมือนกัน และพวกเขาก็เป็นเด็กรุ่นใหม่ด้วย ใครกันจะไม่อยากมีชื่อเสียงกันล่ะ ถ้าพวกเขาเก็บตัวอย่างหายากมาได้ พวกเขาก็คงจะเป็นคนดังในเครือข่ายฟ้าดินเลย เฉินจู่อานเห็นภาพตัวเองมีสาวๆ สวยๆ มาล้อมรอบเรียบร้อยแล้ว
แต่พวกเขาก็มองหลี่ว์ซู่เพื่อดูว่าเขาจะคิดอย่างไร หลัวหนานบอกว่าพวกระดับ C พวกนั้นหายไปอยางไร้ร่องรอย ทั้งเฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวก็อยู่ระดับ C กันทั้งสองคน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ระดับ C แต่พวกเขาก็อยากจะกลับบ้านมาอย่างปลอดภัย แล้วพวกเขาคงจะหวังพึ่งหลี่ว์ซู่ เฉาชิงฉือ และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไว้มากเหมือนกัน
ที่จริงแล้วหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็อยู่ระดับ C เหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างพวกเขาไม่ได้เห็นว่าเธอเป็นคนระดับ C เลย
“ผมไม่ไปนะ” หลี่ว์ซู่บอก
[ได้แต้มจากหลัวหนาน +999!]
หลี่ว์ซู่หันไปยิ้มกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ “ปะ กลับบ้านกันเถอะ”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตามหลี่ว์ซู่ออกไปอย่างเชื่อฟัง แต่ก่อนที่เธอจะออกไปเธอก็หันไปเหลือบมองหลัวหนาน
หลี่ว์ซู่เปิดประตูออกไปก็เห็นคนจำนวนมากมาออกันที่ประตู พวกเขาอยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในห้องเรียนนี้
หลายๆ คนจำหลี่ว์ซู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะตอนนั้นที่เขาต่อสู้ในโบราณสถานลบนัวร์ เขาก็อยู่ในชุดเกราะทองคำมาตลอด
แต่สำหรับนักศึกษาจากเมืองลั่วที่มาดูว่าใครกันนะที่เลือกเรียนสาขานี้ในยุคแห่งพลังจิตวิญญาณ เมื่อได้เห็นราชาปิศาจเดินออกมาจากห้องนั้น พวกเขาก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นักศึกษาจากเมืองลั่วค่อยๆ ดึงเสื้อของนักศึกษาคนอื่นให้ห่างออกมาจากหลี่ว์ซู่ เพื่อจะบอกเป็นกลายๆ ว่าอย่าได้พูดอะไรออกไปเชียว แต่นักศึกษาเหล่านั้นกลับหัวเราะใส่พวกเขาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ตามออกไปอยู่ดี…
หลี่ว์ซู่ไม่ได้ไปฝึกทหาร แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปมา ทุกคนรู้จักชื่อของหลี่ว์ซู่แต่ไม่มีใครเคยเห็นเขามาก่อน แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้นต่างออกไป เพราะตอนที่เธอไปฝึกทหาร เด็กผู้ชายทุกคนกลัวแทบตาย…
เมื่อทุกคนเห็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ตกใจกันหมด ทำไมหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถึงมาสมัครเรียนสาขาแขนงนี้กันเนี่ย ทุกคนเห็นว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นคนที่อารมณ์ฉุนเฉียวง่ายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเจอมา
หลี่ว์ซู่ไม่ได้สนใจพวกเขาแล้วเดินออกไป เมื่อทุกคนเห็นหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ฟังที่หลี่ว์ซู่พูดทุกอย่างพวกเขาก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
“เดี๋ยวนะ จำพี่ชายที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เคยพูดถึงบ่อยๆ ที่ค่ายทหารได้หรือเปล่า…”
แล้วเฉาชิงฉือก็เดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวเดินตามมาติดๆ พวกนักเรียนที่มาดูคนเลือกความเชี่ยวชาญด้านวิจัยสายพันธุ์ถึงกับพูดไม่ออก…
เฉาชิงฉือเป็นนักเรียนห้องเต้าหยวนไม่กี่คนที่เลื่อนระดับเป็นระดับ B เธอเป็นหัวกะทิ แต่เธอกลับมาสมัครเรียนในสาขานี้เนี่ยนะ…